 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
Chapter 11
เช้าวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง หากแต่เป็นเช้าวันใหม่ที่คาเรนตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ไม่ใช่เพราะเธอนอนตกเตียง แต่เป็นเพราะเสียงแตรรถที่ดังระงมไปหมด ซึ่งนั่นทำให้คาเรนในชุดนอนยาวลายหมีพูห์ต้องลุกจากเตียงด้วยใบหน้าที่ยู่ยี่ไปยังหน้าต่างเพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก โดยสิ่งที่เธอได้พบคือรถที่วิ่งกันขวักไขว่ไปมาเต็มท้องถนนซึ่งนั่นก็เป็นปกติของการจราจรภายในเมืองของวอชิงตัน หากแต่มันออกจะแตกต่างจากบ้านของเธอในนิวยอร์ค เพราะบ้านของเธอนั้นอยู่ในย่านที่พักอาศัย ไม่ใช่ย่านธุรกิจเฉกเช่นคอนโดของอาลิเซียจึงทำให้ในตอนเช้า ๆ ไม่ได้มีรถวิ่งมากมายเช่นนี้
“อ...อือ ตื่นแล้วรึเท็ดดี้” อาลิเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงียพลางกลิ้งไปมาบนเตียง
คาเรนหันกลับมามองอาลิเซียที่นอนทำตาปรืออยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ท่าทางของเธอดูจะไม่ชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้เอามาก ๆ ด้วยเพราะในความเป็นจริงแล้วเธอน่าจะนอนได้ยาวกว่านี้ แต่ความรู้สึกที่ไวต่อเสียงต่าง ๆ รอบตัวมันปลุกให้เธอตื่นก่อนเวลา
“ตื่นเต็มตาเลย สภาพแบบนี้ฉันทนนอนไม่ไหวหรอก เสียงมันรบกวนเอามาก ๆ เลยล่ะ”
อาลิเซียกลับตัวมามองคาเรนด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะจริงอยู่เสียงรถราด้านล่างอาจจะดัง แต่ห้องของเธอก็กันเสียงจากภายนอกได้ในระดับหนึ่งและห้องก็อยู่ถึงชั้นหก เสียงที่เล็ดลอดเข้ามาได้ก็เพียงน้อยนิด ไม่น่าที่จะทำให้คาเรนต้องนอนไม่หลับแต่อย่างใด และถ้าจะว่าไปสภาพที่เกิดขึ้นก็ไม่น่าต่างจากนิวยอร์ค หากแต่คาเรนกลับแสดงปฏิกิริยาเหมือนไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เธอจึงแหย่คาเรนกลับไป
“นี่หล่อน กลายเป็นชาวป่าชาวดงจนรับสภาพในเมืองไม่ได้ซะแล้วรึยังไงยะ”
คาเรนได้แต่ทำหน้าบึ้งโดยไม่ได้โต้ตอบอาลิเซียแต่อย่างใด เธอเองก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนคนป่าที่ตื่นกับสภาพในเมืองใหญ่มากจริง ๆ เพราะมันดูวุ่นวายสับสน ขัดกับความต้องการของเธอที่ดูจะต้องการความสงบเงียบแบบในป่าเสียจริง ๆ แต่กระนั้นเธอก็มองว่าอาจจะเป็นความปกติในตัวเธอที่เริ่มมีมากขึ้น เธอรู้สึกว่าตนเองต้องการเวลานอนมากขึ้น ประสาทสัมผัสไวขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะบอกใครยังไง ได้แต่ปล่อยไปเช่นนี้
อาลิเซียที่กล่าวจบก็นอนมองคาเรนอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าด้วยคาเรนที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยเหมือนว่าเธอยอมรับว่าเป็นคนป่าไปแล้วจริง ๆ ทำให้อาลิเซียเบื่อ ๆ นิดหน่อยที่ยั่วคาเรนไม่สำเร็จ เธอจึงลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วขยี้ตาก่อนที่จะลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้า จากนั้นจึงถอดชุดนอนของตนเองออกทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจคาเรนเลยสักนิด หากแต่คาเรนเองก็ดูจะเฉย ๆ ต่อภาพที่เห็น เธอไม่ได้โวยวายหรือแสดงอาการตกใจแต่อย่างใด คาเรนยังคงยืนมองอาลิเซียอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเกาศีรษะนิดหน่อย ส่วนอาลิเซียนั้นเอาผ้าเช็ดหัวมาห่มพร้อมทั้งคิดในใจ
‘ตื่นเช้าแบบนี้ก็ดี จะได้เอาข้อมูลไปเปรียบเทียบให้เสร็จไว ๆ’
แล้วอาลิเซียก็เดินออกจากห้องไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้คาเรนกลับมากนอนแผ่หราบนเตียง เพื่อรออาบน้ำเป็นคนต่อไป หากแต่สิ่งที่อาลิเซียกล่าวไว้ทำให้เธอคิดหนัก โดยเฉพาะความรู้สึกที่ว่า ‘เธอเริ่มมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไปจากเดิม’ จริง ๆ แล้วคาเรนก็รู้อยู่เต็มอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และเธอยังรู้ไปถึงขั้นว่าจะแก้ไขยังไง ทว่าเธอกลับไม่กล้าที่จะแก้ไขมันด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจึงได้แต่คิดถึงอนาคตเท่านั้นเอง
“...จะอยู่ได้อีกกี่ปีกันนะเรา”
คาเรนกล่าวพลางเอามือตัวเองมาก่ายหน้าผากด้วยความรู้สึกกังวลกับอนาคตที่ตนเองยังสะสางไม่เสร็จ เธอค่อนข้างปลงกับชีวิตเสียแล้ว เพียงแต่บางครั้งมันก็มีเรื่องที่ยังค้าง ๆ คา ๆ อยากจะทำให้เสร็จก่อนจะ ‘ตาย’ เท่านั้นเอง --------------------------------------------------------
หลังจากที่คาเรนและอาลิเซียอาบน้ำแต่งตัวแล้วนั้น ทั้งสองก็เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยที่อาลิเซียทำงานทันที เพราะอาลิเซียไม่อยากรอช้าเสียเวลามากนัก หากแต่เพราะอาลิเซียเองไม่ได้มีรถส่วนตัว และลอว์เรนซ์ก็ไปทำงานที่ต่างรัฐในวันนี้ทั้งสองจึงต้องไปด้วยรถประจำทางแต่นั่นก็ไม่ได้เสียเวลามากนัก ทั้งสองใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ซึ่งอาลิเซียก็เดินนำเธอไปจนถึงภาควิชาชีววิทยา ซึ่งมีชื่อของอาลิเซียติดไว้ที่หน้าห้องในฐานะเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
“...” คาเรนที่เห็นที่ทำงานของอาลิเซียดูจะงง ๆ ไปเล็กน้อย ก่อนที่จะชี้ไปยังที่ทำงานของคาเรนแล้วเอ่ยถามขึ้น
“เธอทำงานอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ที่ WSU รึ”
อาลิเซียหันมาทำหน้างง ๆ ใส่คาเรนก่อนจะย้อนถามกลับไป “หล่อนไปเอามาจากใหนว่าชั้นทำอยู่ที่ WSU”
“คนที่ FBI บอกน่ะ”
“แล้วหล่อนไม่คิดบ้างเรอะว่าคอนโดชั้นอยู่นี่ จะให้ถ่อไปถึง WSU ที่ห่างร่วม 2,000 กว่าไมล์ได้ยังไง”
“เหยอ แย่จังเลย” คาเรนตอบแก้เขินไปแบบเอ๋อ ๆ เพราะเธอลืมคิดไปจริง ๆ อาลิเซียส่ายหัวให้กับความคิดที่บางครั้งดูไม่ฉลาดของคาเรน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรนักเพราะตั้งแต่สมัยเรียนคาเรนก็จัดว่าเป็นสาวออกบ๊อง ๆ ต๊อง ๆ เสมอ หากแต่พอเป็นเรื่องเรียนหรืองานปฏิบัติเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
อาลิเซียเปิดประตูเข้าไปในห้องซึ่งไม่ได้เป็นระเบียบนัก ด้วยเพราะตำราต่าง ๆ วางสุมเต็มไปหมด ภายในห้องก็ไม่มีใครอยู่เลยซึ่งทำให้คาเรนแปลกใจเล็กน้อยที่เป็นห้องทำงานรวม แต่มันกลับดูเหมือนห้องทำงานส่วนตัวเสียมากกว่า เธอจึงถามอาลิเซียออกไป
“โคอาล่า นี่เป็นห้องทำงานส่วนตัวเธอไปแล้วรึ?”
“เปล่าซักหน่อย แค่เวลาปกติคนอื่น ๆ เขามักจะไปขลุกอยู่ที่แล็บกันซะเป็นส่วนใหญ่เท่านั้นเอง” อาลิเซียจัดแจงวางข้าวของต่าง ๆ ก่อนที่จะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมสะสางงานที่รับจาก FBI ไว้ให้เสร็จสิ้นไป ด้านคาเรนที่เห็นอาลิเซียเริ่มทำงานก็เดินเข้ามาประกบใกล้ ๆ ทันที ซึ่งอาลิเซียรู้สึกรำคาญนิด ๆ กับการที่คาเรนตามติดเธอแทบทุกอย่าง แม้เธอจะเข้าใจว่าคาเรนนั้นอยากรู้อยากเห็น แต่ก็อดที่จะรำคาญไม่ได้เลยจริง ๆ
“หล่อนไม่คิดว่ามาเกาะติดชั้นแบบนี้ จะทำให้งานไม่เดินบ้างมั้ย?”
“ไม่เลย ฉันรู้ว่าเธอทำงานได้ เพราะตอนในแล็บฉันก็นั่งเซ้าซี้กับเธอเกือบตลอดเวลานะ” คาเรนตอบไปอย่างเรียบ ๆ ออกจะลอยหน้าลอยตากวน ๆ นิดหน่อย แต่อาลิเซียก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะในแล็บที่ FBI คาเรนก็นั่งถามนั่นถามนี้เธออยู่ตอลดเวลา จะมาเงียบก็ตอนสองชั่วโมงสุดท้ายที่คาเรนเหมือนจะง่วงเท่านั้นเอง
“งั้นก็กวนชั้นให้ตลอดละกันนะยะ”
อาลิเซียตอบไปเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดในแล็บ ก็ตอนนั้นเธอดันปล่อยให้คาเรนเซ้าซี้ได้เต็มที่ ครั้งนี้คาเรนก็เลยทำแบบเดิมโดยคิดว่าเธอจะไม่รำคาญเหมือนครั้งก่อน
การเปรียบเทียบเริ่มต้นขึ้นทันทีที่อาลิเซียกล่าวจบ เธอเริ่มนำโค้ด DNA ที่ได้มาเทียบกับฐานข้อมูลที่ทางมหาวิทยาลัยมีการเก็บไว้ เธอไม่ได้คิดจะลงในรายละเอียดมากนัก เพราะกว่าจะรู้ทุกอย่างคาเรนและเธออาจจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกหลายวันแน่นอน และเท่าที่ดูคาเรนออกจะรีบร้อนอยากได้ผลไว ๆ ซะด้วย
--------------------------------------------------------------
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
26 มี.ค. 53 23:06:24
|
|
|
|
 |