เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน คุณลุงมาเยี่ยม อีกรอบ
|
|
สืบเนื่องมาจากกระทู้เก่าด๋อยโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นจึงขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันใหม่อีกครั้งนะคะ
เรื่องที่ 52
คุณลุงมาเยี่ยม
เรืองเล่าในคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อราวสามสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นพี่อายุราว 11 ขวบ เป็นเรื่องราวที่ประสบตอนไปนอนที่โรงพยาบาลเพราะต้องเข้ารับการผ่าตัดต่อมทอลซิน
แรกเกิดพี่เป็นเด็กที่มีสุขภาพอ่อนแอมาก แม่บอกว่าตัวจะร้อนเกือบตลอดเวลาและถ้าไม่สบายก็จะร้องไห้จนเสียงแห้ง คุณตาซึ่งเป็นแพทย์โบราณบอกกับแม่ว่า ลูกเอ็งคนนี้จะป่วยไปตลอดชีวิต ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านพูดเพราะทุกวันนี้พี่มักไม่สบายง่าย แถมถ้าเป็นทีอาการจะหนัก โรคประจำตัวในตอนนี้ก็คือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ยังไม่นับพวกซีสต์ที่ชอบผุดตรงโน้นโผล่ตรงนี้ให้ตกใจเล่น
โรคประจำตัวแรกของพี่คือ ต่อมทอลซินเป็นพิษ ผู้ที่มีความรู้คงจะทราบว่าเจ้าต่อมที่ว่าเนี่ยมันเปรียบเสมือนตม.ประตูแรก เอาไว้คอยกักเชื้อโรคทั้งหลายไม่ให้เข้าไปในทางเดินอาหารและหลอดลม แต่ถ้าตัวต่อมทอลซินเองเป็นพิษมันจะให้ผลตรงกันข้าม ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงตาย
ในสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้าเหมือนตอนนี้ กว่าพี่ต้องรอจนมีอายุประมาณ 11-12ขวบถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าผ่าตัด ซึ่งตอนนั้นเลือกโรงพยาบาลูมิพลเพราะใกล้บ้านและครอบครัวเป็นทหารอากาศ หลังจากติดต่อขอห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วหมอจึงสั่งให้ไปนอนที่โรงพยาบาลหนึ่งวันก่อนวันผ่าตัด ถ้าพี่จำไม่ผิดดูเหมือนจะได้นอนที่ตึกทองหล่อ ซึ่งบริจาคโดยคุณลุงท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อตามอาคารนั่นแหละ
ตอนนี้ตึกทองหล่อโดนทุบทิ้งไปแล้วค่ะ
แม้จะอยู่ด้านหน้าแต่สภาพแวดล้อมในสมัยนั้นซึ่งมีอาคารเพียงไม่กี่หลังทำให้ตึกทองหล่อดูเปลี่ยวและวังเวงมาก ผู้ป่วยที่เข้าพักก็มีน้อยเพราะคนสมัยก่อนไม่ค่อยนิยมการเข้าโรงพยาบาล จำได้ลางๆว่าตอนที่ไปมีผู้ป่วยแค่สามห้องเท่านั้น ที่สำคัญมีการฉีดยากันยุงตอนค่ำๆด้วย เผ่นออกจากห้องแทบไม่ทัน
คืนแรกที่ไปพักก็ไม่มีอะไร แต่พอคืนที่สองหลังการผ่าตัดนี่สิ มีคนเป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดมาเยี่ยมเยียนกันด้วย แต่เป็นการเยี่ยมที่ออกจะน่ากลัวไปสักนิดสำหรับเด็กวัย 11 ขวบ มันเป็นยังไงน่ะเหรอคะ ขยับเข้ามาอีกนิด จะเล่าให้ฟัง
การผ่าตัดต่อมทอลซินในตอนนั้นคุณหมอใช้วิธีถ่างปากและสอดเครื่องมือเข้าไปผ่าค่ะ ตอนเอาเครื่องถ่างมายัดใส่ปากพี่ยังรู้สึกตัวอยู่เลย หลังจากนั้นก็หลับไม่รู้เรื่องมาตื่นอีกทีก็ตอนที่คุณหมอกำลังขยับมืออยู่ในปาก ตอนนั้นมันสลืมสลือนะ ไม่เจ็บแต่รำคาญมากหายใจไม่ออกเลยดิ้น เสียงคุณหมอร้องเอะอะให้พยาบาลรีบเพิ่มยาสลบ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
มาตื่นอีกทีก็ตอนดึก แรกๆก็มึนๆงงๆไม่ได้ปวดแผลอะไรมากนักนอกจากชาที่ปาก พอร้องขอน้ำกินปรากฏว่าไม่มีเสียง เหลือบตามองเห็นแม่ยืนหันหลังให้คง พยายามเรียกอยู่หลายครั้งเหมือนท่านไม่ได้ยินจนกระทั่งมีเสียงใครก็ไม่รู้ตะโกนดังลั่นว่า
หิวน้ำ
แม่หันมามองทันที ท่านรีบส่งน้ำให้พี่ดื่มแต่ก็ไม่มากนักเพราะมันกลืนไม่ลง คืนนั้นนอนหลับไม่สนิทเพราะคอร้อนมันผ่าวไปหมด มองอะไรก็เหมือนเงาวูบไปไหวมาตลอดเวลาจนกระทั่งเกือบรุ่งสาง คิดว่าน่าจะประมาณตีสี่ได้มั้ง พี่ตื่นขึ้นมา หันไปดูแม่ปรากฏว่าท่านหลับไปแล้ว คงเพราะเหนื่อยที่ต้องเช็ดตัวให้เกือบตลอดทั้งคืน ตอนนั้นหิวน้ำมาก เรียกก็ไม่มีเสียง ขยับตัวก็ไม่ได้เพราะมันหนักไปหมด คามเป็นเด็กเลยคิดว่าเราต้องตายแน่แล้วเลยร้องไห้ สักพักก็เริ่มง่วงและทำท่าจะหลับ ตอนนั้นแหละค่ะที่เห็นคุณลุงท่านหนึ่งชะโงกหน้าลงมามอง พี่เห็นแกยิ้มแล้วปลอบว่า
ไม่เป็นไรหรอกอีหนู อีกสองวันเอ็งก็กลับบ้านได้แล้ว
จากนั้นพี่ก็หลับไปและลืมเรื่องนี้ไปเลยจนกระทั่งถึงวันออกจากโรงพยาบาล แม่พาไปไหว้ ศาลเพื่อขอขมาและขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องคุ้มครอง พี่นึกถึงคุณลุงท่านนั้นขึ้นมาได้เลยเล่าให้แม่ฟัง
แม่บอกว่าท่านเป็นเจ้าของตึกที่ลงมาดูแลคนป่วยของท่านด้วยความเป็นห่วง และสั่งให้พี่หันไปยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้ความหมายหรอกนะ
พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่าเจ้าของตึกที่แม่พูดถึงเสียชีวิตไปตั้งนานหลายปีก่อนที่พี่จะเข้าโรงพยาบาล
*/*/*/*/*
ค่ะ ไม่ทราบว่าเพราะมีคำไม่เหมาะสมหรืออย่างไรถึงเดี้ยง แต่ก็มีผู้เข้ามาอ่านสองสามคนแล้วเลยคิดว่าน่าจะเป็นที่ระบบมากกว่า
ดังนั้นจึงต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
ป.ล.ขอบคุณในความห่วงใยจากทุกๆท่านรวมถึงคำแนะนำดีๆที่มีต่องมูนนี่ด้วยค่ะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มี.ค. 53 15:35:23
|
|
|
|