Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
#เมื่อรัก...ทักทาย - ตอน 2/2 คนแรก...ใคร? # (เพียงพอใจ)  

ตอน 1 => http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9044540/W9044540.html

ตอน 2/1 => http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9055139/W9055139.html

เอาตอน 2 ช่วงหลังมาช้ากว่าที่คิด ขออภัยในความล่าช้าค่ะ ขอขึ้นกระทู้ใหม่นะคะ คราวหลังจะให้จบพร้อมกันแล้วค่อยลงทีเดียว สัญญาค่ะ สัญญา....

ตอน 3 อาจช้าไปซักนิด แต่ไม่เกินวันศุกร์จะเอามาลงค่ะ วันนั้ขอเว้นการแต่งหนึ่งวัน ขอไปดื่มด่ำกับวันที่อายุ 24 เต็มก่อนนะค้า....อิอิ
***********************^^***********************

ต่อ....จากครึ่งแรก

หน้าร้านกาแฟหมวดบริพัตรเดินออกด้วยอาการเสียความมั่นใจเล็กน้อยไปขึ้นรถสายตรวจซึ่งพลขับหยุดรออยู่ก่อนจะออกรถไป ขณะเดียวกันรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวีสีดำสนิทรุ่นยอดนิยมของยุคนี้ก็เลี้ยวขวับสวนเข้ามา ไปช่องว่างเดียวที่เหลืออยู่ของลานจอดรถหน้าร้าน เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิทประตูด้านคนขับก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มที่พาร่างสูงกำยำในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนกับกางเกงสแลคสีอ่อนลงจากรถ ธุวานนท์กดรีโมทเพื่อล็อครถ ก่อนจะเดินเข้าร้าน ทว่านึกได้ว่าลืมแว่นตากันแดดอันเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับกายอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเดินกลับไปหยิบ แม้เขาจะต้องระวังตัวด้วยอาชีพการงานที่ขัดกับนิสัยจริงที่ติดสบายไม่ชอบการแต่งกายให้เนี้ยบเช่นทุกวันนี้ แต่เขาก็จำต้องอดทนเพื่อเก็บเงินให้ได้มากพอที่จะไม่ต้องกวนทางบ้านเมื่อถึงวันที่เขาจะเปิดบริษัทตามที่วาดหวังไว้

ส่วนรุ่งเช้าที่กำลังยืนขำท่าทางของนายตำรวจหนุ่มลูกค้าก็ได้ยินซอยเท้ามาจากเบื้องหลังพร้อมเสียงถามเบาๆ ของวิรากานต์ที่คาดว่าคงไปแอบอยู่ในครัวนานแล้ว

“ไปแล้วใช่ไหม”

“อือ” เธอตอบ พร้อมกับเพื่อนก็เดินมายืนข้างๆ

“อีตาผู้หมวดเนี่ย ลูกค้าผู้ชายคนแรกของวันนี้หรือเปล่าวะ”

“ใช่ ทำไมเหรอ” รุ่งเช้าถามกลับอย่างงงๆ

“ก็ไม่ทำไม ไม่น่าเล้ย ต้องเป็นอีตานี่จริงๆเหรอ” ประโยคหลังของเพื่อนยิ่งทำให้เธองงหนักเข้าไปใหญ่

“แล้วมันอะไรที่ว่าไม่น่าน่ะ”

“ก็จำที่ฉันบอกแกได้ไหม แกพูดกับผู้ชายคนแรกคนไหน คนนั้นแหละเนื้อคู่แก”
“ก็จริงอยู่ แต่ไม่ใช่หรอกมั้ง ก็แค่ความฝัน” รุ่งเช้าบอกอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะผู้หมวดรายนี้ก็รู้จักกันมาพอสมควร เธอไม่เคยคิดไปในแง่นี้เลยสักคิด หญิงสาวมัวคิดถึงความไม่น่าเป็นไปได้จนลืมนึกไปว่าก่อนที่จะพูดคุยกับนายตำรวจผู้นี้ เธอได้คุยโทรศัพท์กับลูกค้าชายที่ต้องการกาแฟเดลิเวอรี่บริการใหม่ที่เธอพึ่งเปิดเสริมมาสามเดือนเศษก่อนที่จะไปรับประทานอาหารกลางวันไม่กี่นาที

ด้านใกล้รุ่งเมื่อรับประทานอาหารเสร็จและเพื่อนสนิทก็ย่องเข้าไปในร้านผ่านทางครัวแล้ว เหลือก็แต่เพียงนิดาพนักงานของน้องสาวที่เธอรักเหมือนน้องอีกคนที่กำลัง นั่งทานอาหารที่เธอแบ่งไว้ให้ไปท่องตำราไป จึงเรียกขึ้นเบาๆ พลางลุกจากเก้าอี้

“นิดา”

“คะ พี่รุ่ง มีอะไรจะให้นิดาช่วยเหรอคะ”

“เปล่าจ้า พอดีพี่จะฝากนิดาไปบอกเช้าด้วยว่าเดี๋ยวพี่จะออกไปตลาดซื้อของมาเตรียมงานตอนเย็นนะ”

“อ๋อค่ะ ได้ค่ะพี่รุ่งเดี๋ยวนิดาบอกให้” เธอตอบตกลง พลางมองร่างของพี่สาวเจ้านายที่เดินอย่างคล่องแคล่วรวดเร็วสมเป็นวิศวกรสาวของบริษัทใหญ่ที่เดินลับไปทางประตูที่เปิดไปสู่บริเวณของบ้าน

เมื่อฝากความถึงน้องสาวแล้วใกล้รุ่งก็เดินกลับมาบ้านเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ก่อนจะสืบเท้าไปทางโรงรถเพื่อเอารถออก วันนี้หญิงสาวเลือกเอารถปิคอัพสี่ประตูสีขาวไข่มุกของตนออกไปเองเพื่อว่าจะได้บรรทุกวัตถุดิบในการทำอาหารที่น้องสาวบอกว่าอยากกินคือ แจ่วฮ้อน ซึ่งมีส่วนประกอบของผักเป็นส่วนใหญ่ ผมยาวสีดำขลับทิ้งตัวสยายอยู่กลางหลังแม้เธอจะรำคาญกับความเกะกะแต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจของรุ่งเช้าที่ขอให้ไว้ผมยาวจะได้เหมือนกันโดยการตัดสั้น ก่อนจะก้าวขึ้นรถเธอจึงหยิบเอาตะเกียบไม้มาขมวดผมไว้ลวกๆที่ท้ายทอยเพื่อจะได้ไม่ไปเกี่ยวเข้ากับผักเวลาก้มเลือก แล้วจึงนั่งประจำที่นั่งคนขับแล้วถอยรถออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงประตูใหญ่หน้าบ้านเพื่อลงไปเปิดออกด้วยตัวเอง

ในระหว่างที่รุ่งเช้ากับวิรากานต์กำลังนั่งถกเถียงกันเบาๆเรื่องความเป็นไปได้ในทฤษฎีความฝันอยู่หลังเคาน์เตอร์ จนลืมฟังเสียงสัญญาณที่บอกว่ามีลูกค้าเข้าร้าน มารู้ตัวเมื่อมีเสียงกระแอมกระไอเหนือศีรษะ รุ่งเช้าเงยหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็วเพื่อทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดี แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อเจอใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ผู้มีสองเชื้อชาติในตัว คิ้วดกหนาดำเข้มพาดเหนือแว่นตากันแดดสีดำ ซึ่งเข้ากับรูปหน้าเน้นให้ใบหน้าที่ดูดีอยู่แล้วยิ่งดูดีมากขึ้นจมูกที่รองรับแว่นก็โด่งสวยจนน่าอิจฉา ความร้อนก็วิ่งเห่อขึ้นมาบนใบหน้าจนแก้มนวลแดงปลั่งด้วยความประหม่าอาย

ธุวานนท์มองหน้าหญิงสาวหลังเคาน์เตอร์ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่รับโทรศัพท์ที่เขาโทรเข้ามาสั่ง เนื่องจากไม่ใช่พนักงานส่งกาแฟที่หมุนเวียนกันไป ใบหน้านวลใสแม้ไม่สวยเฉียบจนสะดุดตาแต่ก็มีอะไรที่ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย ดวงตากลมโตใสแจ๋วราวลูกแก้วเนื้อดีที่เบิกกว้างภายใต้คิ้วโก่งปานคันศร จมูกรั้นที่บ่งบอกความดื้อดึงที่คงมีอยู่ไม่น้อยรับกับริมฝีปากอิ่ม ผ่านไปสามวินาทีก็ไม่มีคำถามคำพูดใดๆเอ่ยมาจากปากอิ่มนั้น จนเขาต้องกระแอมไอเป็นคำรบสอง ตากลมโตถึงกระพริบเชิงรับรู้การมีตัวตนของเขา เช่นเดียวกับสาวหน้ากลมร่างป้อมที่มองมาในลักษณะเดียวกัน

“มอร์นิ่งคาเฟ่ยินดีต้อนรับค่ะ ระ รับอะไรดีคะ” หญิงสาวถามพร้อมใบหน้านวลแดงเป็นริ้ว

“ขอเอสเพรสโซ่หนึ่งที่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกความต้องการออกไป

“ดื่มที่นี่หรือกลับบ้านคะ”

“ที่นี่ครับ” เขากวาดตาที่อยู่ภายใต้การบดบังของแว่นตากันแดดไปรอบร้านก่อนจะเอ่ยถาม “ที่นี่มีอินเตอร์เน็ตไร้สายบริการใช่ไหมครับ”

“ค่ะ ทางร้านให้บริการฟรีค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมพยักหน้า

“จำกัดเวลาไหมครับ” ชายหนุ่มถามอีกด้วยยังอยากเห็นหน้าแดงๆของเธอที่ดูน่าเอ็นดูไม่น้อย

“ไม่ค่ะ เราถือความพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญค่ะ เลือกที่นั่งได้ตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวจะยกไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะ” เธอบอกเหมือนเป็นการเชิญทางอ้อมด้วยว่ามีเขายืนมองอยู่เช่นนี่เธอทำอะไรไม่ค่อยถูกแถมยายเพื่อนสนิทก็สะกิดไม่หยุดหย่อนราวกับมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย เขาก็ค้อมศีรษะอย่างรับทราบก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่มุมร้านตรงข้ามกับแม่ลูกที่นั่งอยู่ก่อนหน้า

“แก หล่ออ่ะ หล่อมาก เสียดายน่าจะมาเจอแกก่อนอีตาหมวดพัดลม” คนที่สะกิดเธอลากเสียงยาวชมออกมาแทบจะทันทีที่เขาเดินออกไปแถมยังพวดพิงถึงผู้หมวดหนุ่มพึ่งเดินออกไปแถมยังถูกแปลงชื่อจากบริพัตรเป็นพัดลมไม่รู้ตัว หญิงสาวตอบอย่างรับรู้ในลำคอ ก่อนจะคิดในขณะที่รอกาแฟบดเสร็จด้วยว่าคุ้นเสียงของลูกค้าคนเมื่อครู่ไม่น้อย

“คิดออกแล้ว” จู่ๆรุ่งเช้าก็โพล่งออกมา แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่คนที่กำลังเหม่อมอง (ผู้ชาย) อยู่ใกล้ๆก็อดสะดุ้งไม่ได้ จึงอดถามออกไปอย่างแปลกใจไม่ได้

“อะไร คิดอะไรออก” แต่ก่อนที่เธอจะได้รับคำตอบคนที่บอกว่าคิดออกก็ยกมือเป็นพระปางห้ามญาติ เพื่อจะหันไปหยิบเอาถ้วยกาแฟร้อนมารองน้ำกาแฟที่เริ่มหยดลงพอดี

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง เอากาแฟไปเสิร์ฟก่อน” ว่าแล้วเธอก็หยิบเอาเหยือกนมสดและกระปุกน้ำตาลอันจิ๋ววางลงถาดใบเดียวกันและทำท่าจะยกไปเสิร์ฟตามที่พูด แต่นิดาก็ผลักประตูกระจกด้านติดกับเฉลียงเข้าเสียก่อน วิรากานต์จึงกวักมือเรียกให้มาทำหน้าที่แทนเพื่อนสาว เมื่อลูกจ้างสาวยกไปจากมือเจ้าของร้านที่ยืนเหวออยู่ คนจัดแจงก็หันมาคาดคั้นเอาคำตอบ

“ไง เล่ามาได้แล้วอย่าโยกโย้”

“ก็ได้ ฉันจำได้แล้วว่า...” รุ่งเช้าค้างประโยคไว้ครึ่งๆเพื่อแกล้งเพื่อนที่ทำท่าลุ้นเกินเหตุ ก่อนจะรีบพูดต่อเมื่อนิ้วป้อมๆของคนลุ้นเริ่มเลื้อยมาทำท่าจะหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนเธอ “เป็นคนเดียวกับที่โทรมาสั่งกาแฟ ตอนที่เรากำลังจะไปกินข้าวกันไง ฉันจำเสียงเขาได้ ไม่ได้การล่ะ เดี๋ยวฉันทำวาฟเฟิลไปแถมให้ดีกว่า เห็นนายพีว่า เขาเป็นลูกค้าประจำตั้งแต่เปิดเดลิเวอรี่มา” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาแป้งสำหรับทำวาฟเฟิลออกมาก่อนจะคิดว่าทำไส้อะไรดี ก็ตัดสินใจเอากระปุกลูกเกดบนเคาน์เตอร์มาเป็นส่วนผสม ในขณะที่วิรากานต์ครุ่นคิดเรียบเรียงลำดับเวลาอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสาวที่สาละวนทำขนมรังผึ้งอยู่

“แสดงว่าแกคุยกับเขาก่อนที่อีตาหมวดพัดลมจะเข้ามาใช่ไหม”

“อือ” รุ่งเช้าที่เอามือเท้าเคาน์เตอร์รอขนมสุกก็ตอบรับเบาๆ

ยังไม่ทันที่วิรากานต์จะกล่าวอะไรต่อเครื่องอบวาฟเฟิลก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงหันมาตกแต่งขนมที่พึ่งหยิบวางลงบนจานเตรียมนำไปเสิร์ฟ เมื่อหันไปมองนิดาที่เดินกลับมาได้ชั่วครู่ก็พบว่ากำลังปั่นน้ำผลไม้ซึ่งคงรับมาจากลูกค้าในสวน รุ่งเช้าจึงเดินไปยังโต๊ะของชายหนุ่มเอสเพรสโซ่ด้วยตนเอง หญิงสาววางจานเบาๆลงข้างถ้วยกาแฟที่พร่องลงเล็กน้อย ในขณะที่ลูกค้าหนุ่มรัวนิ้วพรมลงบนแป้นของคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กบนตัก ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองเธองงๆ

“ผมไม่ได้สั่งนะครับ”

หญิงสาวเอ่ยอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “ของสมนาคุณค่ะ พอดีเช้า เอ่อ ดิฉันจำเสียงคุณได้ คุณโทรมาสั่งกาแฟช่วงประมาณห้าโมงครึ่งใช่ไหมคะ แล้วน้องในร้านก็เคยบอกไว้ว่าคุณเป็นลูกค้าที่โทรมาสั่งประจำ วันนี้อุตส่าห์มาถึงที่ร้าน ต้องขอบคุณมากนะคะ”

ผู้หญิงคนนี้ยิ้มสวย ธุวานนท์คิดในแล้วตอบรับ “ครับใช่” ก่อนจะกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของหญิงสาว แล้วถามกลับอย่างเกรงใจไปว่า “เอามาแถมแบบนี้ เจ้าของร้านจะไม่ว่าเอาเหรอครับ”

รุ่งเช้าหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอกค่ะ เจ้าของร้านคนนี้” หญิงสาวชี้เข้าหาตัวเอง “ใจดี” แล้วยิ้มกว้างขวางปิดท้ายก่อนจะเอ่ยขอตัว

“ขอตัวก่อนนะคะ” ชายหนุ่มพึ่งปล่อยไก่อออกไปแทบจะหมดเล้ายิ้มแหยๆให้อย่างเก้อเขิน ตอบรับกลับไปเบาๆ

“ครับ”

เมื่อเธอเดินกลับมาถึงเคาน์เตอร์ เพื่อนสนิทที่ทำท่าว่ารออยู่นานแล้วก็ถามขึ้นอีกเพื่อความแน่ใจ “แกรับโทรศัพท์เขาก่อนผู้หมวดใช่ไหม”

“ใช่” เธอตอบอย่างุนงงกับคำถามที่ดูเหมือนจะถามย้ำอีก

“งั้นก็แสดงว่า เขาก็เป็นคนแรกที่คุยกับแกอ่ะดิ”

“ใช่ แต่คุยผ่านโทรศัพท์นะ” รุ่งเช้าเลิกคิ้วมองเพื่อนที่กำลังทำหน้ายุ่งราวกับกำลังหาคำตอบแลกกับเงินเรือนล้านอยู่

“แล้วใครกันแน่น้า เป็นเนื้อคู่แก”

“ว่าไงล่ะแม่หมอ ตามตำราบอกไว้หรือเปล่า ว่าคนแรกของวันต้องคุยกันแบบไหนจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามผู้ตั้งตนเป็นแม่หมออย่างล้อๆ ก่อนจะหัวเราะก๊ากเมื่อเพื่อนเธอเอ่ยตอบออกมาซื่อๆ “ไม่ได้บอกไว้อ่ะ”

“พอเลยยายเตยหอม มันก็แค่ความฝันล่ะน่า เมื่อวานโรคกลัวงูคงกำเริบถึงเก็บไปฝัน ไม่เอาเลิกๆ”

“แกนี่ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลย เชอะ ถ้าเป็นจริงตามฉันบอก จะหัวเราะให้ฟันหักเลยคอยดู” คนโรแมนติกค้อนขวับ

“จ้าๆ”

แม้จะขัดใจกับความไม่โรแมนติกของเพื่อนแต่วิรากานต์ก็ยังพูดขึ้นแบบอดไม่ได้ “ถ้าเป็นหนุ่มแว่นตาดำก็ดีนะแก ฉันไม่ชอบตำรวจอ่ะ เจ้าชู้ฉิบเป๋ง ว่าแต่เป็นใครวะยังกะนายแบบ” รุ่งเช้าหัวเราะกับความช่างคิดของเพื่อนพลางส่ายศีรษะให้รู้ว่าเธอไม่รู้ถึงคำตอบที่เพื่อนต้องการ ซึ่งผู้ที่จะแก้ข้อสงสัยให้พวกเธอกำลังเดินทางมาใกล้จะถึงแล้ว

....โปรดติดตามตอนต่อไป ตามที่ร่างน่าจะถึงคราวของใกล้รุ่งแล้วค่ะ ถึงไม่ได้ฝัน แต่เรื่องแบบนี้มันระบาดติดต่อกันระหว่างฝาแฝดได้ อิอิ

จากคุณ : กระปุกปุยเมฆ
เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 20:53:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com