Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สวิงหัวใจให้ไกลสุดฝัน (บทที่ ๓)  

บทที่ ๒ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9039056/W9039056.html


.........


บทที่ ๓ สายใย


บิดาของชาลิดาเป็นตำรวจชั้นประทวน แม้จะอยู่หน่วยจราจรแต่ทว่าเมื่อผ่านไปพบเหตุการณ์ลอบสังหารนักธุรกิจบ้านจัดสรรชื่อดัง เขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าปกป้อง ปรากฏว่านักธุรกิจคนนั้นปลอดภัยแต่ตัวเองกลับต้องจบชีวิตลง  


ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานต่างชื่นชมในความเสียสละกล้าหาญ หลังเกิดเหตุหลายฝ่ายจึงให้การช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปผู้ที่ต้องรับบทหนักกลับเป็นคู่ชีวิตและลูกสาวอีกสองคน โดยเฉพาะชาลิดาผู้เป็นพี่สาวคนโต

หลังจากบิดาเสียชีวิต มารดาของเธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะมาโดยตลอด มีอาการหน้ามืด เป็นลมล้มพับอยู่บ่อยๆ เจ้าตัวจึงให้มารดาเลิกขายผลไม้ เพราะถ้าขายต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อไปซื้อผลไม้ที่ตลาด แล้วนำมาจัดเรียงใส่รถเข็น จากนั้นเข็นตากแดดตากลมร้องขายไปเรื่อยๆ เธอเกรงว่าระหว่างนั้นหากอาการกำเริบขึ้นอาจเกิดอันตรายได้ ในตอนแรกมารดาไม่ยอม แต่เมื่ออธิบายเหตุผลให้ฟังบ่อยเข้าท่านเลยยอมตามใจ เธอจึงกลายเป็นผู้นำครอบครัวไปโดยปริยายทั้งที่เพิ่งจบมัธยมปลายมาหมาดๆ

ในการเตรียมตัวเพื่อเป็นผู้นำครอบครัว ขั้นแรกเธอเจียดเงินไปลงทะเบียนเรียนต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด เทอมละสองสามวิชา เธอคิดว่าแม้จะจบช้าสักหน่อยก็ยังดีกว่าทิ้งไปเลย ขั้นต่อมาออกหางานทำ ในขั้นนี้ถือว่าโชคดีพอสมควรเพราะได้คุณชาญชัยคอยให้การช่วยเหลือ

คุณชาญชัยมีพระคุณกับเธอและครอบครัวอย่างมาก ท่านรู้จักครอบครัวของเธอเพราะมารดาชอบเข็นรถผลไม้ไปขายหน้าสนามกอล์ฟและท่านช่วยอุดหนุนเป็นประจำ จะถือว่าเป็นการรู้จักแค่เพียงผิวเผินก็ว่าได้ แต่เมื่อรู้ข่าวความเดือดร้อนท่านก็ไม่นิ่งนอนใจ ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด เมื่อรู้ว่าเธอต้องการหารายได้เพื่อเลี้ยงดูมารดาและส่งเสียให้น้องสาวเรียนหนังสือ ท่านก็แนะนำให้ไปทำงานเป็นแคดดี้

ชาลิดาเริ่มต้นการเป็นแคดดี้ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสกับกีฬากอล์ฟ เธอรู้ทันทีว่านี่คือหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงเริ่มศึกษาการเป็นแคดดี้อย่างจริงจัง หลังจากการทุ่มเทอยู่หลายเดือนเธอกลายเป็นแคดดี้มือหนึ่งของสนาม

นอกจากนั้นเธอยังหาโอกาสฝึกฝนการตีกอล์ฟอีกด้วย เริ่มจากการเจียดเวลาไปนั่งดูการสอนที่สนามไดร์ฟแล้วจำมาฝึก จนเห็นว่าท่าทางเริ่มใช้ได้จึงไปเอาไม้กอล์ฟเก่าๆ ที่วางทิ้งไว้ในห้องเก็บลูกกอล์ฟออกมาลองตี เธอทำอย่างนั้นอยู่หลายเดือน แม้จะไม่ค่อยก้าวหน้าแต่ไม่เคยย่อท้อ กระทั่งผู้ฝึกสอนประจำสนามเห็นในความตั้งใจ จึงสอนให้โดยไม่คิดมูลค่า

และด้วยผลของความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่แคดดี้อย่างดีเยี่ยม นายผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียกใช้เธอทุกครั้งที่มาออกรอบที่สนามแห่งนี้เป็นเวลากว่าสามปีจึงมอบชุดกอล์ฟเก่าๆ ให้เป็นรางวัล ยิ่งมีชุดกอล์ฟเป็นของตัวเองเธอยิ่งพากเพียรฝึกฝนอย่างหนัก กระทั่งคุณชาญชัยเห็นแววและอยากสนับสนุนจึงอนุญาตให้มาซ้อมในสนามไดร์ฟได้ฟรีเท่าที่ต้องการ เธอตอบแทนความเมตตาของคุณชาญชัยด้วยการตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งช่วยงานในส่วนอื่นๆ ที่พอจะช่วยได้โดยไม่เกี่ยงงอน

ด้วยความที่ชาลิดาตั้งปณิธานว่าจะดูแลมารดาและน้องสาวให้ดีที่สุด จึงขยันทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย นอกจากตรากตรำเดินลากรถเข็นถุงกอล์ฟกลางแดดทั้งวันแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านยังต้องปัดกวาดเช็ดถู รวมทั้งช่วยมารดาซึ่งรับดอกไม้ประดิษฐ์มาทำที่บ้านอีกด้วย

เนื่องจากอาการเจ็บป่วยของมารดามักกำเริบอยู่บ่อยๆ เธอจึงกลับบ้านด้วยความหวั่นวิตกเสมอ ความรู้สึกนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อได้เห็นผู้ให้กำเนิดนั่งทำดอกไม้ประดิษฐ์อยู่ เธอเคยถามแพทย์ว่าท่านเป็นโรคอะไร ได้รับคำตอบว่าเป็นโรคซึมเศร้า อาจเพราะคิดถึงบิดา ประกอบกับพักผ่อนน้อย ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกิน ร่างกายเลยอ่อนแอกว่าปกติ


วันนี้ชาลิดากลับเข้าบ้านด้วยความแช่มชื่น เพราะเมื่อชะโงกเข้าไปในตัวบ้านเห็นมารดานั่งจดจ่ออยู่กับการประดิดประดอยดอกไม้พลาสติก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านหลัง เมื่อได้ระยะก็โถมตัวเข้ากอดแน่น ผู้ถูกกอดยิ้มละไม มือที่เหี่ยวแห้งตบเบาๆ พร้อมลูบไล้ไปตามหลังมือและแขนผุดผ่องของลูกสาว

“วันนี้แม่กินข้าวบ้างหรือเปล่า” ชาลิดาเอ่ยถามพลางชะโงกหน้าไปหอมแก้มมารดา แล้วไม่รอคำตอบ ลุกพรวดไปดูที่หม้อข้าวและกับข้าวที่เธอเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ก่อนออกไปทำงาน เมื่อได้เห็นเจ้าตัวทำหน้ามุ่ย “ทำไมแม่กินข้าวน้อยนักล่ะจ้ะ แล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนกัน”

“แม่ไม่ค่อยหิว ทำโน่นทำนี่แล้วมันก็เพลิน” มารดาแก้ตัวพลางขะมักเขม้นประดิษฐ์ดอกไม้ไม่วางตา “ด้วงกินข้าวเสียสิ”

ชาลิดาทำหูทวนลม เดินกระเง้ากระงอด นั่งลงข้างมารดา หยิบดอกไม้ขึ้นมาทำ ไม่พูดไม่จา ผู้ให้กำเนิดเหลือบมองก่อนเอ่ยขึ้น

“แม่ไม่ได้ทำงานอะไรหนักหนาเลยไม่ค่อยหิว แต่ด้วงตรากตรำมาทั้งวันต้องกินเยอะๆ นะลูก” ว่าพลางลูบหน้าลูบตาลูกสาวด้วยความเอ็นดู แม้ลูกจะโตเท่าไรแต่ในสายตาของผู้ให้กำเนิด ลูกยังคงเป็นเด็กตัวน้อยๆ อยู่เสมอ

“ก็ทีแม่ยังไม่กิน ด้วงจะกินทำไมล่ะ อดให้หัวมันโตไปเลย” ชาลิดาจ้องหน้ามารดาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “ไม่รู้ล่ะ ถ้าแม่ไม่กินด้วงก็ไม่กิน”

ว่าพลางทำทีไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาประดิษฐ์ดอกไม้ต่อไป หญิงสูงวัยยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“ก็ได้ๆ ต่อไปแม่สัญญาว่าจะกินข้าวให้เยอะกว่า...” มารดายังพูดไม่ทันจบประโยคลูกสาวก็โถมตัวเข้าไปกอดไว้แน่นพร้อมปล้ำหอมเป็นการใหญ่ ผู้ถูกกระทำหัวเราะร่า “แต่ตอนนี้ด้วงต้องกินข้าวก่อนนะลูก”

“ได้จ้ะ” ว่าพลางลุกไปตักข้าวใส่จาน ก่อนตักแกงเขียวหวานหมูในหม้อบุบๆ เบี้ยวๆ ราดลงไป แล้วเดินมานั่งกินยั่วด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย มารดาส่ายหน้ากับกิริยาของลูกสาว

หลังกินอิ่ม ชาลิดารีบไปล้างถ้วยล้างจาน หุงข้าวแล้วอุ่นแกงเตรียมพร้อมไว้ให้มารดากับน้องสาวที่ใกล้จะได้เวลากลับ ตัวเธอไม่สนใจว่าอาหารที่กินจะเย็นชืดเพียงใด แต่กับคนที่รัก เธออยากให้ได้กินของอุ่นๆ เสมอ ครั้นเตรียมอาหารเสร็จ กุลีกุจอมาช่วยมารดาอีกรอบ

“ทำไมไม่อาบน้ำเสียก่อนละลูก จะได้สบายตัว” มารดาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวตั้งท่าจะช่วยทำอย่างเป็นจริงเป็นจัง

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้ อาบบ่อยเดี๋ยวน้ำหนักลด”

หญิงสูงวัยฟังคำพูดของลูกสาวแล้วขมวดคิ้ว “อาบน้ำเกี่ยวอะไรกับน้ำหนักลด”

“อ้าว... อาบบ่อยขี้ไคลออกเยอะ น้ำหนักก็เลยลดไงแม่” ชาลิดาลอยหน้าลอยตาตอบ

มารดาส่ายหัว แต่อดขำในความช่างเจรจาของลูกสาวไม่ได้


การที่ต้องตื่นแต่เช้ามืด ประกอบกับเดินตากแดดตากลมมาทั้งวันหญิงสาวจึงรู้สึกเพลีย แม้พยายามฝืนไว้แล้วแต่ยังไม่วายสัปหงกทั้งที่ดอกไม้ยังคาอยู่ในมือ

เมื่อเห็นลูกสาวต้องลำบากลำบนถึงเพียงนี้ผู้เป็นมารดาอดสะท้อนใจไม่ได้ ตั้งแต่บิดาของแกล่วงลับไปเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เจ้าตัวพยายามแบกรับภาระต่างๆ ไว้ทั้งหมด กระทั่งน้องสาวที่ยังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้นก็ยังรับปากว่าจะส่งเสียให้ได้เรียนสูงๆ เมื่อเห็นความตั้งใจของลูกแรงกล้าถึงเพียงนี้เธอจึงอยากช่วยแบ่งเบาโดยการออกไปขายผลไม้ดังเช่นที่เคยทำมา แต่ลูกสาวคนนี้อีกนั่นแหละที่ค้านหัวชนฝา

“เรายังมีเงินบำนาญของพ่ออยู่ แล้วเดี๋ยวด้วงออกมาทำงานก็ได้เงินมาเพิ่มอีก แม่ไม่ต้องทำอะไรหรอกนะจ้ะ เดี๋ยวด้วงจะเลี้ยงแม่กับน้องเอง ลำบากแค่ไหนด้วงก็ทนได้ แต่ถ้าต้องเสียแม่ไปอีกคนด้วงคงทนไม่ได้”

เงินบำนาญใช่ว่าจะมากมาย อีกทั้งเจ้าตัวก็มีความรู้เพียงมัธยมปลาย จะหาเงินได้สักเท่าไรกันเชียว เหตุผลที่ยกมาจึงฟังไม่ขึ้น... เธอรู้ดี แต่ที่ยอมทำตามเพราะทนคำวิงวอนที่ว่า ‘ถ้าต้องเสียแม่ไปอีกคนด้วงคงทนไม่ได้’ ต่างหาก แต่กระนั้นก็ยังทำใจเห็นลูกลำบากเพียงผู้เดียวไม่ได้ จึงดั้นด้นไปรับดอกไม้ประดิษฐ์มาทำเพื่อช่วยแบ่งเบาอีกทางหนึ่ง แม้จะไม่มากมายนักทว่ายังดีกว่าที่จะทำเหมือนไม่ดูดำดูดี

ยิ่งคิดยิ่งสงสารจนน้ำตาพานจะไหล ไหนจะต้องตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน ไหนจะต้องจัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอกับน้อง ไหนจะต้องเดินตากแดดตากลมทั้งวัน กลับมายังต้องช่วยทำงานอีกสารพัด

“ด้วง... นอนพักเสียหน่อยเถอะลูก” ว่าพลางลูบศีรษะแผ่วเบา ผู้กำลังผล็อยหลับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนยิ้มร่า

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คิดโน่นคิดนี่เพลินเลยเคลิ้มไป เดี๋ยวด้วงไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

ว่าแล้วเธอลุกพรวดไป ทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นน้ำตาของมารดาที่เอ่อล้น

จากคุณ : วรบรรณ
เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 06:23:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com