ความคิดเห็นที่ 1 |
วันที่สองนี้เราออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ เช้าแค่ไหนน่ะหรอคะ ตีสามเท่านั้นเอ๊ง สนามบินที่นี่เข้มงวดมาก ต้องปรินท์ E-ticket มาด้วย และเค้าจะตรวจชื่อในใบกับในพาสปอร์ตอย่างละเอียด เสร็จแล้วเค้าถึงจะยอมให้ผ่านแสกนกระเป๋าด่านแรกเพียงเพื่อเข้าไปที่โต๊ะเช็คอินของสายการบิน คือแสกนกันตั้งแต่หน้าบ้านเลยว่างั้นเถอะ เพื่อนสองคนที่กะเอาพาสปอร์ตให้ดูที่เคาน์เตอร์เช็คอินเฉยๆเหมือนที่ทำทั่วไปในยุโรปหรืออเมริกาก็เลยต้องเป็นอันวิ่งวุ่นไปหาที่พรินท์ด้านนอกเพื่อจะผ่านไอ้ด่านตรวจนี้เข้าไปได้ แถมกระเป๋าเค้าก็ยกขึ้นสายพาน ผ่านเข้าไปรอข้างในแล้วอีกต่างหาก กลัวหายจริงเชียว เข้าไปถึงก็มีคนถือวิสาสะยกกระเป๋าไปวงาสุมๆบนรถเข็นเรียบร้อย งานนี้ดูออกทันทีว่ากะฟันค่าทิป แหม กระเป๋าเราแค่ไซส์ แครี่ออนเองถือกันคนละใบชิลๆ เนื่องจากไม่มีอารมณ์จะเสียตังค์ เราก็เลยขนๆๆๆกระเป๋าลงจากรถเค้าแล้วเดินไปเอง ก่อนเดินไปเจอคุณป้าท่าทางอเมิริกันคนข้างๆที่โดนเหมือนกัน และคงจะฉุนจัดวีนคนยกกระเป๋าอยู่ เราว่าเรายกกระเป๋าออกแล้วเดินเชิดไปนี่แรงแล้วนะ ยังเจอคนแรงกว่า อิอิ พ้นความวุ่นวายแล้ว เราเอากระเป๋าเข้าไปเช็คอินกับสายการบินเป็นอย่างแรกเพื่อความชัวร์ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้แลกตังค์ งานนี้ต้องการเงินสด เพราะลงเครื่องปุ๊บคนจัดการรถและไกด์จะมารับตังค์ปั๊บ รับเฉพาะปอนด์อิยอปต์เท่านั้นด้วย เราก็เริ่มหาที่แลกเงินกันจ้าละหวั่น ถ้าสนามบินใหญ่อย่างไคโรไม่เจอ สนามบินเล็กอย่างลักซอร์คงไม่สามารถให้หวังน้ำบ่อหน้า ในที่สุดไปถามประชาสัมพันธ์ ได้ความว่าขาออกไม่มีจ้า มีแต่ที่ขาเข้า เอาล่ะสิ งานนี้เราก็เลยได้ไปสร้างวีรกรรมกันไว้ที่สนามบินด้วย เหอๆ (เอามาเล่าไว้ขำๆนะคะ อย่าคิดมาก) เหตุก็มีอยู่ว่า เราต้องหาวิธีออกจากตรงนี้ไปที่ขาเข้าเพื่อแลกตังค์ แต่ยามที่เฝ้าตรงแสกนกระเป๋าไม่ให้ออก บอกว่ามีตั๋วแล้ว ออกไม่ได้จ้า เราก็อ้าวจะทำยังไงดี คุณพี่(คนที่จัดทัวร์เนี่แหละ)ก็เลยไอเดียกระฉูด ซ่อนตั๋วไว้ในเสื้อโค้ทด้านใน วิ่งไปบอกผู้คุม (ที่ดูจะยศใหญ่กว่ายามอีกที)ว่าเนี่ยลืมมือถือไว้ข้างนอก (ต้องทำท่ากังวลตื่นเต้นเลิ่กลั่กให้สมจริง) ขอออกไปเถอะน้า จำเป็นจริงๆ เนื่องจากแสดงได้สมจริงมาก เค้าก็เลยเชื่อ ถึงแม้ว่าจะให้ออกไปได้แค่คนเดียว(ตอนแรกเราจะไปด้วย) แล้วก็เก็บพาสปอร์ตไว้ ในที่สุดเราก็เลยได้ไปแลกเงินมาได้ฟ่อนโต ต้องขอบคุณความสามารถในการแสดงของพี่เค้า แบบว่าตอนกลับมายังอุตส่าห์วิ่งชูมือถือมาหราๆทำนองว่าเจอแล้วจ้า ตุ๊กตาทองให้พี่เค้าเลยจริงๆ ผ่านเวลาระทึกเข้ามาได้พร้อมเงินเรียบร้อยพี่เค้าก็ยังเหลือเวลาใช้บัตรทองไปเบ่งเข้าเลาจ์โกยขนมและน้ำมาให้น้องๆผู้หิวโหยอีกแน่ะ ตอนจะเข้าเกทก็เลยตรวจไม่ผ่านเพราะมีน้ำมาตั้งสี่ขวด งานนี้ดาราตุ๊กตาทองเลยออกโรงอีกรอบ ทำเป็นควักๆขวดออกมาผลัดกันดื่มให้หมดแล้วทิ้ง แต่ที่ไหนได้ แอบซุกอีกสองขวดเข้ากระเป๋าน้องอีกคนไปอย่างไว สรุปว่าช่วยชีวิตน้ำไว้ได้สองขวดเลย ทำไปด้าย นอนบนเครื่องแป๊บเดียวก็ถึงลักซอร์ สนามบินลักซอร์เล็กๆน่ารัก ไม่มีงวงมีแต่รสบัสเล็กๆมารับ ลงมาปุ๊บก็มีหนุ่มใหญ่ใส่สูทเนี๊ยบกริบมาพินอบพิเทารับ โอ้โห เราเป็นแขกวีไอพีปานนั้นเลยหรอนี่ คุณเสื้อสูทยื่นนามบัตรให้ โอ้ว มาจาก Abercrombie and Kent เสียด้วย บริษัทท่องเที่ยวห้าดาวเลยนะนี่ เราสันนิษฐานกันว่าบริษัทที่เราจองคง outsource จ้างมา ขึ้นรถมาถึงได้รู้ว่าเค้าไม่ใช่ไกด์ (ที่แน่ๆ แต่งหรูขนาดนี้คงไม่ใช่คนขับรถ) จริงๆแล้วพี่สูทเค้าเป็นคนมาเก็บตังค์ค่า ดีนะเนี่ยที่มีพร้อมแล้ว พี่สูทพาเอากระเป๋าไปหย่อนที่โรงแรม แล้วก็จะพาหาอาหารเช้า แนะนำมาแต่ละอย่างเนี่ย เจ็บปวดใจมาก แมคโดนัลเอย เคเอฟซีเอย ม่ายน้า เราก็เลยแจ้งความจำนงว่า จะกินอาหารพื้นเมืองจ้า พี่สูทก็มองหน้า แบบว่าแน่ใจหรอ เราต้องยืนยันกันตั้งหลายรอบกว่าที่พี่เค้าจะยอมแพ้ ตบท้ายด้วยการบอกว่า จู๊ดๆพี่ไม่รับผิดชอบน้า ไปถึงร้านแล้วก็แสนดีใจ เป็นการตัดสินใจที่ดีมากที่ยอมเถียงกับพี่สูท แค่เห็นก็น่ากินเหลือหลาย ของกินก็มีหลากหลายแต่เราไม่รู้จักชื่อสักอย่าง ก็เลยส่งคุณเสื้อสูทไปจัดการคุยให้ รูปร้านสีสดใส
จากคุณ |
:
Mnemosyne
|
เขียนเมื่อ |
:
2 เม.ย. 53 20:07:46
|
|
|
|