สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ บทที่ 5 ในวังต้าจื่อหมิงกงมีบุปผางามประหลาดอยู่มากหลาย
|
|
บทที่ 5
ในวังต้าจื่อหมิงกงมีบุปผางามประหลาดอยู่มากหลาย
เนื่องจากทำกิ่งต้นหมีกู่หาย ประกอบกับเป็นยามวิกาลอันมืดสนิท การที่สามารถอ้อมทางออกจากทะเลบูรพา ก่อนจะล่วงเข้าหนึ่งยาม(๑)ได้ ก็ถือว่าช่วงนี้สร้างบุญสร้างกุศลมามากมายมหาศาลแล้ว ด้วยเหตุนี้ ข้าจึง ไม่คาดหวังว่าจะสามารถกลับไปถึงชิงชิวได้ก่อนฟ้าสางแต่อย่างใด
ทว่าทะเลบูรพานั้นทั้งสี่ด้านมีแต่เส้นทางน้ำ ส่วนตัวข้านับตั้งแต่สี่เท้าแตะพื้นยังคงเป็นจิ้งจอกน้อย ก็ใช้ชีวิต อยู่บนบกมาโดยตลอด จึงย่อมจะมองเห็นเส้นทางน้ำทั้งสี่เส้นนี้ล้วนมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีข้อแตกต่าง แต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้เมื่อออกพ้นจากน้ำขึ้นมา ข้าจึงค่อยรู้ตัวว่ามาผิดทิศเข้าให้อย่างจังเสียแล้ว โดยเข้าใจผิดคิดว่า เส้นทางทิศเหนือคือทิศตะวันออก
เวลานี้สิ่งที่ปรากฏแก่สายตา บนท้องฟ้าจันทราส่องสว่าง ข้านั่งอยู่บนหินโสโครก ณ ชายฝั่งทิศเหนือของ ทะเลบูรพา ออกจะนึกกลุ้มใจอยู่บ้างโดยแท้
ย้อนกลับไปตามทางเดิม ลอยน้ำกลับไปยังวังแก้วผลึกทะเลบูรพาไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรก็จริง แต่ถ้าไปเจอ เยี่ยหัวจวินนั่นอีกครั้ง มันก็ออกจะน่าขายหน้าเอาการอยู่ คืนนี้จึงได้แต่แข็งใจทนค้างแรมบนชายฝั่งทิศเหนือ นี่เสียแล้ว จากนั้นพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทางกันใหม่
เดือนสี่ในโลกมนุษย์ดอกไม้ใบหญ้าตระการตาหอมอบอวล ตอนกลางวันก็ยังอบอุ่นดีอยู่หรอก ตอนกลางคืน กลับหนาวเย็นเป็นอย่างยิ่ง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็บางมาก ละอองหมอกสีขาวในทะเลทำเอาข้าจามออกมา ถึงสามครั้งติดกัน ในที่สุดยังคงกระโดดลงจากหินโสโครก ศีรษะทิ่มพรวดเข้าไปในป่าด้านข้าง
ป่านี้สู้ป่าท้อของเจ๋อเหยียนไม่ได้ ต้นไม้เหล่านี้สูงชะลูดสลับซับซ้อน ปูใบไม้ร่วงลงมาชั้นแล้วชั้นเล่า แต่กลับ สามารถบังลมได้ไม่เลวอยู่
ในเมื่อบังลมได้ไม่เลว ย่อมจะบังแสงได้ไม่เลวเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้บนสวรรค์ชั้นเก้าจะมีดวงจันทร์กระจ่าง แผ่รัศมีสว่างไสว ในป่ากลับกางมือออกตรงหน้ายังมองไม่เห็นนิ้ว
ข้าปลดแพรขาวพันตาลงมาพับอย่างประณีตเก็บเข้าที่ แล้วค่อยคลำหยิบไข่มุกประกายราตรีลูกขนาด ไข่นกพิราบออกมาจากในแขนเสื้อหนึ่งลูก ใคร่ครวญว่าหาคาคบไม้เอนหลังนอนสักคืนเป็นอันจบเรื่อง
ป่านี้รกทึบมากจริงๆ แม้ว่าข้าจะเป็นสัตว์สี่เท้า ทั้งยังมีไข่มุกประกายราตรีช่วยให้แสงสว่าง แต่ดวงตาคู่นี้ ของข้ากลับสู้สัตว์ประเภทเดียวกันไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด
เพิ่งจะเดินสะดุดโน่นสะดุดนี่ไปได้แค่สามจ้าง เผลอประมาทนิดเดียวก็กลิ้งตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ที่ใต้เท้า เสียแล้ว
พี่สี่เขียนหนังสือกับเจ๋อเหยียน เคยรวบรวมนิทานเรื่องเล่าเหลวไหลเลื่อนเปื้อนในสี่ทะเลแปดดินแดนเอาไว้ ไม่ใช่น้อย
มีอยู่เรื่องหนึ่งได้เล่าว่า ภูเขาโดดชื่อว่า เยี่ยนคง(๒) ลูกหนึ่งท่ามกลางบรรดาภูเขาทั้งหลายในแดนบูรพา ตรงตีนเขามีผายโหลว(๓)สร้างเอาไว้ ภายในหลุมลึกไร้ก้นที่ใต้ผายโหลวมีปิศาจผู้งดงามนางหนึ่งอาศัยอยู่ ถึงแม้ปิศาจนางนั้นจะดูยั่วยวนร่านโลกีย์ แต่ก็เป็นปิศาจที่ดีตนหนึ่ง
ปิศาจนางนี้กลับไปหลงรักมนุษย์ธรรมดาที่ฝึกฝนวิถีพรต จนใจที่มนุษย์ผู้นั้นคิดมุ่งมั่นแต่จะสำเร็จเป็นเซียน ทำเอาก่อให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงปั่นป่วนไปพักใหญ่ จนสุดท้ายพลังฝึกปรือของตัวนางปิศาจเองต้องถูกทำลายไป ทั้งยังพลอยสร้างความเดือดร้อนไปถึงทุกชีวิตทั่วทั้งเขาลูกนั้นอีกด้วย นับว่าเป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่ง
ถึงแม้หลุมที่ฝังข้าอยู่ในตอนนี้จะลึกมากเอาการอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะเป็นหลุมลึกไร้ก้นแห่งเขาเยี่ยนซาน หลุมนั้นอย่างแน่นอน แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ใช่ว่าที่ใต้ก้นหลุมจะไม่มีปิศาจสาวแสนสวยผู้งมงายในรักอาศัยอยู่ หากสามารถได้พบเจอสักครั้ง ช่วยชี้ทางสว่างให้นาง แล้วส่งไปให้พี่สี่ให้ช่วยควบคุมดูแลนกปี้ฟังพาหนะ ขับขี่ตนนั้นของพี่แก ก็นับได้ว่าเป็นวาสนาอันดีในการออกจากชิงชิวมาในครั้งนี้อยู่เช่นกัน
คิดถึงตรงนี้ ข้าก็ปล่อยให้ร่างกายร่วงตกลงไปอย่างสบายใจ
ตอนแรกออกจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอยู่บ้างก็จริง แต่พอร่วงตกลงไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ยังพอจะสามารถปรับท่า ให้อยู่ในท่าที่สบายได้ นับว่าร่วงตกลงไปได้อย่างมีหลักเกณฑ์เป็นอย่างมาก
หลังครึ่งชั่วธูปผ่านพ้นไป ในที่สุดสองเท้าของข้าก็นับว่าเหยียบถึงพื้นดินจนได้
ตรงหน้าพลันกว้างไพศาลอยางปุบปับ บนผืนฟ้าซึ่งสร้างขึ้นด้วยอาคมจันทร์กระจ่างดาวริบหรี่ เบื้องล่าง คือสระน้ำทอดคดเคี้ยว บนน้ำยังสร้างศาลามุงหญ้าเอาไว้หลังหนึ่ง ดูกว้างขวางกว่าโพรงจิ้งจอกของอาเตีย อาเหนียงเล็กน้อย
ในศาลามุงหญ้ามีหญิงชายคู่หนึ่งกำลังทำท่าเยวียนยางเกี่ยวคอกันอยู่
เจตนาเดิมของข้าคือมาเสาะหานางปิศาจที่ยังไม่เคยทำความชั่วเพื่อชี้แนะทางสว่าง แต่นึกไม่ถึงเลยว่า จะกลับมาบังเอิญพบเจอผู้อื่นกำลังหยอกเย้าเล้าโลมก้นเสียได้ ช่างน่ากระอักกระอ่วนโดยแท้
เนื่องจากชายผู้นั้นหันหลังให้ข้า จึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ส่วนใบหน้าของหญิงนางนั้นฝังในซอกไหล่ ของฝ่ายชายอยู่ครึ่งหนึ่ง เรียวคิ้วดวงตากลับดูงามดีอยู่ เพียงแต่แวบแรกที่ได้เห็นข้าร่วงฝุ่นตลบลงมาจาก ข้างบนหลุม นางอดแตกตื่นตกใจอยู่บ้างไม่ได้
ข้ายิ้มให้นางอย่างสนิทสนมเป็นความหมายปลอบโยน นางกลับเอาแต่จ้องหน้าข้าเขม็งนิ่ง ทำเอาข้าอด รู้สึกกระดากไม่ได้
เนื่องจากหนุ่มสาวคู่นี้กำลังกอดกันกลม ฝ่ายชายคงจะรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงเบี่ยงกายหันหน้ามามองบ้าง
ห่างกันชั่วระยะสระน้ำกว่าครึ่งสระคั่นกลาง แวบเดียวที่ได้เห็นหน้านี้ กลับทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกสาด น้ำมันหมูเดือดๆ เข้าใส่กลางหน้าร้อนอย่างฉับพลัน ทั้งมันเยิ้มน่าขยะแขยงและตื่นตระหนก
เรื่องราวเก่าก่อนบางเรื่องที่จงใจทำเป็นลืมไปเสียในหลายปีมานี้ ได้พากันเผยตัวออกมาจากห้วงสมอง
หว่างคิ้วของชายผู้นั้นเหมือนมีเส้นทางอันขรุขระยาวไกล จ้องมองมาที่ข้านิ่งๆ พักใหญ่ให้หลังค่อยพูดว่า
อาอิน
ข้าหลุบตาลง พูดเสียงเคร่ง
ที่แท้คือท่านราชาปิศาจหลีจิ้งนั่นเอง เหล่าเซินกับท่านราชาปิศาจตัดขาดกันมาแต่แรกแล้ว อาอิน สองพยางค์นี้มิอาจรับได้อย่างยิ่ง ยังคงรบกวนขอให้ท่านราชาปิศาจเรียกขานฉายาของเหล่าเซินเถิด
ราชาปิศาจหลีจิ้งไม่เอ่ยคำ ขณะที่ข้ากลับเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวในอ้อมแขนตัวสั่นสะท้านไปสองเฮือก
ข้าสุดจะทนอย่างมาก แต่ไม่กี่ปีมานี้พวกเทพเซียนรุ่นเยาว์อยู่ร่วมกับเผ่าปิศาจได้กลมเกลียวไม่เลวอยู่ ดังนั้นย่อมไม่อาจทำลายมิตรภาพที่ยากเย็นยิ่งกว่าจะสร้างขึ้นมาได้นี้เพราะบุญคุณความแค้นส่วนตัวของข้า เมื่อมีข้อกริ่งเกรงเรื่องนี้อยู่ สีหน้าของข้าย่อมไม่อาจจะเย็นชาจนเกินไปนักอยู่เอง
ราชาปิศาจหลีจิ้งถอนหายใจพูดว่า อาอิน เจ้าหลบหน้าข้ามาถึงเจ็ดหมื่นปี แล้วยังคิดที่จะหลบหน้าข้าต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ?
น้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง ราวกับว่าเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้เห็นหน้าข้า ฟังแล้วชวนให้ทอดถอนใจอย่างยิ่ง
ข้าสงสัยจริงๆ ว่า ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของข้ากับเขามันมัจฉาตายตาข่ายขาด(๔)ถึงขั้นพบหน้ามิสู้ไม่พบหน้า แท้ๆ เหตุไฉนเขาถึงยังจะพูดข้อความที่สนิทสนมเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้ออกมาได้อีกเล่า?
อีกอย่าง มาบอกว่าข้าหลบหน้าเขานี่ กลับเป็นการปรักปรำครั้งมโหฬารโดยแท้ แม้จะกล่าวกันว่าการมีชีวิตอยู่ มานานเกินไปจะทำให้หลงลืมได้ง่ายก็ตามที
ข้าเอามือนวดขมับลองย้อนนึกดูดีๆ อย่างละเอียด แต่ก็ยังคงรู้สึกอยู่ดีว่าที่เจ็ดหมื่นปีมานี้ข้ากับเขาไม่อาจ พบหน้ากันได้ ไม่ใช่เป็นเพราะข้าจงใจหลบหน้าเขาอย่างเด็ดขาด แต่เป็นเพราะโชคชะตาลิขิตมาเช่นนี้เอง
<>::<>::<>
๑. หนึ่งยาม คือเวลาหนึ่งทุ่ม
๒. เยี่ยนคง (焰空 : yan kong)
๓. ผายโหลว (牌楼 : pai lou) คือเสาประตูติดป้ายชื่อสถานที่นั้นๆ (ดูรูปประกอบท้ายเล่ม)
๔. มัจฉาตายตาข่ายขาด (鱼死网破 : yu si wang po) หมายถึง ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
จากคุณ |
:
Linmou
|
เขียนเมื่อ |
:
3 เม.ย. 53 06:46:16
|
|
|
|