ความคิดเห็นที่ 1 สายน้ำคาน ไหลริน ไหลล่อง... แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 22:13:47 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:53:34

ความคิดเห็นที่ 2 สะบายดี หลวงพะบาง   (๒)      หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว  บ่ายวันนี้เราจะไปเที่ยวหอพิพิธภัณฑ์หรือพระราชวังเดิม แหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของหลวงพระบาง  กฏในการเข้าชมพระราชวัง นอกเหนือจากต้องจ่ายค่าปี้ (ตั๋ว)หนึ่งหมื่นกีบแล้ว การแต่งกายต้องเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่รับฝากรองเท้า พระราชวังแห่งประวัติศาสตร์นี้สร้างเมื่อ ค.ศ. ๑๙๐๔ เป็นที่ประทับของเจ้าศรีสว่างวงศ์  เจ้ามหาชีวิตเชื้อสายหลวงพระบาง  ห้องโถงด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานพระบาง  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มิ่งขวัญของเมืองปางห้ามสมุทร องค์สูง ๘๓ เซ็นติเมตร หล่อด้วยทองคำผสมทองแดงและเงิน มีเนื้อทองคำถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์     ในองค์หลวงพระบางมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานถึง ๖ ตำแหน่ง  เจ้าฟ้างุ้มตีได้เมืองเชียงดงเชียงทองแล้ว ทรงขอพระบางจากพระเจ้ากรุงอินทรปัตแห่งกัมพูชา ซึ่งเป็นพ่อตามาไว้ที่เมืองเชียงทองเชียงดง  ตำนานว่า พระเจ้ากรุงกัมพูชาได้มาจากลังกาทวีป ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชย้ายเมืองหลวงเพื่อหนีศึกพม่าไปอยู่ที่เวียงจันทน์  จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตที่คู่กับพระบางมาเวียงจันทน์  ส่วนพระบางได้นำไปซ่อนในถ้ำทางฟากเมืองแมน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเมืองเชียงทองเป็นนครหลวงพระบางตามชื่อพระพุทธรูป      พ.ศ. ๒๓๒๑ – ๒๓๒๒ พระเจ้าตากสินโปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเมืองลาว  แล้วอัญเชิญพระบางกับพระแก้วมรกตลงมากรุงธนบุรี   อยู่จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชการที่ ๔  เกิดข่าวลือว่าพระบางเป็นต้นเหตุทำให้เกิดฝนฟ้าแล้งในเมืองสยาม  จึงได้โปรดพระราชทานพระบางกลับคืนลาว      ภายในห้องพระราชวัง เราได้ชมห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องประทับพักผ่อน ห้องพิธีการต่างๆแล้ว ยังได้ชมเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ชมภาพบุคคลสำคัญ  ผ้าไหมปักลวดลายวิจิตร งาช้างแกะสลัก เครื่องราชบรรณาการและงานศิลปะมากมาย      มาถึงโรงแรมเชียงทองเมื่อตะวันกำลังตกดิน  พวกเราตื่นเต้นที่แม่ยิงลาวใส่ชุดผ้าไหมซิ่นสไบเฉียง เกล้าผมสูง มายืนเป็นแถวต้อนรับอยู่หน้าโรงแรม เมื่อเข้าห้องโถงมีเครื่องบายศรีสู่ขวัญตั้งเด่นอยู่กลางห้อง หมอขวัญผู้เฒ่ากับแม่ยิงลาวแต่งตัวสวยงามนั่งเป็นทิวแถว  พวกเรานั่งพนมมือ  เสียงสวดบายศรีสู่ขวัญดังขึ้น  ต่อจากนั้นเป็นพิธีผูกข้อต่อแขน  แม่ยิงลาวถือขวดเหล้าขาวพร้อมจอกเล็กๆรินยื่นให้อย่างนอบน้อมจนยากที่จะปฏิเสธ เสียงเพลงรำวง “เชิญเที่ยวหลวงพระบาง” ดังขึ้น  คณะเราถูกเชิญออกไปม่วนซื่นรำวงเป็นคู่ๆ วนไปรอบๆ  ก่อนที่จะทานอาหารเย็นที่ทางโรงแรมจัดให้      พวกเราถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ เพื่อทานอาหารเช้าอย่างรีบเร่ง  เพราะจะต้องขึ้นรถไปกลางเมืองหลวงพระบางก่อนจะสว่าง  ทางไกด์ได้จองสถานที่  สั่งข้าวเหนียวตามจำนวนไว้แล้ว  ลงจากรถเร่งฝีเท้าไปยังสถานที่ ผ่านผู้คนเป็นร้อยๆแต่งตัวสวยงาม ปูเสื่อสาดนั่งกันเป็นแถวเป็นแนว  ในความมืดสลัว เห็นทุกคนถือกระติ๊บข้าว มองไกลสุดปลายถนน ผู้คนกำลังใส่บาตรข้าวเหนียวแก่พระสงฆ์สีเหลืองที่เรียงรายเข้ามา    ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เห็นพระและจัว (จัว...เณร) เป็นร้อยๆองค์ถือบาตรเดินอย่างสำรวม  ทุกคนตั้งจิตอธิฐานใส่ปัจจัยถวายอย่างนอบน้อมศรัทธา  เป็นภาพประทับใจ  ผู้คนต่างชาติ ต่างถิ่นมาถ่ายภาพกันเต็มไปหมด ...ภาพบนยอดพูสี.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:58:47

ความคิดเห็นที่ 3 อาทิตย์อัสดง บนยอดพูสี.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:00:41

ความคิดเห็นที่ 4 ...บายศรีสู่ขวัญ... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:02:24

ความคิดเห็นที่ 5 ...บายศรีสู่ขวัญ.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:03:51

ความคิดเห็นที่ 6 ...นางฟ้อน.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:05:01

ความคิดเห็นที่ 7 ...ฟ้อนรำ.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:06:34

ความคิดเห็นที่ 8 ทำบุญตักบาตร... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:08:19

ความคิดเห็นที่ 9 สะบายดี หลวงพะบาง   (๓)     เมืองหลวงพระบางนอกจากจะเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่ยังอนุรักษ์ตึกรามบ้านเรือนเก่าๆไว้แล้ว ยังเป็นเมืองแห่งอารยะธรรม ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา มีวัดอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ดังคำที่ว่า “ออกจากบ้านก็ถึงวัด”  ชาวหลวงพระบางจะยึดมั่นในพระพุทธศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด  ข้อสังเกตอันหนึ่งของบรรดาวัดในหลวงพระบางคือ ทุกวัดจะมีเรือแข่งขนาดใหญ่ขึ้นคานอยู่ในวัด  หลวงพระบางมีประเพณีการซ่วงเฮือ (แข่งเรือ) ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดในลาว  พวกเราวางแผนกันว่าวันนี้จะเที่ยววัด และจะมาตะวันตกดินที่พระธาตุจอมพูสี ก่อนจะไปจบที่ตลาดม้งหรือตลาดแบกะดินตอนค่ำคืน ก่อนจะไปฉลองเค้าท์ดาวน์ปีใหม่กันที่โรงแรม      สำหรับผู้มาเยือนหลวงพระบางจะพลาดการชมวัดเชียงทองไม่ได้เลย  วัดนี้อยู่ตรงบริเวณที่แม่น้ำคานไหลมารวมกับแม่น้ำโขงซึ่งเรียกว่า “ปากคาน”  วัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ถือว่าเป็นวัดที่โดดเด่นสวยงามที่สุดบนแผ่นดินลาวและนับเป็นตัวแทนอันสมบูรณ์ที่สุดของศิลปะสกุลล้านช้าง โดยเฉพาะ “สิม” หรืออุโบสถสวยงามทั้งภายในภายนอก ภาพจิตรกรรมฝาผนังลาดรดน้ำ ภาพเกี่ยวกับศาสนาเช่น ไตรภูมิ ทศชาติ นิทานพื้นบ้านเรื่องท้าวจันทะพานิด เป็นต้น  ผนังลงลักปิดทองที่ชาวลาวเรียกว่า “พอกคำ”งดงามมาก บริเวณวัดกว้างมีต้นไม้ใหญ่ โบสถ์ ศาลาธรรม ศาลาวัด โรงเมี้ยนโกศและอูบมุง อันเป็นที่เก็บพระพุทธรูปต่างๆด้วย      วัดสำคัญอีกวัดหนึ่งคือวัดวิซุน  สิมหรืออุโบสถ์สร้างตามแบบไทลื้อ วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระบางมาก่อน ด้านหน้าสิมคือพระธาตุหมากโมอันเป็นจุดสนใจสำคัญของวัด รูปทรงพระธาตุใหญ่โตเหมือนเอาแตงโมผ่าซีกแล้วคว่ำลง     พระธาตุจอมพูสีหรือพระธาตุพูสีเป็นเสมือนหลักเมืองของหลวงพระบาง  ตำนานกล่าวว่า ฤาษีสองพี่น้องเดินทางมาเสาะหาที่ตั้งบ้านตั้งเมือง เมื่อมาเห็นชัยภูมิที่นี่เป็นที่ราบกว้างมีเนินเขาอยู่ตรงกลาง  จึงเลือกเอาสถานที่นี้เป็นเมือง “ทิดเหนือเอากกทองสบคานเป็นเขต ทิดตาเว็นออก เอาพูช้างพูซวงเป็นเขต  ทิดใต้เอาน้ำดงเป็นเขต  และทิดตาเว็นตกเอาพูท้าวพูนางเป็นเขต”        บนยอดพูสีเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมพีสี องค์พระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองหลวงพระบาง  ใครมาหลวงพระบางจะเห็นพระธาตุจอมพูสีแต่ไกล มีคำว่า “ไปหลวงพะบาง ถ้าบ่ได้ขึ้นพูสี ก็เท่ากับบ่ได้ไปหลวงพะบาง”  พระธาตุพูสีเดิมใช้เป็นที่ประทับของพระสังฆราชลาวองค์สุดท้าย ก่อนที่จะหนีมามรณภาพที่เมืองไทย      ทางขึ้นพระธาตุร่มรื่นด้วยต้นจำปาลาวหรือต้นลั่นทม ดอกไม้ประจำชาติลาว  ช่วงสงกรานต์เดือนเมษายน ดอกจำปาจะบานสพรั่งสิ่งกลิ่นหอมเป็นที่ประทับใจทุกคน  ยอดพูสีสูงถึง ๑๐๐ เมตรจะมองเห็นพระราชวังของเจ้ามหาชีวิตที่อยู่คนละฝั่งถนน มีฉากแม่น้ำโขงไหลเอื่อยอยู่เบื้องหลัง มองทิวทัศน์เมืองหลวงพระบาง แม่น้ำคาน แม่น้ำโขงได้ทั่วหมด  เย็นๆตะวันกำลับพลบค่ำจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมอาทิตย์ลับฟ้าบนยอดพูสี      หลังจากปีนบันไดหลายร้อยขั้นขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินแล้ว พวกเราก็เดินหัวทิ่มลงมาตามขั้นบันไดทางด้านหน้าก่อนที่ความมืดจะมาเยือน  แหวกว่ายหลีก พ่อค้าแม่ค้าเด็กค้า ที่พยายามจะขายของที่ระลึกมาถึงถนน  ไกด์บอกว่า เรายังมีเวลาชมตลาดกลางคืนที่ชาวม้งหรือลาวสูงมาตั้งแผงขายตามถนนเพื่อขายของที่ระลึก  ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทหัตถกรรม  ผ้าย่ามปักลวดลายแปลกๆ ผ้าทอมือ งานไม้ เครื่องเงินหรือของเก่าราคาถูก จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:23:28

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพด้านหลังพระอุโบสถหลวง วัดเชียงทอง แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 18:29:45 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:29:08

ความคิดเห็นที่ 11 ...นั่งรอตักบาตร.. จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:31:05

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำโขง ไหลคดไหลโค้ง โขงเอ๋ยเอื่อยมา... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:32:54

ความคิดเห็นที่ 13 สะบายดี หลวงพะบาง   (๔)     ควันหลงจากงานฉลองปีใหม่ที่ลานกว้างหน้าโรงแรมเมื่อคืนที่แล้วยังอยู่ในสมอง ชมการฟ้อนรำพื้นเมือง ออกไปรำวงเป็นคู่ๆอย่างสนุกสนาน  วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการเยือนหลวงพระบาง  ตามโปรแกรมจะไปถ้ำติ่ง น้ำตกกวางซี บ้านผานมและบ้านช่างไห แต่ก่อนจะออกนอกตัวเมืองพวกเราขอชมตลาดสดตอนเช้าก่อน   เดินเลยสี่แยกกลางเมืองมาทางแม่น้ำโขงมองเห็นเมืองเชียงแมนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ตลาดสดผู้คนมากมาย ปลาน้ำโขงสดๆ ปลาแห้ง ปลาเสียบไม้วางขายเป็นกองๆ พิเศษอีกอย่างคือตัวแลนตากแห้ง ตัวคล้ายๆกับตุ๊กแกแต่โตกว่ามาก หยิบขึ้นมาดมมีกลิ่นไหม้ๆ เขาว่าเอาไปทอดกินกับข้าวต้มหรือข้าวเหนียวอร่อยดี กบ เขียด ตัวอ้น ตัวงูสิง ไก่บ้านขายเป็นตัวสดๆยังดิ้นได้  หันไปเห็นรังผึ้ง รังต่อ  ผักบ้านผักป่า   เมืองเชียงแมนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นถือว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของหลวงพระบาง  ชาวบ้านจะนำผลิตผลการเกษตรมาขายทุกวัน     ระยะทางรถวิ่งไปถ้ำติ่งประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ถึงบ้านปากอูที่แม่น้ำอูไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง  ก่อนจะลงเรือข้ามไปที่ถ้ำติ่งมองเห็นร้านค้าในหมู่บ้านละลานตาไปหมด จึงหมายตาไว้ว่า กลับมาจะต้องแวะให้ได้  เรือวิ่งวนกระแสน้ำ เห็นถ้ำติ่งสูงเด่นอยู่ริมน้ำแต่ไกล  คำว่าถ้ำติ่ง หมายถึงถ้ำหินติ่งหินย้อย  เมื่อเรือเทียบ  พวกเราปีนบันไดสูงขึ้นไป  เห็นพระพุทธรูปน้อยใหญ่เรียงรายเป็นหลั่นเป็นชั้นๆมากมายตั้งแต่ปากถ้ำถึงในถ้ำ  เขาว่ามีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ราว ๒.๕๐๐ องค์  ไม่มีใครบอกว่าพระพุทธรูปเหล่านี้มีมาตั้งแต่เมื่อใด  ถ้าขึ้นไปถึงถ้ำเทิง (บน) ก็จะมีพระพุทธรูปมากมายเช่นกัน  ส่วนมากเป็นฝีมือของช่างพื้นบ้าน  ในช่วงสงกรานต์จะมีคนมาทำบุญกราบไหว้มากแทบไม่มีที่จะยืน  มีเรือเช่าล่องมาจากหลวงพระบางใช้เวลาไปกลับกว่า ๔ ชั่วโมง      นั่งเรือจากถ้ำติ่งกลับมาบ้านปากอูเช่นเดิม  ไกด์เสถียรบอกว่า เนื่องจากเวลาน้อย จึงของดไม่ไปบ้านช่างไหแหล่งทำไหและต้มเหล้าขาว  ไม่ไปบ้านผานม ต้นตำหรับผ้าทอฝีมือชาวไทลื้อสิบสองปันนาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ  ตกลงจะไปน้ำตกกวางซี หรือตาดกวางซีเป็นแห่งสุดท้าย  แต่เสถียรก็ยังใจดี ให้พวกเราได้มีเวลาซื้อของที่บ้านปากอูซึ่งมีสินค้าทุกอย่างเหมือนบ้านช่างไหและบ้านผานม      ชุมชนเล็กๆขายของใต้ถุนบ้านหรือตามร่มไม้ชายคา  สินค้าที่เห็นมีประเภท ผ้า พวกเย็บปักถักร้อย เครื่องเงินเครื่องประดับ ไม้แกะสลัก เครื่องปั้นดินเผา พวกของเก่า มีเหล้าขาวดีกรีสูงเป็นไหๆ  ชาวลาวเรียกว่าเหล้าขาวตาตั๊กแตน  สุดท้ายผมก็มาหยุดที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง ซื้อเขี้ยวหมูป่าขนาดใหญ่โง้งยาวเป็นคืบไปฝากเพื่อน  พบเขี้ยวหมูตันมีน้ำหนักขาวลื่นเป็นมัน ราคาหมื่นกว่าบาท คนขายบอกได้มาจากเจ้าเมืองไทลื้อ  ไม่รู้ว่าจริงหรือถูกหลอก แต่ผมว่าแพงไป ภาพ พระพุทธรูปต่างๆ ในถ้ำติ่ง... แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 18:46:41 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:37:19

ความคิดเห็นที่ 14 ..พระรูป...ในถ้ำติ่ง จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:39:07

ความคิดเห็นที่ 15 ...ทางขึ้นลงถ้ำติ่ง  หน้าผาสูงชัน จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:40:44

ความคิดเห็นที่ 16 สะบายดี หลวงพะบาง   (๕)         รถวิ่งตามถนนแคบๆผ่านหมู่บ้านตามชนบท ทุ่งนาป่าเขาไปถึงน้ำตกกวางซี หรือที่เรียกตาดกวางซีสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ลือชื่อของหลวงพระบาง  มีตำนานเล่าว่า นายพรานตามไล่ล่ากวางวัยรุ่นที่เขากำลังซี (ซีหรือป่ง แปลว่า กำลังโผล่หรือกำลังงอก) ไปถึงแหล่งน้ำตก จึงตั้งนามน้ำตกแห่งนี้ว่า “ตาดกวางซี”   เดินผ่านด่านเข้าบริเวณต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่น เสียงน้ำตกดังซ่ามาแต่ไกล  พ้นจากป่าไม้ใหญ่เห็นสายน้ำทิ้งตัวลงมาตามแผ่นผาหินสูงกว่า ๖๐ เมตร สีขาวฟองฟ่าพลิ้วละอองตามสายลมอย่างสวยงาม  สู่แอ่งน้ำอยู่เบื้องล่าง น้ำสีขาวนวลไหลไปตามแอ่งเล็กแอ่งน้อย ธารน้ำคดเคี้ยวสู่เบื้องล่าง  น้ำใสบริสุทธิ์จนอยากจะลงไปอาบให้ชื่นใจ  ตาดกวางซีเป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามที่สุดอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งเคียงคู่กับเมืองหลวงพระบาง      เมื่อได้มาหลวงพระบางเหมือนได้กลับมาบ้านเก่าพบกับเครือญาติที่ห่างเหินกันไปนาน ได้มีโอกาสได้โอ้โลมปฏิสันถารกับแม่ยิงครูสอนนาฏศิลป์ที่โรงแรมเชียงทอง  ท่านบอกว่า “ดินแดนใดเฮือนมีเสา เป่าแคน แห้นข้าวเหนียว เคี้ยวปาแดก.. นั่นแม่นลาว”  ชาวหลวงพระบางหรือที่เรียกกันติดปากว่าชาวเมืองหลวงมีสำเนียงภาษา (พาสาเมืองหลวง)ออกจะเหน่อมาทางล้านนาหรือทางภาคเหนือของไทยเรา ซึ่งแตกต่างจากสำเนียงเวียงจันทน์ที่ใช้เสียงเรียบๆเสมอกัน  สำเนียงเมืองหลวงนั้นจะขึ้นสูงลงต่ำ จะลงท้ายด้วย “เจ้า” และ “โอ๊ะ” มีบางคำที่ไม่ค่อยจะได้ยิน เช่น บ่นัวบ่เนีย... มะลุดตุดติ๊ด...มะโลมะเล...อาบน้ำอาบใน...ไปเลาะไปและ... ตามสี่แยกจะมีไฟอำนาจ ไฟเสลีและไฟเกียม สนามบินเรียก เดิ่นบิน  เจี่ยป้ายขี้คือกระดาษชำระในห้องน้ำ เป็นต้น  คำว่า “คนเจ้าชู้” อย่าได้คิดเป็นอย่างอื่น หมายถึง คนรูปหล่อหน้าตาดี ดอกราตรี ลาวเรียก ดอกหอมดึก คำว่า “ไท และ ผู้”  หมายถึงคนหรือชาว เช่น ชาวไทพวน คือคนพวน ไทลื้อ คือคนลื้อ ผู้ไท คือคนไท  ชาวไทยอีสานชอบพูดว่า ไทบ้าน ไทเฮา ไทอื่น  แต่ยังสงสัยกันอยู่คำหนึ่งว่าแถวนครพนม สกลนคร มีชาวผู้ไทจำนวนมาก ทำไมเราเรียกเขาว่า “ชาวภูไทย” เหมือนกับจะเรียกพวกเขาว่าชาวไทยภูเขา  คนลาวเรียกพวกนี้ว่า “ผู้ไท”   คำว่า “ผู้” นั้นเขาใช้แทนคน เช่น ผู้ใหญ่ ผู้น้อย ผู้นั้น ผู้นี้ หมายถึงคน  และไม่ได้แบ่งแยกเพศพันธ์แต่อย่างใด ..ภาพ น้ำตกกวางซี จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:45:13

ความคิดเห็นที่ 17 ได้แวะทานแจ่วบอง บ้่างหรือเปล่าค่ะเนี่ย แวะมาทักทายค่ะ เรื่องเล่าพร้อมภาพทำให้อยากไปอีก... ปล.ชอบซิ่นแม่ญิงลาวจังเลย งาม... จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:45:37

ความคิดเห็นที่ 18 ด้านล่าง น้ำตกกวางซี จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:49:41

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีค่ะ นักแต้ม ... พลอยขอนำ ภาค "วังเวียง" มาแจมด้วยนะคะ ... ( 1 / 6 ) ............. ............. ...มายาเลศ เนตรพยศ สะกดผา ยืนหลบหน้า..ผาตั้ง..ใครขังหรือ... ห้วยละหาร ธารใส น้ำใจฤา... กรอมไกลมือ ถือหนัก... บ่ พักวาง... ...เล่ห์พระพาย กำจายกาจ พัดบาดจิต รอมจริต พิศวาส สู่ผากว้าง ไม้ชอุ่ม คุ้มไสว ไล้สรรพางค์ ปรกชุมทาง ดงฉวาง ฉางลำทวน... ...สรีรา ประกาศิต พิศวง กระไรหลง ดงเสน่ห์ ฮาเสสรวล กระไรเล่า เกลาผา ตั้งท่ายวน พาเรรวน ส่วนด้าว...เมืองลาวแล... ...ชีวจิต อิสระ รังสฤษฏ์ เพ้อทุกทิศ สถิตย์ธาตุ ยาตราแห่ ยืนจังก้า..ผาตั้ง..ขังดวงแด ใครกันแน่ แค่ทัก... ฮัก บ่ ลืม... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:51:29

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาอ่านค่ะ ภาพสวยจังค่ะ พี่แต้ม อิจฉา คนได้ไปเที่ยว..อยู่เรื่อย.. จากคุณ : สุนันยา เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:52:44

ความคิดเห็นที่ 21 วังเวียง ( 2 / 6 ) ..................... ..................... ...ฮััก บ่ ลืม ... ลืม เฮือน...เหมือน บ่ ฮัก จึงสลัก ถักไศล ประไพรปลื้ม ปล้นสะดม ทิวา ราตรีลืม ย่องดูดดื่ม ฟืมทอ ล้อผาม่วน... ...วััง-ดงงาม.. นามเคียง..."วัง-เวียง" ถิ่น เมืองเมฆินทร์ รินหมอก ศอกวาหวน เฟื่องสกาว สาวเวียงจันทร์..หวั่นพี่ครวญ พ่อชายล้วน ป่วนแข ยุแหย่นง ... ...แสงยวนดิน ชินเชย เปรยส่งข่าว อย่าทิ้งข้าว คอยเคียว เกี้ยวนาหลง อย่าทิ้งผา พาหงอย ลอยกลางดง ดินร่วนผง คงแห้ง เป็นแปลงทราย... ...ส้มอำพัน ถวัลย์คว้า ศรัทธาเจ้า นิทราเงา เหงารับ...กระสับกระส่าย ภวังค์รับ สดับเสียง คุ้นเคียงกาย ผาให้ท้าย ร้ายลึก จนนึกกลัว... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:52:44

ความคิดเห็นที่ 22 วังเวียง ( 3 / 6 ) ..................... ..................... ...สุริยะ อัสดง แสงส่งท้าย เรืองส้มฉาย ปลายแสง ส่องแย้งหัว ธรรมชาติ ลาดทาง ขวางแรงตัว คนลืมมัว ยั่วเย้า เฝ้าแลงโลม... ...ขอเข้าฉาก ตากยุง กระทุ้งน้ำ บ่ ครั่นคร้าม ลามแสง ส้มแดงโหม ฉาบผิวเนื้อ เยื่อใย ในห้วงโคม เย็นโพยม โฉมฉาย และชายชวน... ...หมู่มัจฉา ผวาดอด ฮุบตอดเตร็ด โอดโอยเอ็ด..เฮ็ดหยัง..ประดังผวน แกวสนุก คลุกกรุ่น ละมุนมวล ดับชนวน ซวนขาม ผู้ย่ามใจ... ...เงาประหลาด มิคลาดคล้อย ถอยเลี่ยงหลบ จัดระบบ ภพพ้อง...ซองเอื่อยไหล "ลำน้ำซอง" ฟ้องแดด เธอแผดใคร ฮักแฮงไป... ฤา ไป่ ฮัก...มัก บ่ ดี... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:53:34

ความคิดเห็นที่ 23 วังเวียง ( 4 / 6 ) ..................... ..................... ..."ฮักแฮงไป.. ฤา ไป่ ฮัก".. มัก บ่ ได้ ... รักมายมาย คล้ายเกิด เมื่อครู่นี้ แค่ครูพัก ลักจำ ย้ำชีวี ผ่านสักขี ลำน้ำ น่านลำนำ... ...นั่งผ่อนคลาย หงายหลัง ฟังเพลงโปรด เราสันโดษ โปรดปราน...ยามใกล้ค่ำ ริมตลิ่ง ประวิงล้อ ร้องคลอฮัม ฟังแล้วขำ ... ใครร่ำ ร้องเพลงไทย... ...เสียงขาดช่วง ห้วงคึก พิลึก.. อึ้ง เพรียกรำพึง ตรึงแจก แทรกตาใส ใครรำพัน ขวัญเสียง แห่งเวียงไพร ตะโกนไป ... ใครกัน ... ฉันหรือเธอ ... .."ฉันหรือเธอ... หรือ เธอ ... เธอ ..." ค่อยแผ่ว สะท้อนแถว แว่วคุ้น - วุ่นเสนอ มัวแต่จ้อง ร้องแรก แหกกระเชอ ลองหยุดเพ้อ...บ่ แม่น เธอ...บ่ แม่น ใคร... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:54:14

ความคิดเห็นที่ 24 วังเวียง ( 5 / 6 ) ..................... ..................... ...ใครที่ซึ้ง พึงฟัง...หูไว้หู ลาว"เจ้าชู้" ชูเสน่ห์ ผู้หลงใหล ลองกลับลำ ย้ำตาม ความหมายไทย "คนหลายใจ" เจ้าชู้ ประตูดิน... ...กลางหุบเขา เงาไม้ และสายหมอก ในอยากออก นอกอยากเข้า เฝ้าเยือนถิ่น เพียงเสี้ยวหนึ่ง ตรึงถอย นกน้อยบิน ปีกหักสิ้น ผินพัก เพราะฮักแฮง... ...ได้ลิ้มรส แกงจืด แม้ชืดกร่อย ชิมได้บ่อย ย่อยง่าย คลายคอแห้ง โล่งสบาย ใช่หวาน ปานเคลือบแคลง ซดน้ำแกง กล่อมแล้ง กลมแรงคอย... ...สมเวลา มหาสุข ทุกข์มหันต์ เมื่อครบครัน วันสวย ช่วยเย้ยปล่อย หมดเวลา หาสู่ พู-เวียงดอย ขอฮักน้อย...แต่ฮัก...สักล้านปี... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:55:01

ความคิดเห็นที่ 25 วังเวียง ( 6/ 6 ) ..................... ..................... ... ณ ห้วงกาล ม่านคนึง จากหนึ่งมิตร สู่ใจมิตร อีกหนึ่ง ตรึงดิถี เติมแต่งฝัน ปันเผื่อ เอื้อไมตรี ท่องสักขี อาขยาน ผ่านเวลา ... ... ณ แดนหนึ่ง ตรึงจิต มิตรทั้งสอง ฟากฝั่ง "ของ" ปองปัน ให้ฝันหา ยังคงเห็น เช่นถิ่น ที่ชินตา ราวกับว่า เหมือนเดิม แค่เสริมใคร... ... เสริมใครหนึ่ง ซึ่งเผอิญ มาเดินผ่าน ณ กลกาล ซึ่งต่าง หนทางใกล้ ระยะทาง วางกรอบ ครอบคลุมใจ แม้นแสนไกล ... แต่เรานั้น ... หากันเจอ ... ...................................................................... ...................................................................... มีความสุขมาก ๆ ค่ะ นักแต้ม ... ภาพทุกภาพ พลอยถ่ายเองค่ะ .... ... ประเทศ "ลาว" สวยงามมากค่ะ . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:56:23

ความคิดเห็นที่ 26 สะบายดี หลวงพะบาง  (๖) เพลง "เซินเที่ยวหลวงพะบาง"               : จังหวะรำวง ๐  บ้านน้องอยู่เมืองหลวงพะบาง  หลวงพะบาง เมืองมอละดกโลก ไผได้ไปนับว่ามีโชก  เมืองมอละดกโลก โอ้เมืองหลวงพะบาง ชายใดสนใจเซินแหว่ ม่วนแท้แท้  ท่องเที่ยวหลวงพะบาง ฝั่งเชียงแมนมีพูท้าวพูนาง  กอนขับทุ้มหลวงพะบาง ประสานเสียงแคนแล่นแตร....... ๐  สายน้ำคานไหลลินไหลล่อง  สายน้ำของ  กอดเกี้ยวชุ่มเย็น เซินเด้อไผบ่ทันได้เห็น  เทดสะกานเพิ่นเด่น แม่นบุนกุดสงกาน เลื่องอาหารหลวงพะบางนั้นลือซื่อ นั่นก็คือเอาะหลามและแจ่วบอง เลื่องไคหินไคแผ่นบ่เป็นลอง ไผได้ชิมแล้วต้อง ติดอกติดใจ...เนอ อ้ายนา... ๐  สาวเมืองหลวงน้ำใจบ่แห้งเหี่ยว  เซินท่องเที่ยวชมตาดกวางซี ไปเที่ยวถ้ำติ่ง น้องจะบอลิกานฟี อยากเห็นผ้าลาวมัดหมี่ เซินแวบ้านพะนม หลวงพะบางเมืองวัดถุบูฮาน  เมืองตำนานและวันนะคะดี วัดวิซุน วัดเซียงทอง ทาดพูสี นั่นก็คือของดี ปะดับสี หลวงพะบาง.... ๐  อยากได้สาวเมืองหลวงมาเป็นไพ้  ใจของอ้ายต้องก้าแก่นแข็งขัน จื่อบ่อ้ายคำเถ้าแก่บูฮาน ถ้าว่าใจขี้ย้าน บ่อได้ขี่ช้างงา สาวเมืองหลวงคนนี้ก็ยังโสด สดสดลูกผัวยังบ่มี พ่อแม่น้องเพิ่นก็ใจดี  เซินเถิดคนดี...มาเป็นเขย..หลวงพะบาง...                                ๐๐๐๐๐ พูดถึงเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่ในคำร้อง เพลง  “เซินเที่ยวหลวงพะบาง” -  เอาะหลาม   เป็นอาหารประจำเมืองที่หากินไม่ได้ในถิ่นอื่น ส่วนประกอบคือ ข้าวเหนียว ถั่ว พริก มะเขือเทศ ตะไคร้ ตำลึง เห็ดหูหนูและสะค้านเถาวัลย์ชนิดหนึ่ง เอาะหลาม มีหน้าตาคล้ายต้มจับฉ่าย ข้นและเหนียว เคี่ยวจนข้น ชาวเมืองหลวงจะทำกินในช่วงเวลาพิเศษเท่านั้นและมักจะกินคู่กับผัก -  แจ่วบอง   เป็นน้ำพริกเผาชนิดหนึ่ง รสชาดจะติดหวานนิดหน่อย ส่วนสำคัญต้องมีหนังควายหั่นเล็กๆผสมกับน้ำพริกด้วย  เวลากินจะกรุบๆคล้ายหนังหมูกรอบ -  ไค   คือสาหร่ายน้ำจืด เป็นเส้นยาวละเอียดคล้ายเส้นผม สีเขียวสด ชอบขึ้นตามห้วยธารที่น้ำใสสะอาดไหลตลอดเวลา  นำไคมาล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำ ผสมกับเครื่องชูรสตามต้องการก่อนนำไปตากแดด จัดหรือตีให้เป็นแผ่นบาง ตากแดดให้แห้ง แล้วม้วนเป็นแผ่นก่อนกินใช้กรรไกรตัดเป็นแผ่นเล็กๆ ทอดน้ำมันพอร้อน จุ่มแล้วเอาขึ้นทันที อย่าให้ไหม้จนขม   พูดมาถึงตรงนี้ ทำนึกถึงไคหรือเทา ที่บ้านนอกไทยอีสานของเรา...                                        ---  จบ------ น้ำตกกวางซี เย็นฉ่ำ จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:58:24

ความคิดเห็นที่ 27 . ตามแม่พลอยมาเที่ยว เด้อ อ้าย   . จากคุณ : D_AkIrA เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:01:16

ความคิดเห็นที่ 28 เถาวัลย์  ไม้สะค้าน  ทำเอาะหลาม แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 19:03:23 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:02:00

ความคิดเห็นที่ 29 ไค... เลื่องไคหิน ไคแผ่นบ่เป็นลอง.... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:06:57

ความคิดเห็นที่ 30 มวลหน่อไม้ ที่ตลาดเช้า... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:09:14

ความคิดเห็นที่ 31 มวล ปู และ หนู ที่ตลาดเช้า จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:10:48

ความคิดเห็นที่ 32 มวลดอกอะไรนะ  ทางขึ้นตาดกวางซี... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:12:44

ความคิดเห็นที่ 33 สะ บาย ดี.... หลวง พะ บาง..... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:25:21

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีค่ะพี่เเต้ม.. เลิฟตามมาเที่ยวลาวด้วยคนค่ะ.. อ่านเเล้วเห็นภาพ เหมือนได้ไปเองเลยค่ะ เห็นภาพ นางฟ้อนใน คห 7. ทำให้คิดถึงนางฟ้อนที่สวนพี่นกฯมากๆเลยค่ะ เมื่อไหร่เลิฟจะมีโอกาสได้ดูอีกหนอ.. คืนนั้น ประทับใจมากๆ นางฟ้อนสวยมากขอบอกอิอิ ไม่เหลือเค้าตัวจริงเลย อ่อ ไปลาวครั้งนี้ มีของฝากมาฝากน้องสาวคนที่อยู่เเถวลาดพร้าว เหมือนคราวที่เเล้วรึเปล่าน๊อ 555 จากคุณ : อาลีอา เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:34:21

ความคิดเห็นที่ 35 อยากชิมเอาะหลาม จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 20:24:38

ความคิดเห็นที่ 36 32  น่าจะเป็นดอกลำโพงค่ะ มีทั้งสีนวลและสีขาว จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 20:47:10

ความคิดเห็นที่ 37 ลำน้ำโขง ( 1 / 4 ) .......................... .......................... ... ลำน้ำ "ของ" สองใจ ไทยน้ำ "โขง" ใสจรรโลง อุโมงค์น้ำ ฉ่ำรินไหล ต้นน้ำหลาม ข้ามมหา หิมาลัย สานเยื่อใย เชี่ยวกราก ลุ่มฟากเกลอ ... ... ทิเบตจีน ไทยลาว เคล้าเขมร ไหลตระเวน เกณฑ์สมาน น่านเสนอ เก้ามังกร ดอนสามเหลี่ยม เทียมบำเรอ เวียดนามเพ้อ เลอหลากสาย ปลายน้ำเนาว์ ... ...น้ำหยินหยาง พลางผสม กลมกลืนคล้าย หิมะสลาย บวกสายน้ำ หลากเทือกเขา เย็นสยบ ขบร้อน ซ้อนบางเบา ขุนเลี้ยงเรา เหล่าสหาย จิตสายน้ำ... .......................................................................... .......................................................................... ...อารยธรรม กรำสมัย ช่างใสพริ้ง ลำน้ำนิ่ง ไม่บิดใจ ให้เกรงขาม ทั้งเยือกเย็น เร้นลึก ผนึกงาม "ปลาบึก"ห่าม นามสำคัญ วันอุดม ...หลากชนเผ่า เหล่าพันธุ์ปลา นาชีวิต จรดทุกทิศ ชิดแนบ ครบแบบสม ตะกอนดิน ถิ่นปุ๋ย ลุยนิยม เคล้าอารมณ์ ชมทุกข์ สุขวารี ... ... หลากน้ำใจ ในน้ำจิต มิตรภาพ ชะล้างคราบ บาปเศร้า โฉดเขลาหนี ความแคลงใจ หลายหลาก หากเคยมี เพื่อนพ้องพี่ อารีรอบ ร่วมปลอบกัน ... ...ทรัพยากร ผ่อนปรน ดลนิมิต ช่างเติมสิทธิ์ ฤทธิ์สุข รุกความฝ้น ดลบันดาล หวานเจ้า เฝ้าเจือปัน ล้วนยืนยัน บทบาท ธรรมชาติใด ... ...สองฟากฝั่ง ประดังโพ้น ตะโพนแว่ว ช่วยต่อแถว แจวเรือ เผื่อคนใกล้ แจวไม่เป็น เล่นน้ำ หน่อยเป็นไร ว่ายไม่ไหว ไล้โลม โน้มผ่อนคลาย ... ... ผู้มาเยือน เพื่อนล้า หาโอกาส หากว่าพลาด ชาตินี้ มีใจหาย สักครั้งหนึ่ง สักเพียงครึ่ง ตรึงจิต-กาย น่าเสียดาย โอกาส หากพลาดเยือน ... ...เสียงพัดแผ่ว แนวฝั่ง ดังเจื้อยแจ้ว เขามาแล้ว ซาบซึ้ง ถึงสันเขื่อน "ขอบใจหลาย.." มาคลายหนาว เบิ่งดาวเดือน น้อมฮับเพื่อน ผู้มาเยือน สู่เฮือนใจ ... .......................................................................... .......................................................................... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:16:10

ความคิดเห็นที่ 38 หรือดอกแตรนางฟ้าค่ะ มีสองชื่อ จากคุณ : Setakan เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:17:17

ความคิดเห็นที่ 39 ลำน้ำโขง ( 2 / 4 ) .......................... .......................... ... มาพ่อมา ... แม่มา ... คลำหาทิศ นิ่งสักนิด สถิตย์เร้น เส้นเลือดใหญ่ ดั่งเส้นหลัก สูบเต้น เค้นนอกใน ลมหายใจ ต่อชีวิต ให้ชิดเชย ... ... จิตวิญญาน สานสัมพันธ์ ช่างละเอียด แฝงละเมียด ละเลียดล่อง ย่องเขนย แหล่งเกษตร เขตอาณา อาหารเอย ฯ ช่างคุ้นเคย เชยชื่น รื่นรวยริน ... การประมง คงที่ วิถีหลัก ราบลุ่มนัก รักษ์ชีพ ยังถีบดิ้น “โทคโนโลยี” “ภูมิปัญญา” ท้าแดนดิน ค้ำชีวิน มิสิ้นสูญ เพิ่มพูนชาญ ... ริมฝั่งน้ำ คราคร่ำ ด้วยลำแข้ง ที่แข็งแรง แบ่งคล้อง คล่องประสาน หล่อเลี้ยงชีพ บีบเคร่ง จนเบ่งบาน ให้ภูมิฐาน ภูมิใจ ในวังวน ... .. ปัจจัยสี่ มีครบ สะสมทรัพย์ หลากลี้ลับ หับเผย ไม่เอ่ยผล หลากตำนาน "พญานาค" ฝากรอยตน เด่นสกล ยลสดับ นานกัปกัลป์ ... .......................................................................... .......................................................................... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:17:53

ความคิดเห็นที่ 40 ลำน้ำโขง ( 3 / 4 ) .......................... .......................... ... ระดับน้ำ ต่ำ-สูง จูงชีวิต ให้แผกผิด วิถี ลี้ผกผัน "ปลายพฤษภา.." ,"ต้นมิถุนา.." น้ำหลากพลัน ผ่านคิมหันต์ สู่วสัน –ตฤดู ... ...หลากไปหา "ตุลา.." น้ำ "ทรง"แล้ว เริ่มผันแนว ลดระดับ ปรับแล้งสู่ น้ำถอยลด หลากตื้น คืนพรากพรู มัจฉารู้ ทิศทาย มิว่ายทวน ... ..."ระบบนิเวศน์" เขตคาม ใคร่ถามท่าน ใครรุกราน รุกรั้น ให้ผันผวน ใครก่อเหตุ เภทภัย ใส่ชนวน โดยแปรผวน ปรวนน้ำ เป็นของตน ... ใครหมายครอบ ครอง "ข้า" จึงกล้าเบ่ง คิดข่มเหง ธรรมชาติ ให้คลาดหล่น ข้ามีคุณ หนุนมิตร มหาชน ทุกตัวคน ... ตนหมู่ ...อณูมวล ... อย่าได้หวัง สร้างพลัง หนุนหลัง "เจ้า" อย่าได้เหมา ริบลัด เป็นสัดส่วน เพื่อทุกทิศ มิบิดโผ เป็นโซ่ตรวน ธรรมตามควร ชาติสรวลเส ทุกเวลา ... .......................................................................... .......................................................................... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:19:15

ความคิดเห็นที่ 41 ลำน้ำโขง ( 4 / 4 ) .......................... .......................... ... เราควรอยู่ คู่อย่างไร ในลุ่มน้ำ บนนิยาม "ความเป็นธรรม" ค้ำกังขา เสมอสิทธิ์ เสมอภาค ฝากผักปลา ดวงยิหวา สัมพันธ์ ตามสันแดน ... ด้วย"แผ่นดิน" "ผืนน้ำ" และ "ท้องฟ้า" เฉลี่ยค่า หารเท่า นานเนาแสน เฉลี่ยสิทธิ์ นิมิตฝัน ไม่หวั่นแคลน ทุกแว่นแคว้น ได้ผ่อนคลาย และหายใจ ... นับถอยหลัง ดังเข้า เก้า..แปด..เจ็ด จงสะเด็ด เก็บพลัง ทั้งหมดไว้ รวมเลือดเนื้อ วิญญา คลายล้าไกล ปลุกหลับไหล ให้ตื่น แล้วลืมตา ... หลังฟอกปอด ทอดน่อง จนได้ที่ ท้าสักขี ทวีฝัน วันข้างหน้า ตราบแม่โขง รินไหล ใกล้อุรา แรงศรัทธา กล้าแกร่ง มิแล้งเลือน ... ... สาม..สอง..หนึ่ง .. ถึงเวลา ต้องลากลับ เสียงสำทับ ดังจากท่า ดั่งพร่าเฉือน "แม่โขงจ๋า ... โปรดเมตตา ... ผู้มาเยือน... ...ไหลขับเคลื่อน ... ส่งเพื่อนยา ... อย่าขาดตอน..." .......................................................................... .......................................................................... . . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:19:57

ความคิดเห็นที่ 42 ....สายน้ำของ กอดเกี้ยวชุ่มเย็น    เซินเด้อไผบ่ทันได้เห็น    เทดสะกานเพิ่นเด่น.. แม่นบุนกุดสงกาน... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:24:20

ความคิดเห็นที่ 43 ...สาวเมืองหลวง น้ำใจบ่แห้งเหี่ยว   เซินท่องเที่ยว ชมตาดกวางซี.... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:30:27

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีค่ะ นักแต้ม พลอยช่วยนักแต้ม ถ่ายทอด เรื่องราวเท่าที่พลอยเก็บภาพได้ และบรรยายได้นะคะ ... หลวงพระบาง ( 1 / 14 ) ................................ ................................ ... ถึงถิ่นสรวง "หลวงพระบาง" ช่างงามงด บริบท บรรพ์พิพิธ วิจิตรศิลป์ มิตรไมตรี สุนทรียภาพ อาบธานินทร์ "มรดกโลก" โภคบุรินทร์ ถิ่นภวังค์ ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:47:57

ความคิดเห็นที่ 45 หลวงพระบาง ( 2 / 14 ) ................................ ................................ ... ลุ่มน้ำ "โขง" ... โยงน้ำ "คาน" ... มาทานทัก อาณาจักร ล้านช้าง แต่ปางหลัง "หลวงพระบาง" สร้างเสน่ห์ พื้นเพดัง ด้วยมนต์ขลัง แห่งรอยยิ้ม พิมพ์ใจชน ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:48:43

ความคิดเห็นที่ 46 หลวงพระบาง ( 3 / 14 ) ................................ ................................ ...สถาปัต-ตยกรรม ล้ำขานไข เรือนสไตล์ "โคโลเนียล" เลียนแบบผล- งานแม่พิมพ์ ริมสายน้ำ สาละวน คราพิศยล ฝนฉ่ำ กรำแดดเกรียม ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:49:25

ความคิดเห็นที่ 47 หลวงพระบาง ( 4 / 14 ) ................................ ................................ ... ทุกมุมมอง ต้องตระการ หน้าม่านพริ้ว พาใจปลิว หวิวคล้าย จะอายเหนียม พร่ำคิดฮอด จอดแท้ แค่จรเจียม แรกครั้งเยี่ยม "ตกหลุมรัก" ศรปักใจ ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:49:59

ความคิดเห็นที่ 48 หลวงพระบาง ( 5 / 14 ) ................................ ................................ ... วิถีเมือง เรืองสล้าง หว่างสายน้ำ เทือกเขาค้ำ โอบพะเน้า ร่มเงาใหญ่ ทัศนียภาพ ฉาบลำเนา เคล้าพงไพร พิศยามใด นิมิต ... จิตวิญญาน ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:50:33

ความคิดเห็นที่ 49 หลวงพระบาง ( 6 / 14 ) ................................ ................................ ... สิ่งก่อสร้าง วางผัง เมืองครั้งใหญ่ "สนามบิน" ใหม่ เตรียมปรับ รับสื่อสาร คมนาคม สมสันต์ ทันเหตุการณ์ พลิกตำนาน หว่านโล้ เทคโนโลยี ... ... เงาอดีต ขีดเขียน ยังเวียนว่าย หอมกำจาย กรายแกล้ม แซมสุขี พร้อมคุกรุ่น รุนทุกข์ คลุกชีวี ตราบนที ... มีขึ้น-ลง ... ตรง-แปรปรวน ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:51:04

ความคิดเห็นที่ 50 หลวงพระบาง ( 7 / 14 ) ................................ ................................ ..."สะบายดี..." วจีเพื่อน ราวเอื้อนเอ่ย ตอบเฉลย "สวัสดี ..." วาทีสรวล เมื่อเจ้าบ้าน ขานทัก เว้าชักชวน รู้เหมาะควร ... เมืองตาหลิ่ว ... หลิ่วตาตาม .. จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:51:39

ความคิดเห็นที่ 51 หลวงพระบาง ( 8 / 14 ) ................................ ................................ ... ครองอุตตมะ "หลวงพระบาง" อย่างสุขุม "เจ้าฟ้างุ้ม" อุ้มไท-ลาว ลุ่มน้ำหลาม "คาน-โขง-เชียง" เคียง "อู" สู่เขตคาม หนึ่งในนาม "ล้านช้าง" กลางดงดิน ... ... กาลวิสุทธิ์ สดุดี มีชีวิต เพลิดเพลินนิด แจ่มมโน เกินโผผิน คล้ายเชื่อมถอย คล้อยหลัง ดังจงจินต์ เดินตามกลิ่น-อายสวรรค์ อย่างบรรจง ... ...ประวัติศาสตร์ ราชธานี มหาชีวีเจ้า แผ่ร่มเงา ไกลกว้าง อย่างสูงส่ง ที่ประทับ "เจ้ามหาชีวี-ศรีสว่างวงศ์" เทิดไท้องค์ ภูมี ศรีธานินทร์ ... ... พระราชวัง ยังงามเด่น เป็นสง่า กาลเวลา ยิ่งเสริมสาน ในงานศิลป์ ปรับโฉมพิศ "พิพิธภัณฑ์" พลันยลยิน ให้มิสิ้น ถวิลหา คราเยี่ยมชม ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:52:14

ความคิดเห็นที่ 52 หลวงพระบาง ( 9 / 14 ) ................................ ................................ ... "หอพระบาง" ช่างโอฬาร ชาญศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษ-ฐานค่า มิ่งอาศรม "องค์พระบาง" ปาง "ประทานอภัย" น้อมใจรมย์ หล่อเพียวสม "เนื้อทองคำ" ผ่องอำไพ ... ... หากพลาดชม อาจข่มว่า ... มาไม่ถึง ... ห้วงคำนึง หลงทิศ ริดหลงใหล "พระพุทธรูป" คู่บ้านเมือง เรื่อเรืองใจ น้อมกราบไหว้ ขอพร ก่อนจรลา ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:52:49

ความคิดเห็นที่ 53 หลวงพระบาง ( 10 / 14 ) ................................ ................................ ...ยอด"ภูษี" ศรีสง่า งามตานัก เชิญชวนนัก ท่องเที่ยว หมั่นเทียวหา เดินอย่าหยุด "จุดชมวิว" ทิวพารา อาจเมื่อยล้า เพราะความชัน บันไดปูน ... ... ชมรายรอบ ขอบเมือง ประเทืองขวัญ ใกล้หมดวัน ตะวันแลง แผ่วแสงสูรย์ ไม่เหนื่อยแท้ แม้ไถล - ใจอาดูร ดุจเพิ่มพูน เสริมสั่ง - สมแรงใจ ... ... ไม่ถึงยอด อาจหยันว่า ... มาไม่ถึง... ความตราตรึง พึงนิยม สมสมัย สูงเสียดฟ้า สุดหูตา พากว้างไกล ปล่อยหัวใจ ลอยละลิ่ว ปลิวตามลม ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:53:33

ความคิดเห็นที่ 54 หลวงพระบาง ( 11 / 14 ) ................................ ................................ ... บันไดชัน ขั้นท้า กว่าสามร้อย พฤกษ์ไพรคล้อย กิ่งก้าน บังบานร่ม จำปาลาว ชาวไทยนั้น เรียกลั่นทม สะพรั่งพรม ดอมดมบ้าง ตามทางมี ... ... จิตเกื้อหนุน บุญกุศล ดลสมาน นมัสการ องค์พระ-ธาตุจอมษี เดินชมวัด ทัศนา เหนือธานี ก่อนจรลี ปรี่ลง ... "ตลาดม้ง" ลาว ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:54:06

ความคิดเห็นที่ 55 หลวงพระบาง ( 12 / 14 ) ................................ ................................ ... บันไดลง จากองค์พระ ฯ ดังปะภาพ แนวระนาบ เบื้องหน้า แม่ค้าสาว ยังจัดแจง แบ่งของ เป็นกองราว ราตรียาว ค่ำคืนนี้ มีรางวัล ... ... “ม้ง” ทำมือ ถือปัก เย็บถักร้อย งานประดิษฐ์ ประดอย สอยชุนฝัน ผ้าผืนยาว กราวลาด ปูพาดพลัน มองลดหลั่น สินค้า จนตาลาย ... ... เป็นทิวแถว แนวขนาน ผู้พานพบ เดินสมทบ เมียงมอง จ้องซื้อขาย ของล้นหลาม ยามเย็น เต็นท์เรียงราย กระจัดกระจาย ...หยิบจับ ... รับต่อรอง ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:54:55

ความคิดเห็นที่ 56 หลวงพระบาง ( 13 / 14 ) ................................ ................................ ... หวานจำเรียง สำเนียงร้อง ของแม่ค้า น่าซื้อหา เลือกเฟ้น เน้นสนอง งานแฮนเมด เกรดดี ที่หมายปอง ราคาของ ถูกดี ไม่มีแพง ... ...ได้กำไร ไม่มาก แต่อยากขาย ดังกระจาย จ่าย-รับ เม็ดเงินแฝง ตุ๊กตา ผ้าซิ่นไหม ล้วนใช้แรง แฮนเมดแปลง ฝึกปรือ ฝืมือปรุง ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:55:31

ความคิดเห็นที่ 57 หลวงพระบาง ( 14 / 14 ) ................................ ................................ ... พอหอมปาก หอมคอ ชะลอหนัก กลับที่พัก นักช็อป หอบหิ้วถุง หมดอีกวัน ตะลอน ร่อนกลางกรุง ตลบมุ้ง นอนเรือนเหย้า พักเอาแรง ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:56:05

ความคิดเห็นที่ 58 ๐๐๐   มนต้นไม้... แจ่วบองนะครับ...ใส่หนังควายหั่นเป็นฝอยเล็กๆ                         เคี้ยวกรุบๆ อร่อยดี ๐๐๐   คุณพลอย...ภาควังเวียงยอดเยี่ยมมาก เพื่อนหลายคนถามว่า                         ploythana คือใคร  แต้มบอกว่า ploythana คือคน                             ที่เห็นเป็นตัวหนังสืออยู่นี่ไง                         ๐๐๐   สุนันยา...  ไม่ต้องอิจฉาคนพเนจรไม่มีอาชีพทำมาหากิน                        อิจฉาคนทำงานที่ได้แต่เงินๆดีกว่า ๐๐๐   D_AkIrA... จะตามแต่แม่พลอยตลอดหรือไง? มาตามแต้มดูบ้างสิ. ๐๐๐   scottie...    เอาะหลามหรือ?  วันหน้าจะซื้อมาฝาก ๐๐๐   จุดตานิด...  ขอบคุณที่ติดตามครับ...(คนแฟนกัน) ๐๐๐   อาลีอา...    คนเกิด วันและเดือน เดียวกัน                         ภาพนางฟ้อนมีมาก  แต่ภาพนางฟ้อนที่บ้านพี่นกไม่มี                         อย่านะ..น้องเลิฟ.. หยุดเลยเธอ...อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีก                         รู้เฉพาะเรา...                         ไม่มีของฝากใครเป็นชิ้นเป็นอัน..มีแต่ตัวหนังสือและภาพ                          อย่างนี้มาฝาก. แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 00:10:37 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:01:51

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณค่ะ นักแต้ม เพื่อนที่ถามเนี่ย จากประเทศ ลาว หรือเปล่าคะ ?? ตอบแทนพลอยค่ะว่า ... ploythana คือ คนทางฝั่งไทยที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ "ลาว" ค่ะ และประทับใจมากค่ะ ประเทศลาวสวยงามมากค่ะ , ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ , วิถีชีวิตของผู้คน เรียบง่าย , เมืองแห่งวัฒนธรรม - เมืองมรดกโลก , อากาศ ,สภาพภูมิประเทศ ฯ มากมายค่ะ จำได้ว่า อาหารที่ไว้ "รับแขกสุดพิเศษ" ใช่ ไข่พะโล้ แกะสลักเป็น หยัก ๆ หรือเปล่าน๊อ 55 .. แวะทานข้าวที่ไหน ก็จะเจอเมนูนี้ตลอดค่ะ ... เจ้าของร้าน "ภูมิใจ" มากค่ะ ตื่นแต่เช้ามา "แกะสลักไข่" ค่ะ จริงนะ ไม่ได้ ล้อเล่น 55 .. น่ารักดีค่ะ ... ... จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:07:41

ความคิดเห็นที่ 60   ศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาว ส่วนวัดที่พระสังฆราชลาวองค์สุดท้ายประทับ คือวัดใหม่สุวรรณภูมาราม ที่อยู่ติดกับด้านใต้ของพระราขวังครับ ข้อมูลอื่นๆถูกต้องแล้วครับ จากคุณ : Information เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:11:27 A:96.255.194.62 X: TicketID:141679

ความคิดเห็นที่ 61 กำลังจะเข้านอนพอดี... เห็น "ภาคหลวงพระบาง" ของพลอยแล้ว ต้องมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก คนอะไร...ช่างเขียน ช่างจดช่างจำ... ถูกแล้วครับ... เพื่อนที่ฝั่งลาวและฝั่งไทย เขาติดตามมาตลอด ๐๐๐   Information... ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่ส่งมา         ยินดีที่ได้รู้จักครับ... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:30:28

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนที่ไป นางรำหลังพิธีบายศรีเด็กมากค่ะ 13-14 ขวบเอง รูปนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว รอพ่อ-แม่มารับกลับบ้าน จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:48:05

ความคิดเห็นที่ 63 ตาดกวางซี จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:53:05

ความคิดเห็นที่ 64 แม่โขง  สายเลือดของหลายประเทศ จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:03:24

ความคิดเห็นที่ 65 จบลงด้วยคาราวานขนกระเป๋าลงเรือ..แรงงานเด็กค่ะ   จากคุณ : จุดตานิด เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:05:42

ความคิดเห็นที่ 66 I'd really like to visit Lao again since I was 13 years old going to visit Vientian now I've never been there again. thanks for beautiful picts and nice prose. จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:34:32

ความคิดเห็นที่ 67 ๐๐๐  จากหนังสือ "นิราศเมืองหลวงพระบาง" นายร้อยเอก หลวงทวยหาญรักษา (เพิ่ม) แต่งขึ้นในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง ชูโต) ยกทัพไปปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง  โดยมี หลวงทวยหาญรักษา ทำหน้าที่เป็ฯเลขาธิการทัพ ในราชการศึกคราวนั้น... ส่วนหนึ่งของการบอกเล่า เรื่องราวของ "พระบาง" ในสมัยนั้น มีวัดหนึ่ง ขึงตั้ง หลังทำเนียบ ดูรื่นเรียบ สะอาดดี เห็นมีสงฆ์ อยู่ในโบสถ์ โสดภิกษุ เหมือนธุดงค์ ตั้งจิตจง เจตนา สมาทาน เพ่งพินิจ พิศพระพุทธ วิสุทธิ์ศรี รัศมีเปล่ง มองส่อง ประสาร เห็นแปลกเนตร พิเศษสรรค์ อันตระการ ก็วิจารณ์ จงจิต เข้าพิศพักตร์ ถามพระสงฆ์ องค์ที่เฝ้า เล่าแถลง ท่านจึ่งแจ้ง จริงใจ ให้ประจักษ์ ชื่อ “พระบาง” สว่างใส วิไลลักษณ์ ซึ่งสำนัก อยุธยามหานคร พระร่มขาว เจ้านิเวศประเทศราช กราบทูลบาท บพิตรมหิศร ขอนิมนต์ “พระบาง” รับกลับนคร ด้วยอาวรณ์หวังบูชาพุทธาองค์ จึงโปรดให้ ราธนามา เหมือนหวัง ให้สมดัง ความคิดพิศวง สถิตวิสุ่นอาราม ตามจำนง รำพันพงศ์ พุทธคุณ น่าอุ่นใจ พลางแลชม อาศรมทรง จำนงนึก โอฬารึก แลว่าง ทั้งกว้างใหญ่ รูปทรงคล้าย กระทายทอง ผ่องอำไพ แลวิไล ลายระยับ ช่างจับตา... ----------------------------------------------------------------------------- "พระบาง" มิ่งขวัญของเมืองหลวงพระบาง  ประดิษฐานอยู่ในพระราชวังของเจ้ามหาชีวิต  เป็นศิลปะเขมรสมัยหลังบายน ประมาณ พศ. ๑๘๐๐ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พศ.๒๓๒๒)  พระบางและพระแก้วมรกตถูกอัญเชิญ (ยึด) ลงมากรุงธนบุรี  แต่พระบางนั้นถูกส่งกลับคืนเมืองลาวในสมัยรัตนโกสินทร์  พศ. ๒๓๒๕ (จากหนังสือ "หอมกลิ่นจำปา" ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ") จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:44:17

ความคิดเห็นที่ 68 ๐๐  จุดตานิด...  ขอบคุณกับภาพสาวน้อยที่น่ารัก                      พร้อมกับทิวทัศน์ สวยงามของแม่น้ำโขง                      เราคงจะเจอกันเรื่อยๆ เนอะ....                         ๐๐   tiki_ทิกิ....  Your welcome...Thanks so much for your                              comments  and details" จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:54:12

ความคิดเห็นที่ 69   นับว่าเป็นการถ่ายทอดหลวงพระบางได้เยี่ยมมากอีกกระทู้นึงเลยครับ แต่ก็ขอแก้ไขข้อมูลนิดๆนะครับ เพื่อความถูกต้อง #2 ค่าเข้าชมหอพิพิธภัณฑ์ 30.000 กีบมาได้ปีกว่าแล้วครับ ไม่ใช่ 10.000 ตามที่ จขกท แจ้งไว้นะครับ ต้องบอกไว้เดี๋ยวคนที่ไปเที่ยวตามหลังสับสนกับราคาแล้วจะเกิดการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ได้ครับ แต่เรื่องนี้ผมมีข้อสงสัยที่ว่า จขกท ไปกับคณะทัวร์ซึ่งค่าเข้าชมควรรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ทำไมยังต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มด้วยครับ และอีกเรื่อง ตามรูปผมเชื่อว่า จขกท พักที่โรงแรมชื่อ วังทอง มากกว่านะครับ #16 ที่ได้ชื่อว่า ตาดกวงซี ออกสำเนียงไทยว่า ตาด(น้ำตก)+กวาง+ชี ครับ หมายถึงน้ำตกที่มีการปรากฏตัวของ กวางเผือก หรือ กวางแม่ชี ได้ยินแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นี่บอกมาอย่างนี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องกวางเขางอก และผมอยู่ในหลวงพระบางมาสิบกว่าปี ไม่เคยเห็นสี่แยกไหนมีสัญญาณไฟแดง ที่เรียกว่าไฟอำนาจเลยครับ รวมถึงคนส่วนใหญ่ในเมืองที่มีสัญญาณไฟจราจรก็เรียกไฟแดงกันหมดแล้วครับ ส่วนใหญ่คำเหล่านี้เป็นทริ๊กที่ไกด์สรรหาเรื่องมาเล่าให้ลูกทัวร์ฟังน่ะครับ #26 จริงๆแล้ว ไค ก็คือตะไคร่น้ำดีๆนี่เองแหละครับ ใครเคยมีบ่อเลี้ยงปลาจะเคยเห็นตะไคร่เส้นยาวๆชนิดนี้ในบ่อปลา #60 วัดที่พระสังฆราชลาวองค์สุดท้ายประทับ คือวัด แสนสุข ต่างหากครับ ท่านเพิ่งสิ้นไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมยังไปร่วมงานเผาศพท่านที่ เดินทาด(สนามหลวง) ทั้งน้ำตาเนื่องจากท่าน เรียกว่าเป็นเสาหลักต้นใหญ่ต้นนึงของเมือง มีความสัมพัธ์และผูกพันธ์กับเมืองไทย และให้ความเมตตากับคนไทยในหลวงพระบางมาเสมอครับ จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 13:27:21 A:115.84.78.162 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 70 # 69...  คุณคนพื้นที่ ๐   กระทู้นี้เขียนถึงเป็นครั้งแรกที่ผมไปหลวงพระบาง เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว  ตามจริงผมไม่ได้เสียค่าเข้าชมหรอกครับ ทัวร์เสียให้  แต่ผมก็ถามเขาว่าคนละหมื่นกีบ ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถูกนัก หรือว่าจะมาขึ้นราคาเอาตอนหลัง  ผมไปหลวงพระบางมา ๓ ครั้งแล้วครับ ๐   ถูกต้องแล้วครับ  "โรงแรมวังทอง" ผมก็สับสน  ขอบคุณครับ ๐   ตาดกวางซี หมายถึงน้ำตกที่พรานพบกวางรุ่นเขากำลังป่ง  ผมได้ยินมาอย่างนั้นครับ  ไกด์ก็บอกอย่างนั้น  ที่ท่านได้ฟังมาก็เข้าท่าดูมีเหตุผลเหมือนกัน  ผมก็ได้ยินคนเขาเรียกไฟแดง ไฟเขียวเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าคนสมัยใหม่คงเรียกตามสมัยนิยม ๐   ใช่ครับ  ไค  ทางอีสานเรียกว่า "เทา"  ถ้าจะเรียกว่าสาหร่ายน้ำจืดจะได้ไหมครับ... ๐   วัดที่พระสัฆราชลาวองค์สุดท้ายประทับ  ไกด์บอกผมว่าคือวัดพระธาตุจอมพูสี ก็คิดเหมือนกันว่า ท่านไปอยู่ที่สูงจัง  แต่ตาม คห.๖๐ ท่านว่า วัดใหม่สุวรรณภูมา  ท่านคนพื้นที่ บอกว่า "วัดแสนสุข" และเคยไปเผาศพเมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้ว ผมคงเชื่อท่านแหละครับ..      ขอบพระคุณมากๆ ครับ ที่ได้กรุณา      ยินดีที่ได้รู้จักท่านครับ ขอแสดงความนับถือ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 15:25:05 จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 15:22:36

ความคิดเห็นที่ 71   วัดแสนสุขาราม เป็นที่พำนักของพระเถระชั้นผู้ใหญ่องค์หนื่งของหลวงพระบาง แต่ท่านไม่ได้เป็นพระสังฆราช ที่เสด็จไปลี้ภัยและมรณภาพที่ประเทศไทยนะครับ ผมจำชื่อพระทั้งสองท่านไม่ได้แล้ว เวลาผมอยู่หลวงพระบางก็เห็นพระสังฆราชประทับอยู่ที่วัดใหม่สุวรรณภูมารามและผมเคยไปนมัสการท่านตอนผมยังหนุ่มๆระหว่างที่ผมกลับไปเที่ยวหลวงพระบางเมื่อนานมาแล้ว จากคุณ : Information เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 19:58:14 A:96.255.194.62 X: TicketID:141679

ความคิดเห็นที่ 72   ผมพอจำได้แล้วครับว่า พระสังฆราชองค์สุดท้าย ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในลาวชื่อว่าพระสังฆราชบุญทัน ส่วนพระคำจันทร์ เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ก่อนปี ค.ศ. 1975 พระคำจันทร์เป็นคนรุ่นเดียวกับคุณแม่ของผมและท่านบวชมาตั้งแต่ยังหนุ่มโดยคุณยายของผมเป็นแม่ยกในการบวชของท่าน พระคำจันทร์เคยไปเยี่ยมเยือนชาวลาวในหลายประเทศ รวมทั้งอเมริกาด้วยผมได้เห็นพระคำจันทร์ตอนท่านมาเยี่ยมชาวพุทธลาวที่อเมริกาเมื่อหลายปีมาแล้วครับ พวกเราได้บริจาคเงินเพื่อการบูรณะปฎิสังขรวัดแสนสุขารามให้พระคำจันทร์ ผมยังมีรูปของท่านอยู่ตอนท่านยังมีชีวิตนะครับ จากคุณ : Information เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 20:48:20 A:96.255.194.62 X: TicketID:141679

ความคิดเห็นที่ 73 คห # ๗๑ และ ๗๒ ขอบคุณครับที่ติดตาม นับว่าเป็นเกียรติมาก นับถือว่าท่านมีข้อมูลอ้างอิง... จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 23:09:23

ความคิดเห็นที่ 74 มาเที่ยวด้วยค่ะ.. เห็นผู้รู้มาให้ข้อมูลในกระทู้พี่แต้มแล้วชื่นใจแทน จากคุณ : คุณแม่ใจดี เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 11:16:09

ความคิดเห็นที่ 75 ครับ.. คุณแม่ใจดี การที่มีใครสักคนมาอ่านกระทู้ข้อเขียนของเราอย่างละเอียด และรู้ว่าอันไหนถูก-ผิด และให้ข้อมูลให้คำแนะนำนั้น เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง แต้มดีใจและชื่นใจอย่างที่คุณแม่ฯ ว่าจริงๆ จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 21:42:07

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่ได้อ่านแต่ต้น จะย้อนอ่านคงไม่มีใครว่านะอาจารย์นักแต้ม คริ คริ สวัสดีท่าน นักแต้ม จิตรกร จากคุณ : ท่าราชวงศ์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:47:37