ความคิดเห็นที่ 7 |
ตอนพิเศษ
เป็นเรื่องราวที่ปรานต์เจอกับตีรณาครั้งแรกค่ะ (เห็นคนอื่นเขาชอบตอนพิเศษกัน เราเลยอยากมีกะเขามั่ง ถูกใจหรือเปล่าไม่รู้นะ)
==========================================
วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาได้พบเธอ
ปรานต์จำได้แม่นว่าเขามีนัดจะไปออกรอบกับเพื่อนสนิทอย่างกษมา แต่แล้วก็โดนคุณเพื่อนตัวดีลากให้เขามาหาลิปดาผู้เป็นภรรยาของตนเองซึ่งกำลังเฝ้าแกลอรี่ที่เธอเป็นเจ้าของและเปิดได้ไม่นาน จนชายหนุ่มยังงงๆในขณะที่เพื่อนเขาให้คำตอบ
ว่าจะเอาตัวดาไปด้วย ช่วงนี้เล่นหนีมาขลุกที่แกลอรี่ตลอด ต้องเอาตัวไปออกกำลังกายเสียบ้าง กษมาหมายมั่นปั้นมือ
โดนเมียเมินว่างั้น ปรานต์แหย่อย่างรู้ทันในขณะที่นายหล่อหน้าหยกเปลี่ยนเป็นหน้ายักษ์เมื่อถูกแทงใจดำ
ช่วงนี้เขายุ่งๆเลยอยากลากออกมาเท่านั้นล่ะน่า ไม่ต้องทำหน้างั้นหรอก เพื่อนเขาเอ่ยเสียงลอดไรฟันในขณะที่ปรานต์อดหัวเราะไม่ได้
ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มเห็นมีแต่หญิงสาวทั้งหลายจะมาหมอบราบคาบแก้วต่อหน้าหมอนี่ แต่ท่าทางผู้หญิงที่กษมาเลือกมาเป็นคู่ชีวิตช่างต่างกับหญิงคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง
เสือร้ายโดนปราบเสียอยู่หมัดเลยว่ะ คุณดาเขามีอะไร ชายหนุ่มได้ทีเป็นฝ่ายแหย่บ้าง นานๆทีจะมีโอกาส
เหอะ! กษมาสบถเบาๆในลำคอ มีดีไง แต่คนละแบบกับที่แกหนีเขามา ชัวร์ปึ้ก
พอโดนย้อนเข้าตัวบ้างปรานต์ถึงสงบปากสงบคำลงได้ ก็แน่ล่ะ...ที่เขาชวนคนมีครอบครัวแล้วอย่างหมอนี่ออกมาตีกอล์ฟด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากเรื่องของหญิงสาวที่เขากำลังหลบลี้หนีหน้าอยู่ อันที่จริงก็เป็นความผิดเขาด้วยที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีชื่อเสียงของสังคมคนหนึ่งแล้วบิดาของเธอผู้นั้นก็รู้จักกับบิดาของเขาเป็นอย่างดี
แม้ชื่อเสียงในเรื่องของความเอาแต่ใจของเจ้าตัวเป็นที่โจษจันกันอยู่ แต่ปรานต์ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาใจเย็นพอเพราะต้องเลี้ยงน้องเจ้าปัญหาสองคนมากับมือ หากเขาใจร้อนกว่านี้รับรองว่าน้องเขาคงได้ตายคาบ้านไปแล้ว แต่นี่ทั้งคู่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัยมาตลอดรอดฝั่งจนคนหนึ่งก็ลงหลักปักฐานกับอาชีพของตัวเองได้แล้วในขณะที่น้องเล็กก็กำลังจะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยเร็วๆนี้
แต่เธอคนนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าตนเองเป็นเพียงมนุษย์ที่ต่ำต้อยซึ่งเต็มไปด้วยโทสจริตเฉกเช่นคนอื่นเขา ไม่ใช่พระธุดงค์อย่างที่ตนเองเชื่อมั่นมาตลอด
ออกไปข้างนอกด้วยกันวันเดียว ปรานต์ก็ปฏิญาณตนเด็ดขาดว่าเขายังไม่อยากเป็นฆาตกร เพราะฉะนั้นห่างๆเธอไว้น่าจะดีที่สุด แต่ก็ใช่จะทำได้ง่ายเพราะอีกฝ่ายพยายามมัดมือมัดเท้าไม่ให้เขากระดิกได้เลย กระนั้นเขาก็ไถลลื่นหนีพ้นมาได้
และวันที่ออกรอบนี้ก็เป็นข้ออ้างหนึ่งที่เขาใช้ปฏิเสธเธอ
ปรานต์สลัดความคิดเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นั้นออกอย่างรวดเร็ว พยายามเบี่ยงความสนใจโดยการมองไปรอบๆอาคารแห่งนี้แทน มองผาดๆท่าทางแกลอรี่แห่งนี้จะไปได้ดีไม่เลว ด้วยขนาดและที่ตั้งย่านกลางเมืองของมันทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้สนใจงานศิลปะได้เป็นอย่างดี ภายในเรียกได้ว่าใหญ่ถ้าเทียบกับที่ดินราคาสูงลิบสำหรับแถบนี้ เพดานค่อนข้างสูงเพราะพื้นชั้นสองถูกทุบออกจึงดูโปร่งขึ้นกว่าปกติ มีภาพเรียงรายเต็มพื้นที่จัดแต่งเหมือนนิทรรศการภาพเขียน ทั้งขนาดตั้งแต่เล็กเท่าฝ่ามือไปจนถึงใหญ่แบบเต็มกำแพงผนัง มีแบบเขียนด้วยดินสอถ่าน สีน้ำรวมทั้งสีน้ำมัน
หากอาคารนี้เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานแต่ก็มีคนสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะนอกจากเขา และเพื่อนแล้ว ยังคงมีคนที่เข้ามาชมภายในนี้อีกนับสิบราย
สายตาเขาไปหยุดนิ่งที่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมองภาพเงียบๆอยู่ที่มุมของแกลอรี่ มุมที่ไร้ความโดดเด่นโดยสิ้นเชิง เป็นบริเวณที่คนที่เข้ามาในแกลอรี่ปรายตามองภาพที่ตั้งตรงนั้นแค่แวบเดียวแล้วก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับมองนิ่งอยู่อย่างนั้นเองราวกับเวลาของเธอหยุดอยู่เช่นนั้น จนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้จึงลอบมองดูว่าภาพนั้นคือภาพอะไรกันแน่ แต่แล้วก็ต้องยิ่งทวีความประหลาดใจ
ภาพของครอบครัวพ่อแม่ลูกที่ลายเส้นพันกันยุ่งแต่สีสันที่ใช้ส่งผลให้ภาพคนที่ควรเด่นสลัวเลือนแทน มันก็สวยดีอยู่แต่ถ้าเทียบกับภาพอื่นๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจสักนิดแต่ทำไมเธอยังจ้องตาไม่กระพริบเช่นนั้น
ท่าทีเหม่อลอยนั่นทำให้ปรานต์พิจารณาใบหน้าเธอได้อย่างถี่ถ้วน เสี้ยวหน้าด้านข้างดูอ่อนละมุน ดวงตาคู่นั้นโตใหญ่จนเกินเครื่องหน้าทั้งหมดของเธอ ผมดำสนิทนั้นถูกรวบเป็นมวยปักด้วยปิ่นง่ายๆ ลูกผมอ่อนๆที่ลุ่ยลงมาเคลียข้างแก้มทำให้วงหน้านั้นชวนให้คนมองหลงใหลได้ไม่ยากเย็น รูปร่างนั้นดูเล็กอรชรราวต้นอ้อแสนบอบบาง
ปรานต์หลุดจากภวังค์จากภาพนั้นเมื่อมือใหญ่ของเพื่อนตกกระทบบนไหล่เขาไม่เบานัก คิ้วของกษมาเลิกนิดๆพลางเหลือบไปมองมุมเดียวกับที่เขายืนจ้องอยู่อย่างนั้น
สนใจหรือ
ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ตอบ
สวยแปลกตาดีเหมือนกัน แต่ไม่ใช่รสนิยมนายนี่ คนเป็นเพื่อนยังวิจารณ์สนุกปากอยู่ หุ่นก็โอเค แต่ตัวเล็กแล้วก็ติดจะผอมไปหน่อย กอดไม่เต็มมือ
คุณดากอดเต็มมือว่างั้น ปรานต์ปรายตามองพลางเดินออกห่าง ตัดใจจากภาพที่รบกวนใจเมื่อครู่ทิ้งไปเสีย กษมาไม่ตอบ และปรานต์ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังอยู่แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว นึกว่าไปหาคุณดาเสียอีก แล้วสรุปเขาจะไปหรือเปล่า
จอมดื้ออย่างนี้ ต่อให้ไม่ไปก็จะจับมัดกระเตงไปให้ได้แหละ มือชั้นนี้แล้ว
นินทาอะไรดาคะ
เสียงแจ้วๆดังจากด้านหลัง ปรานต์จึงหันไปสนใจหญิงสาวที่เดินมาขนาบเพื่อนเขาจากด้านหลัง หญิงสาวรูปร่างสมส่วนในเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน ชายเสื้อหายลับไปในกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมง ใบหน้าดุปานนางสิงห์นั่นยิ้มเยื้อนทว่ามีแววเอาเรื่องในขณะที่กษมาหน้าเฝื่อนเล็กน้อย ทว่าแค่วูบเดียวจากนั้นก็ใช้ใบหน้าเป็นอาวุธยิ้มปะเหลาะแกมประจบประแจง
ไม่ได้นินทาจ้ะ แค่บอกว่าดาน่ารักที่สุดที่ไม่ทิ้งผมให้ไปเป็นคู่เกย์กับหมอนี่ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเข้าใจผิดเท่านั้นเอง
หรือคะ ลิปดาเลิกคิ้ว ทำไมรู้สึกว่าหูมันแว่วๆว่าใครจะจับดามัดหรืออะไรนี่แหละ
โอ๊ย! ใครมันกล้า! กษมาทำหน้าดีเดือด ลองไอ้คนไหนมันกล้าแตะดาสิ ผมจะ...
เผ่นก่อนคนแรก... ปรานต์จัดการสุมไฟฌาปนกิจเพื่อนทันที
ศพ ที่โดนเพื่อนทรยศอย่างเขาเผาสะดุ้งแก้ตัวกับภรรยาที่ยืนครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งเป็นพัลวัน สายตาของปรานต์ก็สบกับลูกค้าทั้งหลายที่เยี่ยมชมแกลอรี่ซึ่งเมียงๆมองๆมาอย่างสนใจ วูบเดียวที่เขานึกขึ้นได้ จึงหันไปทิศทางที่เขาลอบมองหลายครั้งหลายหนเมื่อครู่
อยากรู้ว่าเสียงใช่เบาของสามีภรรยาคู่นี้จะสามารถเรียกความสนใจของเธอได้หรือไม่
แต่แล้วปรานต์ต้องชะงักเมื่อประสานสายตาเข้ากับอีกฝ่ายอย่างจัง ใบหน้าเรียวรูปไข่ล้อมกรอบด้วยปอยผมดำจัดนั่นหันมาทางพวกเขาจริงๆด้วยสีหน้าสนใจ ชั่ววินาทีที่สบตากัน ดวงตากลมโตใหญ่เกินดวงหน้าเรียวที่ราวกับบ่อน้ำลึกไร้จุดสิ้นสุดที่พร้อมจะดูดกลืนทุกอย่างให้หายลับไปจนไม่อาจรั้งตัวเองได้
แค่ไม่กี่วินาทีที่เธอหมดความสนใจแล้วหันกลับไป ปลดปล่อยเขาจากดวงตาคู่นั้นให้เป็นอิสระ ทว่าหัวใจของเขากลับถูกตรึงแนบแน่นอยู่กับที่
หลุมดำ...ชายหนุ่มจำกัดความดวงตาเธอไว้อย่างนี้
ปรานต์รู้สึกเหมือนคนจมน้ำ จมลงไปในหลุมดำลึกไร้จุดสิ้นสุด จนแม้กระทั่งหลายวันถัดมา เขาก็ยากจะลืมเลือนภาพของเธอไปได้
หากวันนั้นเธอไม่ได้หันมาสบตาเขาเช่นนั้น บางทีภาพของเธอคงไม่ตราตรึงผนึกแน่นในใจถึงเพียงนี้
===============================================
หลังจากนั้นปรานต์หาเรื่องไปที่แกลอรี่นั้นอยู่บ่อยๆ กษมาเองก็คงจะรู้อะไรอยู่เหมือนกันเพราะทุกครั้งเวลาที่เขาถามว่าเมื่อไรจะไปหาภรรยา เจ้าตัวก็หัวเราะอย่างรู้เท่าทันเสมอๆ และอากัปกิริยาที่เขาวนเวียนชะเง้อหารอคอยก็คงหนีไม่พ้นสายตาของลิปดา แล้วพอฟังความเท่านั้นเองลิปดาก็ยิ้มทันทีพร้อมกับปวารณาตัวเป็นผู้ช่วยเหลือเขาเต็มที่
หญิงสาวผู้นั้นมักจะมาแกลอรี่ในช่วงวันทำงานหรือไม่ก็ตอนเย็นหลังเลิกงาน และเพราะว่าเจ้าตัวซื้อไปแล้วหลายภาพจึงได้คุยกันบ้าง ฟังได้ความว่าเธอทำงานอยู่บริษัทตกแต่งภายในที่อยู่ไม่ห่างจากแกลอรี่นี้มากนัก จะมีก็แค่วันนั้นวันเดียวที่เธอมาในช่วงสุดสัปดาห์ ถ้าหากอยากจะเจอเธอปรานต์คงต้องมาในช่วงเวลาวันธรรมดา
ชายหนุ่มงานเยอะเสียยิ่งกว่าเยอะในช่วงวันทำงาน เขารับฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจกับสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย ปรานต์จึงไม่ได้กระตือรือร้นอีกเมื่อคิดว่ามันอาจเป็นแค่ความพอตาพอใจของเขาเท่านั้นเอง เมื่อคิดได้แบบนั้นความรุ่มร้อนที่เขาเผชิญอยู่ก็คลายลง อีกอย่างตอนนี้มีโปรเจ็คใหม่เข้ามาทำให้เขายิ่งงานรัดตัวมากกว่าเดิมจนทำลืมๆเรื่องของหญิงสาวผู้นั้นไปได้อยู่เหมือนกัน
ทว่าในวันหนึ่งหลังจากที่เขาเลือกทำตัวกลับคืนสู่ชีวิตประจำวันได้สองสัปดาห์ กษมาก็โทรมาหาเขาในวันเสาร์
เฮ้ย! ปรานต์ ตอนนี้นายอยู่ไหนน่ะ
ทำไมวะ ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจกับน้ำเสียงติดจะหัวเราะของฝ่ายนั้น
เมื่อกี้ดาโทรมาบอกว่าผู้หญิงที่แกถามถึงบ่อยๆเขาไปที่แกลอรี่วันนี้น่ะสิ ตอนนี้ยังอยู่ที่นั่นอยู่เลยมั้ง กษมายังคงขำขันกับเรื่องนี้อยู่ ตอนที่แกไปเฝ้าเกือบทุกอาทิตย์ไม่ยักไป แต่ตอนที่แกเลิกดันโผล่มาเสียนี่ สงสัยฟ้าไม่เป็นใจว่ะ
ตอนนี้ยังอยู่จริงหรือเปล่า ปรานต์รีบถามทันทีจนอีกฝ่ายเอะใจ
ก็ยังอยู่ อย่าบอกนะว่านายอยู่แถวนั้นพอดีน่ะ
ถ้าบอกแล้วจะเป็นไง เขาคลี่ยิ้มกดวางโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว แล้วหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่ตรงไปยังแกลอรี่ของภรรยาเพื่อนซึ่งห่างไปไม่ถึงห้านาที
คงต้องขอบคุณน้องสาวของเขาที่เจ้ากี้เจ้าการบอกให้เขานำหนังสือที่เธอลืมอยู่ที่บ้านไปให้เธอที่มหาวิทยาลัยโดยด่วนเพราะกำลังทำรายงานร่วมกันกับเพื่อน แล้วโทรมาปลุกเขาเสียแต่เช้าให้รีบเอาไปให้ ชายหนุ่มมองหาตำแหน่งเหมาะๆที่จะจอดรถได้โดยไม่ใส่ใจกับเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนที่ยังคงโทรมาหาเขาอีกครั้งก่อนจะเงียบไป เขาพาร่างสูงของตนเองตรงไปที่แกลอรี่อย่างรวดเร็ว ภาวนาให้เธอยังอยู่
ทว่าเมื่อเปิดประตูที่ทำจากกระจกเข้าไปแล้วกวาดตามองหาอย่างรวดเร็ว เขาก็เห็นร่างเล็กโปร่งบางในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดาดูลำลองเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เขาได้พบ แต่ผมของเธอนั้นยังคงมุ่นขึ้นไปเหลือลูกผมพลิ้วไหวแตะแต้มดวงหน้าที่ไร้เครื่องสำอาง ใบหน้าเรียวคอยมองรูปแต่ละรูปอย่างชื่นชมตามทางที่เดินตรงมาจนกระทั่งสายตาของเธอหันกลับมามองยังเขาซึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
จากที่คิดว่าแค่พอตาพอใจและตัดใจไปง่ายๆนั่น ปรานต์ประเมินความรู้สึกของตัวเองตื้นเขินเอามาก เพราะเพียงแค่สบสายตาคู่นั้น เขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป หญิงสาวยิ้มให้เขานิดๆยิ่งทำให้ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ทำอะไรไม่ได้ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ทั้งที่ปกติเขาสามารถคุยกับหญิงสาวได้ทุกคน หรือเผลอๆเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยตัวเองมากกว่า
แต่ไม่ใช่กับเธอคนนี้...
เธอพยักหน้าให้เขานิดหนึ่งคล้ายต้องการทักทายแล้วเดินเข้ามาใกล้ แต่แล้วดวงตาคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแปลกใจเมื่อเห็นเขายังคงนิ่งมองเธออยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเรียวปากดูนุ่มนวลชุ่มชื้นขยับเบาๆ
ขอโทษนะคะ ขอทางด้วยค่ะ เสียงของเธอหวานทีเดียว
ปรานต์กระพริบตารีบเบี่ยงกายตามสัญชาตญาณปล่อยให้เธอเปิดประตูแกลอรี่แล้วเดินออกไปทิ้งไว้แค่เพียงกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างที่เขาก็ไม่ทราบได้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นแชมพูกันแน่ แต่พอได้สติเขาก็รีบเดินตามออกไปทว่ากลับไม่ทัน เธอหายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว ตรอกซอกซอยบริเวณนั้นก็มีไม่น้อย ชายหนุ่มเดินตามแล้วก็ได้แต่เจ็บใจตนเองที่ปล่อยให้พลาดโอกาสไปเสียได้
ชายหนุ่มจึงเดินกลับไปยังแกลอรี่ด้วยอาการหัวเสียเล็กน้อย ลูกค้าที่อยู่ในแกลอรี่มีอีกหลายคน ชายหนุ่มเดินตรงไปยังมุมที่เธอคนนั้นมักจะชอบไปยืนดูรูปอยู่ รูปนั้นยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ภาพพ่อแม่ลูกที่ไม่ได้ดูโดดเด่นนั้นคงจะขายออกยากพอสมควรจึงยังคงแขวนอยู่ที่นี่นานอยู่เหมือนกัน
คุณปรานต์ เสียงหนึ่งเรียกเขา ชายหนุ่มจึงหันไปมองก็พบลิปดาภรรยาของเพื่อนเขาเดินมาหาด้วยสีหน้าตื่นๆแกมร้อนรนแล้วก็ถึงตัวเขาอย่างรวดเร็ว
คุณตี้เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ คลาดกันนิดเดียว
คุณตี้?
ลิปดานึกได้ก็ยิ้มให้อีกฝ่ายไม่สนิทนัก
ดาเพิ่งได้คุยกับเขาเมื่อกี้นี้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าชื่อตี้นี่แหละค่ะ ลิปดาเอ่ยอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้เธอมา ดาก็เลยรีบโทรไปบอกให้คุณมาร์โทรหาคุณเผื่อว่าคุณจะอยู่แถวนี้ เสร็จก็ชวนเธอคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ
เธอชื่อตี้
ปรานต์ตั้งใจฟังทันทีเมื่ออีกฝ่ายกำลังพูดถึงหญิงสาวที่เพิ่งกลับออกไปเมื่อครู่
ดาทักว่าไม่ค่อยเห็นเขามาตอนวันเสาร์ คุณตี้เธอบอกว่าแวะมาดูภาพเล่น พอดีว่ากำลังจะลาออกจากงานต่อไปก็คงจะไม่ได้แวะมาที่นี่อีก...
ร่างสูงนั้นนิ่งขึงไป คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าเล็กน้อย
หมายความว่าเขาอาจจะไม่มาที่นี่แล้วน่ะหรือ
น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ
ความรู้ที่ได้ยินทำให้ปรานต์บอกไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อกี้ดาขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ บอกว่าเผื่อเธอทำงานที่ใหม่แล้วยังสนใจรูปที่แกลอรี่อยู่ ถ้ามีรูปใหม่ๆมาดาจะโทรไปบอก คุณปรานต์รอเดี๋ยวนะคะ
หมายเลขที่มองปราดเดียวก็ทราบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ ปรานต์รู้หมายเลขของเธอตั้งแต่วันนั้น แต่เขาก็ไม่เคยโทรไปหาเลยแม้ว่าจะบันทึกไว้ในโทรศัพท์ส่วนตัวเลยก็ตาม ชายหนุ่มแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับแรงยุจากเพื่อนสนิทของตนเอง ก็ต้องยอมรับอยู่เหมือนกันว่าเขาไม่กล้าโทรหา ไม่รู้จักเธอเลยสักนิดแล้วเธอก็ไม่รู้จักเขาด้วย ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี
ดูเหมือนอะไรที่เกี่ยวกับเธอผู้นั้นพรากความเป็นตัวของตัวเองไปได้มากมายทีเดียว
ชายหนุ่มตกลงซื้อภาพที่เธอชอบมองบ่อยๆนั้นไปแขวนไว้ในห้องทำงานหลังจากเวลาผ่านไปเป็นแรมเดือนแต่ไม่ปรากฏวี่แววของเธอผู้นั้น เขาปล่อยให้หมายเลขโทรศัพท์นั้นคาในเครื่องอยู่นานโดยที่เขาได้แต่หยิบมันขึ้นมาดูทุกวันแต่ไม่สามารถตัดใจโทรหาได้ เขาออกเดตกับผู้หญิงคนอื่นๆมากหน้าหลายตาแต่ลึกๆเขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวเหล่านั้นไม่มีอิทธิพลกับเขาเท่ากับผู้หญิงคนที่เขาพบแค่สองครั้งนั่นเลย
แต่แล้วเมื่อได้พบกับเธอผู้นั้นเป็นครั้งที่สาม ณ ช่วงเวลาที่ร่างเล็กดูบอบบางลงไปกองกับพื้นพรมในภัตตาคารอาหารจีน และเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเข้าอย่างจัง วินาทีนั้นปรานต์ก็บอกตนเองว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอีกครั้งแน่ๆ
===============================================
(จบบริบูรณ์)
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 19:48:34
จากคุณ |
:
peiNing
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 53 19:46:54
|
|
|
|