ความคิดเห็นที่ 1 |
ผมนั่งมองโทรศัพท์บนทำงานมานานกว่าสิบนาทีแล้ว ความคิดกังวลบางอย่างทำให้ผมไม่อยากจะใส่ใจกับแผนภาพร่างโรงแรมแห่งใหม่ที่ถูกกางออกวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ทั้งที่นั่นคือโครงการในฝันที่ผมเพียรคิดเขียนขึ้นมาอย่างยากลำบาก และจัดการออกแบบผังด้วยตัวเอง
ไม่ง่ายเลยที่จะเปิดโรงแรมสักแห่งในโมร็อกโค ที่นั่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายล้าน โรงแรมชั้นนำจึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด สิ่งสำคัญอยู่ที่การจัดการออกแบบและให้บริการที่ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่จะช่วยให้โรงแรมนั้นโดดเด่นมากขึ้น นี่เป็นหนึ่งในโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทาย และผมก็สนุกที่จะลองเสี่ยงดู
ผมใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อศึกษาสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อวางแผนการออกแบบตัวโรงแรมให้มีลักษณะร่วมทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับความทันสมัยของโลกยุคปัจจุบัน ใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างนานจนเสร็จเสนอขึ้นเป็นโปรเจคท์ใหญ่ในที่ประชุม
โครงการนั้นเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปลายปีก่อน ภายใต้การควบคุมของผมที่มีหน้าที่ตรวจสอบดูแลเป็นระยะ จนสร้างและตกแต่งเรียบร้อย เป็นโรงแรมหรูที่กำลังถูกกล่าวถึงในช่วงนี้
โรงแรมกำลังจะเปิด ทุกอย่างพร้อมสรรพ ขาดก็แต่ตัวผู้บริหารที่ควรต้องรับมอบแผนงานจากผม แต่เกิดความผิดพลาดบางอย่างทำให้ท่านประธานต้องตัดสินใจส่งผมเข้าไปดูแลโครงการในระยะแรกก่อน และนั่นหมายความว่า...ผมจะต้องเดินทางไปอยู่ที่นั่น
ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมคว้ามาแนบหูอย่างไม่มั่นใจนัก ...ขอโทษทีจ้ะ แม่ไม่คิดว่าจะคุยนาน
แม่ผมเอ่ยขอโทษกับการที่ท่านขอวางสายผมไปเพื่อคุยกับลูกค้าที่นัดเข้ามาพบเมื่อครู่
ไม่เป็นไรครับ...
แล้วตกลงว่าลูกโอเคไหม...เรื่องที่แม่บอก นี่คือคำถามที่ผมกลัวนัก
ครับ... มีแค่คำตอบเดียวเท่านั้นสำหรับคนที่มีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบ
เมื่อผมเป็นคนคิดโครงการนี้ขึ้นมา ก็ควรแล้วที่ผมจะต้องเป็นคนดูแล
ดีจ้ะ...อ้อ...และอย่าลืมแวะมาที่นี่ก่อนนะ คุณตาอยากพบลูก คุณตาไม่ใช่แค่คุณตา แต่คือท่านประธานที่ตัดสินใจส่งผมไปที่นั่น
หน้าที่ของผมมีเพียงการตอบรับ เพราะนี่คือความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารที่ทั้งแม่และคุณตาพยายามยัดเยียดใส่หัวผมมาตั้งแต่เด็ก หน้าที่ของมนุษย์ที่จะสำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยคุณค่าของงานที่ทำ คำสอนแบบนี้เป็นแรงผลักดันที่ดีให้ผมก้าวมาถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดว่ามันทำให้ผมพลาดบางสิ่งไป
ผมคุยกับแม่ต่ออีกไม่กี่คำก็วางโทรศัพท์ลง ความหนักใจแล่นเข้ามาจนอึดอัด
เป็นครั้งแรกที่สายลมอย่างผมไม่ต้องการจะพัดไปที่ใดอีก
...เธอ...จะรู้สึกอะไรบ้างไหม เมื่อผมต้องจากไป
เย็นวันนั้น ผมไปรับเธอที่มหาวิทยาลัย แล้วพาเธอมานั่งที่ร้านอาหารญี่ปุ่นไม่ไกลจากที่พักของเธอนัก พอลงจากรถเธอก็เดินเร็ว ๆ ไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งที่เรามักมาด้วยกันเป็นประจำ สายน้ำไหลเอื่อยไปตามรางข้างทางเดินมีปลาคาร์พหลากสีว่ายไปมา เธอเดินช้าลงเพราะมัวมองตามเจ้าปลาสีสวยอย่างชอบอกชอบใจเหมือนทุกครั้ง ผมเดินเข้าไปใกล้เธอ ยื่นมือไปจับมือนุ่มไว้แล้วจูงเธอเดินไปด้วยกัน
เธอเอียงคอมอง แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่พนักงานเปิดประตูบานเลื่อนไว้ให้แล้ว
เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้คุณดูไม่ค่อยดี เธอเอ่ยถามหลังสั่งอาหารและรอจนพนักงานในชุดยูคาตะสีน้ำเงินออกไปจากห้องแล้ว
ดวงตาเป็นประกายคมสวยจ้องหน้าผมอย่างพยายามหาคำตอบ ใบหน้าเรียวที่ดูธรรมดานั้นเอียงคอน้อย ๆ อย่างน่าเอ็นดูจนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
คุณน่ารักมาก...เวลาที่คุณใส่ใจกับความรู้สึกของผมแบบนี้
อย่ามาตู่เข้าข้างตัวเอง หน้าตาคุณอมทุกข์ขนาดนี้ ไม่ต้องใช้ความใส่ใจก็รู้ว่ากำลังอาการไม่ดี เธอย่นจมูกใส่ มือยกขึ้นมาเลื่อนถ้วยน้ำชามาที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้ผม
อยากจะเล่าให้ฉันฟังไหม
ขึ้นวอร์ดจิตเวชได้แค่สองวัน คุณทำตัวเป็นจิตแพทย์ได้ขนาดนี้แล้วเหรอ
ผมแกล้งล้อนักศึกษาแพทย์ตรงหน้าที่ตอนนี้เพิ่งเข้าไปเรียนในโรงพยาบาลได้ไม่ถึงปี แต่สีหน้าท่าทางและแววตาเธอในตอนนี้กลับเหมือนจิตแพทย์มืออาชีพที่พร้อมจะรับฟังปัญหาของคนไข้
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนไข้ที่ต้องการคำปรึกษา ฉันก็อาจลองบำบัดคุณสักครั้ง
ไม่ไหวละ...ผมอยากคุยกับคุณที่เป็นคุณมากกว่าว่าที่คุณหมอ ผมต้องเติมคำว่าว่าที่ เพราะเธอกลัวนักกับการถูกเรียกว่าหมอทั้งที่ยังเรียนไม่จบ เธอบอกว่าคำนี้มาพร้อมภาระที่ฉันยังไม่เก่งพอจะรับได้
เธอยิ้มหวาน ก็พูดมาสิ...ฉันรอฟังอยู่
พูดน่ะง่าย แต่ทำใจที่จะพูดนั้นยากกว่า ผมนิ่งอยู่นาน จนอาหารทยอยถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ เธอคีบเนื้อปลามาใส่จานผม ท่าทางสบาย ๆ และรอยยิ้มของเธอทำให้ผมตัดสินใจพูด
ผมต้องไปทำงาน...
คุณก็ทำอยู่แล้วนี่ เธอบอกเรียบ ๆ เมื่อผมหยุดคำไปนาน
ผมหมายถึง...ไปทำงานที่อื่น ที่โมร็อกโก
ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่ถ้ามองไม่ผิด ผมเห็นมือที่จับตะเกียบคีบเนื้อปลาชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม แล้วคลี่ยิ้มกว้าง ก็ดีนี่...โปรเจคท์โรงแรมที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า
ใช่...
ว้าว...สุดยอดไปเลย เธอร้องบอกเสียงใส แปลว่างานนี้ต้องไปได้สวยสินะ คุณลงไปคุมเองเสียอย่าง...มันต้องเจ๋งมากแน่ ๆ
ปฏิกิริยาของเธอคือสิ่งที่ผมไม่คาดหวังว่าจะเจอ รอยยิ้มหวาน ๆ บนหน้า กับประกายตาสวยคมนั้นคล้ายจะบอกว่าเธอดีใจกับการที่ผมต้องไปทำงานที่นั่นจริง ๆ
คุณ...ไม่เสียใจบ้างเหรอ
ทำไมต้องเสียใจ เธอเอียงคอถามคล้ายประหลาดใจอย่างที่สุด
เราจะไม่ได้ใกล้กันอีก...คงนาน ผมไม่แน่ใจว่าจะสักกี่ปี นี่คือสิ่งที่รบกวนจิตใจผมมาตลอด บางทีอาจต้องใช้เวลาหลายปี กว่าที่งานทุกอย่างจะลงตัว
คุณนี่เต่าล้านปีจัง โลกยุคไหนแล้ว...เทคโนโลยีย่นระยะโลกไว้แค่ฝ่ามือแล้วนะ
แค่ฝ่ามือที่ผมจะจองตั๋วบินกลับมาหาคุณน่ะเหรอ ผมแกล้งเย้าหาทางออกให้ตัวเอง
เธอหัวเราะ แต่ดวงตาสวยที่มองผมนั้นบอกว่าเธอคงไม่ชอบใจกบความคิดของผมสักเท่าไร ฉันคงบังคับคุณไม่ได้หรอก แต่ค่าตั๋วตั้งแพง แล้วคนที่รู้คุณค่าของเงินก็คงไม่ทำอะไรไร้สาระแบบนั้นแน่ ๆ
ผมได้แต่ถอนใจกับความเข้มงวดของผู้หญิงตรงหน้า ใครก็ได้บอกเธอทีเถอะว่าผมอายุมากกว่าเธอเกือบสิบปี ไม่จำเป็นเลยที่เธอจะต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากขนาดนี้
แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง...ไม่กลัวรักแท้จะแพ้ระยะทางเหรอ ผมหยอดเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กังวลกัน
ถ้าคุณคิดจะยั่วให้ฉันกลัวด้วยเรื่องนี้...คุณคิดผิด เธอบอกได้หน้าตาเฉย ฉันไม่คิดจะเป็นนางวันทองที่นั่งเฝ้าต้นไม้แห่งความรักจนมันเฉาตายหรอกนะ
นางวันทอง ? ผมเลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ เธอเอียงคอแล้วหัวเราะเมื่อนึกได้ว่าผมเป็นพวกนักเรียนนอกที่เธอชอบค่อนขอด และเป็นนักเรียนนอกตัวจริงเสียงจริงที่แทบไม่รู้จักวรรณคดีไทยเอาเสียเลย
บทเรียนย่อ ๆ ว่าด้วยเรื่องขุนช้างขุนแผนจึงเริ่มขึ้น ขณะที่คนเล่าเล่าไปกินไปอย่างสนุกสนาน ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงมั่นคง ฉันจะไม่นั่งรอจนถูกขุนช้างเล่นแผนร้ายแบบนางวันทอง และจะไม่ภักดีจนขุนแผนพาผู้หญิงใหม่กลับมาแบบนั้นด้วย
ผมได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ กับการเปรียบเทียบของเธอ คุณเปรียบเหมือนว่าเราแต่งงานกันแล้วอย่างขุนแผนกับนางวันทอง
เธอเบิกตาโต จ้องหน้าผม ก่อนจะถอนใจยาวแล้วส่ายหน้าเร็ว ๆ ไม่ใช่...แต่เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันต่างหาก ฉันจึงอยากให้คุณไปทำงานอย่างสบายใจที่สุด
ยังไง...
ไม่ต้องลืมฉัน...แต่อย่ายึดติดกับฉัน เธอทำหน้าจริงจัง ขณะที่ผมขมวดคิ้วมุ่น
ยากนะ...คุณทำให้ผมเสียนิสัย
ยังไง...
ใบหน้าเรียวที่ตะแคงมองผมอย่างงุนงงนั้นน่ารักที่สุดในสายตาของผม แล้วอย่างนี้จะให้ผมจากเธอไปได้อย่างไร
คุณไม่เหมือนใคร และผมก็ชอบคุณมาก ผมบอกหน้าตาเฉย ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงมีสะท้านเขินอายบ้าง แต่กับผู้หญิงตรงหน้าผมน่ะหรือ...ฝันไปได้เลย
เธอกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่ตัวจะเริ่มสั่น เพียงไม่นานร่างบางตรงหน้าผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คุณจะบอกว่าคุณชอบเพราะฉันแปลก
เปล่า...ผมชอบเพราะคุณเป็นแบบที่คุณเป็น คำตอบง่าย ๆ แบบนี้กลับหยุดอาการหัวเราะของเธอได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ใบหน้าขาวจะขึ้นสีนวลอย่างที่ผมไม่ค่อยได้เห็นนัก
เธอสูดลมหายใจยาว เรียกสติให้ตัวเองอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะสบตากับผมอย่างตรงไปตรงมา โอเค...คุณจะไปเมื่อไร
อาทิตย์หน้า... ผมตอบเสียงเบา ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคาท์ดาวน์กับคุณ ผมต้องไปพบคุณตาที่ฮ่องกงก่อน
เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่มีคำออดอ้อนหรือขอร้องให้อยู่ด้วยในวันสำคัญที่คนรักควรจะอยู่ด้วยกัน ตรงกันข้ามเธอยิ้มให้ผมแล้วบอก ไม่เป็นไร...ฉันว่าจะกลับไปหาพ่อกับแม่เหมือนกัน
ฉันเข้าเวรวันเสาร์...กว่าจะออกก็ห้าทุ่ม เช็คไฟล์ทเรียบร้อยแล้วก็โทร.บอกฉันนะ ถ้าว่างจะไปส่ง
ก็ดี ผมจะได้แพ็คคุณใส่กระเป๋าพาไปด้วยกันเลย ผมเริ่มวางแผนไว้ในใจเล่น ๆ อยากจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เพราะตัวเธอก็เล็กนิดเดียว จับใส่กระเป๋าขึ้นไปเลยคงไม่ลำบากเท่าไร
อย่างกับทำได้ง่าย ๆ ละ เธอแยกเขี้ยวใส่ผม
เธอเปลี่ยนไปพูดเรื่องสัพเพเหระ ขณะที่ผมได้แต่นั่งฟังแล้วเออออตามไปด้วยความกังวลที่ยังตกตะกอนอยู่ในใจ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกลัวที่จะจากเธอไป ยิ่งได้ฟังเธอพูด ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอมีความหมายกับผมมากจนน่ากลัว
ระยะทาง ความห่างไกล...จะทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากแค่ไหนกันนะ อยู่ดี ๆ นิ้วเรียวยาวของผู้หญิงก็แตะลงที่กลางหน้าผากผม ปลายนิ้วเย็นเฉียวไล่แตะลงมาที่หว่างคิ้ว ขณะที่เจ้าของนิ้วนั่งเท้าคางบนมืออีกข้างแล้วส่งยิ้มหวานให้ผม อย่าขมวดคิ้วมากสิ...เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก
ถ้าผมไป...คุณจะเสียใจไหม
อย่าถามฉันตอนนี้...เรื่องที่ยังไม่เกิด ฉันไม่ชอบเก็บมานั่งคิด เธอทำตาดุมองผม แต่ถ้าคุณอยากจะคิด...เราก็จะเสียเวลาที่ควรมี ณ ขณะนี้ไปกับความเคร่งเครียดของคุณ
อา... ผมโคลงศีรษะพลางถอนใจกับความเข้มงวดของผู้หญิงตรงหน้า เธอเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง และดูเหมือนจะมีเหตุผลมารองรับทุกอย่างเสมอ และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เธอกล้าพูดแย้งกับผมได้ทุกเรื่องที่ไม่ตรงกับความคิดของเธอ และเราก็จะโต้เถียงกันด้วยความสุภาพ ยืนพื้นอยู่บนความคิดเห็นของตนเอง และเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย ก่อนจะมาลงท้ายที่บทสรุปเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับในความเห็นของอีกฝ่ายด้วยความเข้าใจ หรือบางครั้ง...เราก็ได้ข้อสรุปใหม่ที่ผิดไปจากความคิดแรกเริ่ม
คราวนี้เราไม่ต้องเถียงกัน ผมยอมรับด้วยความเต็มใจว่าเรากำลังเสียเวลาที่ควรมีไปกับความเคร่งเครียดที่เปล่าประโยชน์
ขอโทษครับ...เจ้าหญิง ผมลากเสียงยาวอย่างจงใจล้อ รอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้งบนใบหน้าของผมและเธอ
เราใช้เวลาด้วยกัน เก็บเกี่ยวเอาความสุข ความสบายใจที่ควรมีไว้อย่างเต็มที่ วางเรื่องราวที่กังวลไว้จนผมแทบจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปได้จริง ๆ
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเถลิงศก 53 21:11:29
|
|
|
|