ความคิดเห็นที่ 1 |
เสียงไอและเสียงหอบหายใจของคนบนเตียง ทำให้เว่ยเหยียนฟงเดินกลับไปที่เดิม สลัดแววตาเสียใจที่เห็นเมื่อครู่ให้ออกจากใจ เมื่อพยายามไขปริศนาที่ฉือห้วงชิงทิ้งไว้ให้ในครั้งนี้ แผนที่ใบนี้บ่งชี้แน่นอนว่าจุดหมายคือกระท่อมหลังนี้ ซึ่งการพบกับเฟ่ยฉางเอ๋อเช่นนี้ มันเป็นความบังเอิญหรือความจงใจของฉือห้วงชิงกันแน่ และเฟ่ยฉางเอ๋อจะมีวิธีอะไรที่ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากการล่าสังหารขององค์ชายสี่ได้ ในเมื่อนางเองก็ล้มป่วยเช่นนี้
เขาครุ่นคิดขณะทอดตามองใบหน้าซูบตอบและทรุดโทรมของสตรี ที่เคยถูกขนามนามเป็นหญิงงามลำดับหนึ่งแห่งอู่ซื่อ เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวกระดำกระด่างที่นางสวมใส่นั้น ยังดูย่ำแย่กว่าสาวใช้ระดับต่ำสุดในจวนเสียอีก ใบหน้าแดงก่ำ และการไออย่างรุนแรงนั้น ทำให้เขาคิดถึงโรคระบาดที่เคยคร่าชีวิตผู้คนในมณฑลทางเหนือ เมืองที่เขาเคยเป็นแม่ทัพรักษาเมืองเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้กิรณาเข้ามาอยู่ในสถานทีเดียวกับเฟ่ยฉางเอ๋อที่กำลังล้มป่วยด้วยโรคระบาดอย่างนี้
“ลูกแม่...” นางควานมือไปรอบๆ ตัวอย่างร้อนรน เมื่อเจอกับสิ่งที่ต้องการ นางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดึงม้วนผ้าที่ทั้งดำทั้งสกปรกม้วนนั้นเข้ามากอดไว้แนบอก หลับตาลง ฮัมเพลงในลำคอเบาๆ
“ฉางเอ๋อ...”
ชายหนุ่มตบแก้มร้อนระอุนั้นเบาๆ เพื่อเรียกสติ ทำให้สายตาเหม่อลอยค่อยๆ รวมตัวกลับมา นางมองที่เขาอยู่นานกว่าจะเอ่ยออกมาเสียงพร่า
“เหยียนฟง...ลูกสาวของข้าน่ารักไหม”
“ลูกสาวของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ นางน่ารักใช่ไหม” นางถามพร้อมกับยื่นห่อผ้านั้นมาให้เขาดู
เว่ยเหยียนฟงกำมือเข้าหากันพยายามระงับอารมณ์ที่จุกแน่นขึ้นมาในอก ขณะที่มองม้วนผ้าในอุ้มมือที่หยาบกระด้าง และเล็บสั้นกุดที่เต็มไปด้วยคราบดินโคลน ไม่มีทารกหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ในห่อผ้านั้น
หนึ่งปีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ ทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แล้วชายชู้ที่นางหนีตามไปด้วยเล่า มันไปอยู่ที่ใด และหากนางต้องตกต่ำเช่นนี้ ด้วยนิสัยของนาง เฟ่ยฉางเอ๋อย่อมต้องกลับมายังจวนตระกูลเว่ยแน่นอน
“แล้วบิดาของเด็กเล่า”
“ฉู่อี้หรือ” นางทวนคำถามซ้ำ สายตาเริ่มเหม่อลอยกลับไปสู่หมอกของความคิดอีกครั้ง พึมพำปลอบเด็กน้อยสมมุติในห่อผ้า “เจ้าอย่าร้องไห้หาบิดาอีกเลย อีกสักพักบิดาเจ้าก็จะกลับมาแล้ว” พูดจบนางก็ไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูระเรื่อ แห้งผากและแตกเป็นสะเก็ด จนมีเลือดซึมออกมา
ชายหนุ่มหันไปเทน้ำชาที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยจากกาบนเตาไฟ ประคองร่างคนป่วยขึ้นเพื่อจิบชา แต่เพียงเขาสัมผัสถูกตัวนาง เฟ่ยฉางเอ๋อก็เบิกตากว้าง กรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว พยายามดิ้นหนีเขาไปขดตัวเป็นก้อนกลม เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ด้านในสุดของเตียง แต่ก็ยังพยายามปกป้องห่อผ้าในมือ
“ข้ายอมออกไปรับแขกแล้ว อย่าทำร้ายข้าอีกเลย ฉู่อี้เจ้าไปไหน ทำไมไม่กลับมาช่วยข้าหนีออกจากที่นี่เสียที ข้าไม่อยากรับแขกอีกแล้ว ข้าคือธิดาฉางอ๋องที่สูงศักดิ์ ไม่ใช่สตรีราคาถูกเช่นนี้”
เว่ยเหยียนฟงผงะไปกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้วยชาในมือถูกบีบจนแตก ความเจ็บจากเศษกระเบื้องบาด ไม่สามารถระงับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในใจได้ คำพูดของนางทำให้เขาพอคาดเดาถึงสิ่งที่นางเผชิญมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฟ่ยฉางเอ๋อไม่ถือว่าราบรื่นนัก แต่ในความรู้สึกของเขาที่เห็นนางมาตั้งแต่แรกเกิด นางก็คือน้องสาวที่เขาทั้งรักและชัง ทำให้แม้เขาจะโกรธเกลียดนางมากเพียงใด ก็ไม่เคยสามารถหักใจทำร้ายนางได้
...ธิดาอ๋องฉางหนิงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ กลับถูกบังคับให้ขายตัวด้วยวิธีที่โหดร้ายอย่างนั้นหรือ...
“ฉางเอ๋อ ฉู่อี้หรือ คือคนที่เจ้าหนีตามมันไป บอกข้ามาตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ข้าจะไปฆ่ามันแทนเจ้าเอง” เขาถามเสียงเหี้ยม ดึงไหล่บางให้ลุกขึ้นมาตอบเขา ซึ่งยิ่งทำให้นางกรีดร้องดังยิ่งขึ้น
“ปล่อยข้า...ข้ากลัวแล้ว... อย่าทำอะไรข้าอีกเลย” นางร้องตะโกน
“หยุดน่ะเหยียนฟง คุณกำลังจะทำอะไรฉางเอ๋อ” กิรณาที่วิ่งเข้ามาในกระท่อม เพราะเสียงร้องแหลมอย่างตื่นตระหนกดังออกไปถึงบริเวณที่หล่อนยืนอยู่ หญิงสาวใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักอกชายหนุ่มให้ถอยห่างจากคนเจ็บที่พยายามดิ้นหนี
เว่ยเหยียนฟงปล่อยมือจากไหล่ที่สั่นสะท้านนั้นทันที หันขวับมามองหล่อน ดวงตาเป็นประกายกร้าวเมื่อพูดเสียงเย็นกับหล่อน “ข้าบอกไม่ให้เจ้าเข้ามา ออกไปเสีย และอย่าเข้ามาในนี้อีก”
กิรณาผงะกับท่าทางโกรธแค้นที่เขาตอบโต้ ร้องออกมาเบาๆ เมื่อถูกกระชากตรงไปยังประตูอีกครั้ง
“นางคือณาใช่ไหม” เสียงถามแหบๆ ดังมาจากคนที่พยายามพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาอาฆาตที่มองตรงมา ทำให้คนถูกมองขนลุกไปทั้งตัว ท่าทางหวาดกลัวเมื่อครู่ของเฟ่ยฉางเอ๋อหายไปจนหมดสิ้น นางยันตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินโซเซมาหา ผมยาวดำจับเป็นก้อนด้วยคราบไคลตกลงปรกหน้า รอยยิ้มแปลกประหลาดผุดขึ้นบนริมฝีปากแตกระแห้ง นางไออย่างรุนแรง ขณะที่ค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาหา
“เจ้ารู้จักนางเช่นนั้นหรือฉางเอ๋อ” เว่ยเหยียนฟงถาม ขณะที่ใช้ร่างกายของเขาบังร่างบางให้หลบอยู่ข้างหลัง สายตาที่คลุ้มคลั่งนั้น ทำให้เขานึกถึงยามที่ฉางเอ๋อลงมือทำร้ายสาวใช้เพื่อระบายอารมณ์
คนเจ็บหัวเราะเสียงบาดหูขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำถามและเห็นท่าทางปกป้องของชายหนุ่ม ขณะที่พูดสายตายังมองตรงมาที่กิรณา ชี้นิ้วมาที่หล่อน
“แม้แต่คนไร้หัวใจอย่างท่านก็หลงรักนางอย่างนั้นหรือ ทำไมใครๆ จึงต่างหลงรักนางเช่นนี้ ท่านไม่เห็นหรือว่า นางเหมือนข้ามากขนาดไหน พวกท่านไม่เคยหลงใหลในเสน่ห์ของข้า แต่กลับบ้ารักนางอย่างไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมองความเป็นจริง ข้าต่างหากที่เป็นคนมีเลือดเนื้อสามารถจับต้องได้ ทำไมถึงต้องพากับไขว่คว้าหาเงาเช่นนี้ ถึงข้าจะพยายามทำให้เหมือนนางเพียงใด ก็ไม่สามารถเอาชนะใจห้วงชิงได้” คนพูดจ้องมองหล่อนใบหน้าบิดเบี้ยว ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวเพิ่มมากขึ้น “นางแพศยา เจ้ามาที่นี่เพื่อมาเยาะเย้ยข้าใช่ไหม ที่โง่จนอยากเอาชนะคนใจแข็งคนนั้น จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนถูกจับตัวไปขายที่หอนางโลมอย่างนี้”
“เหยียนฟง...เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” แต่ดูเหมือนเสียงถามนั้นจะไม่มีใครได้ยิน เพราะเว่ยเหยียนฟงถามกลับเสียงดังกลบเสียงของหล่อน
“ฉือห้วงชิงอย่างนั้นหรือ ที่เจ้าหนีตามมันไปเมื่อปีก่อน”
“ใช่ คนเย็นชาเช่นท่านรู้แล้วจะทำไม จะแก้แค้นห้วงชิงให้ข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงถามนั้นมีความหวัง
“เจ้ารักมัน”
“รัก!” นางเงยหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ช่างน่าขันที่ใครๆ ก็พากันพูดถึงคำนี้ ข้าก็แค่อยากยั่วให้มันหลงใหลข้าจนโงหัวไม่ขึ้น ก่อนจะสลัดมันทิ้งไปเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ผืนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ข้าชิงชังที่สุดคือ บุรุษที่มองเมินต่อเสน่ห์ของข้า และที่สำคัญการหนีออกจากจวนของข้าครั้งนี้ ท่านจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะแน่นอน แม่ทัพประจำพระองค์คนเก่ง คุมกำลังพลนับหมื่นนับแสนนาย ออกรบที่ไหนชนะที่นั่น แต่กลับไม่สามารถดูแลปกครองฮูหยินของตัวเองให้อยู่ในโอวาทได้”
ดวงตาแดงก่ำด้วยเส้นเลือดฝอยที่แตกซ่าน มีแววบ้าคลั่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อมองตรงมาที่กิรณา เสียงพูดต่อมาเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ข้าอยากรู้นัก หากนางไม่งดงามอย่างนี้จะยังมีใครหลงใหลนางเช่นนี้อยู่หรือไม่” พูดจบเฟ่ยฉางเอ๋อก็คว้ามีดปลายแหลมที่เตาไฟขึ้นมากำไว้แน่น วิ่งพุ่งมาที่ที่หล่อนด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อครู่แค่เดินยังเดินแทบไม่ไหว
เว่ยเหยียนฟงขยับตัวเพียงนิดเดียว คว้าจับข้อมือบางที่แทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้วบิดเล็กน้อย มีดในมือก็หลุดตกพื้น เขาผลักร่างบางนั้นเบาๆ นางก็ล้มลงกระแทกพื้น
“เหยียนฟง เธอป่วยอยู่น่ะ” กิรณารีบร้องเตือน และดึงแขนเขาไว้
“ฉางเอ๋อ...เจ้าสนุกเกินขอบเขตเสียแล้ว” ชายหนุ่มเตือนเสียงเรียบเย็น โทสะต่อฉือห้วงชิงเมื่อคิดว่ามันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เฟ่ยฉางเอ๋อต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ดับมอดลง เมื่อได้ยินสิ่งที่นางกล่าวออกมาเมื่อครู่ ต้องเรียกว่าทั้งคู่สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว
“ทำไมท่านต้องปกป้องนาง ข้ากับนางมีใบหน้ารูปร่างเหมือนกันขนาดนี้ แต่ทำไมท่านถึงไม่เคยมองข้าด้วยสายตาที่มองนางเมื่อครู่บ้าง” เฟ่ยฉางเอ๋อเงยหน้าขึ้นกรีดร้องถามเสียงแหลมสูง ไม่เหลือคราบของความป่วยไข้เมื่อครู่
เว่ยเหยียนฟงถอนหายใจ “เพราะนางคือนางและเจ้าก็คือเจ้า ถึงรูปร่างหน้าตาจะคล้ายกันเพียงใด แต่ไม่มีใครที่จะเหมือนกันได้ทุกอย่าง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า ความงดงามภายนอกสักวันก็ต้องโรยรา มีเพียงความงามจากจิตใจที่ดีงามเท่านั้น ที่จะยั่งยืนอยู่นาน และผูกมัดจิตใจผู้คนไว้ได้ตลอดไป”
“ฉู่อี้ก็เคยพูดเช่นนี้กับข้า เมื่อข้าเอ่ยถามเขาด้วยประโยคนี้” น้ำเสียงนั้นกลับไปเลื่อนลอยอีกครั้ง สีหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่นานก็กลับทุ่มตัวลงกับพื้นสะอื้นไห้ออกมาเสียงดัง “แต่เขาตายเสียแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่โง่อย่างแท้จริง จนยอมเสี่ยงชีวิตช่วยข้าออกจากนรกขุมนั้นยามข้าร้องขอ ฉู่อี้ข้าคิดถึงท่าน เมื่อไรท่านจะกลับมาหาข้า ครั้งนี้ท่านจากข้าไปนานเหลือเกิน” นางนิ่งไปครู่ ก่อนจะเริ่มกวาดตามองหาไปรอบๆ บริเวณ กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง เสียงแหบแห้งเปล่งร้องเรียกหา น้ำตาไหลนองอาบหน้า
“ชิวเย่ว... ชิวเย่วหายไปไหน ลูกแม่ ลูกอยู่ที่ไหน”
กิรณามองสภาพของเฟ่ยฉางเอ๋อด้วยความตกใจ คนตรงหน้าไม่เหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ เย่อหยิ่งอย่างที่เคยได้ยินสักนิดเดียว หล่อนก็เป็นเพียงผู้หญิงโชคร้ายคนหนึ่ง ที่คงจะเจอเรื่องโหดร้ายมาพอสมควร ทำให้กลายเป็นคนคลุ้มคลั่ง บางครั้งก็มีสติอยู่กับปัจจุบัน บางครั้งก็เลื่อนลอยไปสู่เรื่องในอดีตอย่างนี้
“เหยียนฟง” เสียงสั่นเครือที่เรียกชื่อเขา ทำให้ชายหนุ่มก้มลงมองคนที่กระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ “คุณช่วยเธอได้ใช่ไหม”
“เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”
กิรณาพยักหน้ารับคำ ขยับตัวจะเดินออกไปนอกกระท่อม แต่แสงสะท้อนบนโลหะที่เห็นจากปลายหางตาทำให้หล่อนหันไปมอง ตาเบิกค้างเมื่อเห็นเฟ่ยฉางเอ๋อยกมีดยาวปลายแหลมที่ตกอยู่บนพื้น ขึ้นแทงลงไปบนร่างตัวเองจนมิดด้าม ทันทีที่มีดถูกดึงออก เลือดก็พุ่งกระจายออกมาจากรอยแผลเหนือหัวใจ แต่สีหน้าคนทำกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับแม้แต่น้อย
“ในเมื่อทุกคนไม่ยอมกลับมาหาข้า ข้าก็จะเป็นคนไปหาเอง” นางพึมพำขณะปล่อยโลหะในมือ ตกกระทบพื้นเสียงดัง
ร่างสูงผวาเข้าไปกดบาดแผลเพื่อห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมา แต่ถึงกดแน่นแค่ไหนเลือดก็ยังไหลซึมออกมาจากง่ามนิ้วตลอดเวลา “ทำไมเจ้าถึงได้ทำแต่เรื่องโง่เขลาเช่นนี้”
(มีต่อ)...................
| จากคุณ |
:
w_panda
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 53 12:29:25
|
|
|
|