ดวงใจนฤมินทร์...ลำนำบทที่3 (3/1)
|
|
ดวงใจนฤมินทร์ ลำนำที่ 3
หยุดแล้วหรือ?
พิมธาดาระบายลมหายใจอยู่ภายในเงามืด นางพยายามเงี่ยหูฟังเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงฝนโปรยเพื่อให้ได้ความชัดขึ้น
หยุดแล้ว กลองศึกแห่งวิรัชฐาสงบแล้ว แต่นั่น อาจหมายถึงอิสรภาพของนาง
พระบิดาคงได้ข้อยุติที่ชอบธรรม ส่วนความนั้นจะเป็นเช่นไร คงแล้วแต่สวรรค์จะเมตตา
เจ้าหญิงแห่งพลศิการพลั้งบีบมือแน่น นางสะดุ้งเมื่อปรากฎเสียงฝีเท้าจำนวนมากพร้อมกลิ่นควันเทียนหอมลอยผ่านเข้ามาในตำหนัก หนึ่งในฝีเท้านั้นวิ่งรี่ถลาเข้ามาเร็วเสียจนนางนึกขำ และทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก คนผู้นั้นก็ถลันเข้าสวมกอดเอวนางในท่วงที
พี่นาง เสียงออดอ้อนคุ้นหูกับฝ่ามือเล็กที่เหนี่ยวเกาะคอเสื้อทำให้เจ้าหญิงผู้มืดบอดรู้ว่าอนุชาลังเลไม่น้อยเลยที่จะเอ่ยประโยคถัดไป ปลอดภัยดีไหม กระหม่อมเป็นห่วงพี่นางเหลือเกินแต่พระมารดามิทรงยอมให้ออกมา แถมยังอ้างว่าพี่นางมีองครักษ์คอยคุ้มครองอยู่แล้ว กระหม่อมไปจะเกะกะเสียเปล่าๆ
มงกุฎราชกุมารพีรสิตกล่าวพลางสะอึกสะอื้น ยังให้อีกเสียงซึ่งนุ่มนวลหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู
ดูสิลูกหญิง น้องรักห่วงใยเจ้าเสียจนน้ำตาหล่น โดยเฉพาะยามกลองศึกลั่นจังหวะดัง
พระมารดา
! เสียงเล็กขึงตึงก่อนจะยิ่งรัดคนถูกห่วงเสียอึดอัด
อย่ากอดพี่นางแน่นอย่างนั้นสิจ๊ะพีรสิต เดี๋ยวพี่นางทรงประชวรไป เจ้ารับผิดชอบไหวรึ
เจ้าชายน้อยคลายรัดลงทันที เขาใช้ดวงตาสีเขียวเล็กจับจ้องดวงหน้าอ่อนโยนแทนการกระทำที่ถูกตำหนิ เสียแต่ว่าพีรสิตคงจะลืมไปว่านางไม่อาจมองเห็น ภาพนั้นจึงเรียกยิ้มขำขันแก่ผู้เป็นมารดานัก
เจ้าเป็นอันใดไหมลูกรัก แม่เป็นห่วงนักเสียแต่ติดคำบิดาเจ้าเลยมาหาไม่ได้ยามเกิดภัย มืออุ่นลูบเกศาธิดาในอกอย่างรักใคร่ พิมธาดาจึงได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่ามารดาคงกำลังสำรวจดวงตาคู่พิการนี้อีกครั้ง พระมเหสีทิวากุลคาดหวังไว้ลึกๆ ว่าสักวันหนึ่ง ธิดารักจะหายดีแล้วกลับมามองเห็นเฉกเช่นเดิม แต่นั้น คงไม่อาจเป็นไปไม่ได้
พระอัครมเหสี หม่อมฉันไม่เป็นอะไรหรอกเพคะ อย่าได้ทรงห่วงนักเลย เจ้าหญิงว่าพลางเลื่อนกายอิงแนบอุระอุ่นของมารดา กิริยาน่าเอ็นดูที่จู่ๆ มเหสีทิวากุลก็กรรแสงหนักพลางสวมกอดพระธิดา
พระมารดาขี้โกงนี่พะย่ะค่ะ บอกกระหม่อมอย่ารังแกพี่นางแต่กลับทรงกอดเสียแน่นเชียว
คนถูกว่าผละตนขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วส่งแย้มยิ้มให้โอรสน้อย เจ้าไปรอแม่ที่ห้องบรรทมก่อนเถอะลูกรัก
แต่คืนนี้กระหม่อมอยากนอนกับพี่นาง มงกุฎราชกุมารส่งเสียงดื้อดึง
พีรสิต เจ้าของนามชะงักทันทีเมื่อน้ำเสียงของมารดาไม่ชวนให้ต่อรองนัก แม่มีการสำคัญจะถามไถ่พี่ของเจ้าสักหน่อย ...ครู่เดียวจ๊ะ เดี๋ยวแม่ตามไป
เร็วๆ เข้านะพะย่ะค่ะ องค์ชายน้อยเบะปากครั้นถูกพระมารดาเร่งไล่ แต่ก็แสร้งทำเป็นเดินเตะถ่วงเผื่อจะถูกเรียกให้อยู่ด้วย ทว่าผู้เป็นแม่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
สิ้นเสียงเดินเหนื่อยหน่ายของโอรส ทิวากุลก็หันมาจ้องพักตร์ธิดาคนเดียวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
เมื่อได้ยินเสียงกระซิกเบา ผู้เป็นลูกก็รู้สึกแน่นในอกขึ้นมาถนัด แต่นางทำได้เพียงคลำมือซับน้ำตาให้กับมารดา และฝืนยกยิ้มขึ้นแม้ในใจจะเอ่อล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
วิรัชฐาถึงจะยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะเพคะ หม่อมฉันกลัวว่าตนเองจะไปเป็นภาระให้กับทางโน้นเสียมากกว่า
แต่นั่นเจ้าชายนฤมินทร์นะลูก ป่าเถื่อนโหดร้ายปานใดเจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ แล้วจะให้แม่ทนเห็นเจ้าต้องถูกส่งเข้าปากราชสีห์ไปได้อย่างไรกัน
พิมธาดาระบายลมหายใจเชื่องช้า นางรู้ว่าที่มารดาเป็นห่วงนั้นไม่ได้ไกลเกินความจริงเลย ดูจากการรวบรวมแผ่นดินของวิรัชฐาก็รู้ เจ้าชายทมิฬผ่านไปที่ไหน ที่นั่นก็มีแต่เลือดนองทาแผ่นดินตามติดแทบทุกขบวนเกวียน ที่น่าทึ่งเห็นจะมีแต่การรวมสิบแคว้นทางตะวันออกจรดตะวันตกได้ในระยะเวลาเพียง 5 ปี ทั้งยังสามารถโค่นนครที่แข็งแกร่งอย่างอโณทัยลงได้โดยใช้กำลังพลเพียงครึ่งเดียวของกองทัพ และแน่นอนถึงพลศิการจะรวมกำลังกันทั้งแคว้นก็คงไม่อาจต้านไพร่พลห้ารบพันนายซึ่งเขาจงใจนำมาข่มขวัญอยู่นอกวัง
ความมั่นคงของพลศิการเห็นจำต้องแลกกับชีวิตนางเสียแล้วจริงๆ
แต่ยังพอมีหวัง ทิวากุลรู้สึกตนในที่สุด พระบิดาเจ้าว่า หากเราถ่วงเวลาจนทัพสารัฐมาถึง คู่หมายของเจ้าอาจช่วยขับไล่พวกวิรัชฐาไปได้
แต่อย่างไรก็ต้องมีคนล้มตายอยู่ดีนะเพคะ แต่ถ้าหม่อมฉัน... ริมฝีปากนวลถูกกัดเม้มจนขึ้นรอยแดง พิมธาดาปฏิเสธความหวาดกลัวที่มีต่อเจ้าชายหนุ่มไม่ได้เลย ทุกครั้งที่หวนนึกถึงใบหน้านั้น ความรู้สึกก็จะตามบีบคั้นเสียจนนางหายใจไม่ออก
น่าหวาดกลัวนัก เจ้าชายแห่งวิรัชฐา
พิมธาดา สุรเสียงวิตกดึงเจ้าของนามออกจากภวังค์ เป็นอะไรไปลูก หน้าซีดเชียว แม่ให้หมอหลวงเข้ามาดูอาการเสียหน่อยไหม
ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเพียงเหม่อลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปก็เท่านั้น และนี่ก็ดึกมากแล้ว ทรงกลับไปพักผ่อนเถิด ป่านนี้พีรสิตคงกระเง้ากระงอดรอพระมารดากลับไปปลอบเป็นแน่
แต่ว่าลูก...
หม่อมฉันไม่เป็นไรจริงๆ เพคะ อีกอย่างที่ตำหนักนี้ พระบิดาก็ส่งองครักษ์มาเดินยามเสียมากมาย ฉะนั้นคนที่เข้ามาได้ต้องเก่งกล้าสามารถและเป็นที่ต้องพระทัยพระบิดามารดาแน่เพคะ
ทิวากุลตีแขนธิดาเบา แต่กระนั้นพิมธาดาก็ยังหัวเราะร่วนหยอกล้อมารดา น่าจับตีนัก หยอกเย้าเช่นนี้หรอก ลลนาถึงได้ไม่เกรงเจ้า
นางเป็นน้องหม่อมฉัน เลี้ยงให้รักดีกว่าขู่ให้กลัวนะเพคะ และเรื่องนี้พระมารดาทรงสอนหม่อมฉันเอง
เจ้าลูกคนนี้ เปลี่ยนจากตีหยอกเป็นกอดรัดหนักๆ ก่อนอัครมเหสีจะหอมแก้มใสร่ำลาธิดาอย่างหน่ายพระทัย
จงรู้ไว้เถิดพิมธาดา พระมารดาอย่างแม่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าไม่ต้องทุกข์ทั้งกายและใจ
เพคะ หม่อมฉันเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้พระมารดาสบายพระทัย ว่าพลางกอดตอบหญิงสูงศักดิ์ก่อนสัมผัสอุ่นจะเลือนหายไปพร้อมแสงเทียน
สวรรค์จะปรานีข้าได้เช่นไรกัน เมื่อฝ่ายนั้นยังคงดื้อดึงไม่เลิกลา
พิมธาดาไถ่ถอนใจอีกครั้งก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับ โดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนลอบเข้ามารอในห้องบรรทมเนิ่นนานแล้ว
*************************
รบกวนด้วยนะคะ
| จากคุณ |
:
วนาสา
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 53 15:15:49
A:125.27.18.167 X: TicketID:263069
|
|
|
|