ความคิดเห็นที่ 1 |
โคเวนยิ้มในความใจร้อนปากไวของนัคทา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดูเศร้าใจ
“คนเราก็ต้องยึดอะไรบางอย่างเป็นกำลังใจ ไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มบอก “ไม่ใช่สิ่งของก็คน ไม่ใช่คนก็ความเชื่อ เพราะยึดไว้ได้จึงเข้มแข็ง น้อยคนเต็มทีที่จะสามารถแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง”
“แต่ถ้าหากต้องยึดอะไรอย่างนั้นไว้ จะมีชีวิตไปทำไม” อีกฝ่ายแสดงอาการหยามออกมา “เกิดมาแล้วยังเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกอ่อนแอ”
เมื่อถึงตอนนี้ นัคทาจึงค่อยสำนึกช้า ๆ ว่าในยามนั้นตนคิดอะไรเป็นเด็ก เขาพบว่าโคเวนพูดถูก...คนอิยาในกำแพงต้องถูกกิน พวกนั้นรู้ดีว่าชะตากรรมของตนต้องเป็นเช่นนี้ หลายต่อหลายรุ่น หลายสิบหลายร้อยปี สุดท้ายพวกเขาก็เพียงแต่ช่วยตัวเองด้วยการบอกว่านี่คือความสุขสบาย คือสิ่งที่ชอบธรรม คือความเชื่อที่จะต้องธำรง สุดท้ายเพราะเป็นอย่างนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนแปลงยากยิ่งกว่าพวกนอกกำแพง...คนอิยาที่นี่ก็เพียงปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงเท่านั้นเอง
ยามชายหนุ่มพยายามอธิบายว่าอยู่ที่นี่คือรอความตาย เหล่าอิยานุ่มนิ่มอ่อนโยนเหล่านั้นก็เพียงส่ายหน้า บอกเขาว่าทุกคนก็ต้องตายไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องตายเพราะหิวเพราะหนาวเล่า เหตุใดไม่ตายอย่างสุขสบาย คนเหล่านั้นถึงกับชวนนัคทาให้มาอยู่ด้วยกันในกำแพง หากอยู่ในกำแพงก็จะมีความสุขตลอดไป ไม่มีความหิว ความลำบาก ความป่วยไข้ มีเพียงมีชีวิตอย่างสบายใจ และตายไปอย่างสบายใจเท่านั้นเอง
เมื่อแรกที่ได้ยินคำอะไรอย่างนั้น ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นัคทาจึงค่อยเห็นระบบที่ครอบงำเมืองชามู เขาเพิ่งรู้ว่าโคเวนดื้อดึงแข็งแกร่งกว่าที่ตนคิดหลายเท่า ...ในระบบเช่นนี้ ในโลกที่มีแต่คนสนับสนุนให้เขากิน และคนที่ยอมให้เขากินแต่โดยดี โคเวนยังกล้าบอกว่ามันผิด กล้าพูดว่าตนจะพยายามไม่กินจนสุดความสามารถ ในระบบอันบ้าบอบัดซบถึงเพียงนี้ โคเวนก็ยังพยายามมีชีวิตอยู่ต่อมา เขายังคงรู้สึกบาปต่อเด็กผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เธออาจจะตายทั้งด้วยความพอใจว่าตนได้กลายเป็นเหยื่อของนาย โคเวนอยู่ในโลกอย่างนั้น คนชามูทั้งปวงก็อยู่ในโลกอย่างนั้นเหมือนกัน
...ไม่มีทั้งดีและเลว มีแต่ความเชื่อและวิธีคิดเท่านั้นเอง
แต่ในที่สุด นัคทาก็ไม่ได้ทั้งหัวเราะหรือร้องไห้ ทว่าในใจกลับมีความกลัวเข้ามาแทน เขาทราบดีว่าตนไม่อาจอยู่ในโลกอย่างนั้นได้ ไม่อาจเป็นอย่างคนอิยาในกำแพง ดังนั้นเขาต้องทำสงคราม และเพื่อให้ชนะสงครามก็ต้องไม่ให้ชามูมีเสบียง นี่เป็นจุดอ่อนเพียงข้อเดียวของพวกมัน ถึงอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไป
แต่มันจะหมายความว่าอย่างไรได้เล่า...
...
“เราประวิงเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “เข้าเมืองชามูบ่อยครั้งอย่างนี้จะเป็นอันตราย ยิ่งตัวท่านนัคทาเองยิ่งไม่ควรเข้าไป ท่านตายไม่ได้ ท่านเป็นผู้นำของเรา”
ใครคนนั้นเป็นเพื่อนเก่าของเขาเอง มาจากเผ่าเดียวกัน เมื่อก่อนนี้เรียกเขาว่านัคทาเฉย ๆ แต่บัดนี้เรียกเป็นท่านนัคทา จะว่าไปแล้ว ตอนนี้คนที่เรียกเขาด้วยชื่อเปล่า ๆ คงมีแต่พ่อกับภรรยา คนอิยาอื่น ๆ ล้วนเห็นเขาเป็นคนมีเวทมนตร์คาถาจากสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร อิยาก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกสองรุ่นเพื่อจะตามความคิดของชามูหรือคนอิยาที่รู้มากเกินไปอย่างนัคทาทัน เวลานี้พวกนั้นจึงไม่อาจเข้าใจวิทยาการที่เขาพยายามสอนได้อย่างแท้จริง
และคนคนนั้นพูดในที่ประชุม ท่ามกลางคนมากมาย เขาพูดความจริงทุกคำ แม้ตัวนัคทาเองก็เห็นอย่างนั้น...เขาพยายามประวิงเวลามาหลายเดือนแล้ว ยื้อภารกิจเกลี้ยกล่อมพวกอิยาในกำแพงออกไป ทว่าทั้งความพยายามของเขาและคนอื่น ๆ ล้วนไม่เป็นผล บางทีอาจเพราะมีเวลาไม่พอ บางทีอาจเพราะพวกอิยาในกำแพงโง่เกินไป แตกต่างเกินไป บางทีอาจเพราะมันต้องเป็นอย่างนี้เอง
“แต่จะให้ทำอย่างไร ทิ้งพวกนั้นไว้หรือ” ใครอีกคนเอ่ยถามกลับ...เป็นพวกที่เคยเข้าไปในกำแพงกับนัคทา และทราบดีว่าพวกในกำแพงเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่โง่อ้วนอืดและใจดีเหมือนเด็ก ๆ เท่านั้น พวกอิยาในกำแพงสบายจนใจดีถึงขนาดว่าไม่เคยรายงานเรื่องเขากับเจ้านายชามู พวกนั้นเป็นแค่คนโง่ที่คิดว่าตนอยู่ในสวรรค์ ใครมาเห็นเข้าก็ได้แต่เพียงคิดสมเพช และอาจจะถึงกับรู้สึกโหดร้ายไปที่จะพรากพวกเขาออกมา แต่แม้ยื้อเวลาจนสุดความสามารถแล้ว ก็ถึงยามต้องตัดสินใจเช่นกัน
“ทิ้งพวกนั้นไว้จะดีหรือ” คนพูดคนแรกไม่ใคร่แน่ใจ “พวกนั้น...เป็นอาหารของชามู”
“บางทีอาจจะบังคับพาออกมา” อีกคนเสนอขึ้น
“พาออกมาก็มีปัญหาอย่างอื่น” นัคทาที่นิ่งเงียบฟังมาตลอดพูดเรียบ ๆ เขารู้ว่าไม่มีใครอยากแตะต้องเรื่องนี้ ดังนั้นตนจึงต้องเป็นคนพูดเอง “ใครจะดูแลพวกที่เคยสุขสบายแต่ทำอะไรไม่เป็นอย่างนั้น อย่าว่าแต่ตอนนี้กำลังมีสงคราม ไม่ช้าชามูคงไล่ล่าเราหนักกว่าเดิม”
คนอื่น ๆ มองมาทางชายหนุ่ม ไม่ได้เอ่ยขัดจังหวะ เขาจึงพูดต่อไป
“เราปล่อยให้มีอิยาในกำแพงไม่ได้” นัคทายังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบตามเดิม “ต้องเอาออกมา แม้ลากออกมาไม่ได้ก็ต้องฆ่า อิยาสร้างเลือดได้เร็ว อิยาไม่ตายคนเดียวจะเลี้ยงชามูได้หลายคน ให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ และให้มันผสมอิยาใหม่ไม่ได้ด้วย”
“แต่ถ้าอย่างนั้น...” ใครบางคนเอ่ยขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้ถือว่าบาปเป็นของข้าเอง” ชายหนุ่มเพ่งมองคนของตน “ข้าจะเป็นคนสั่งการ ข้าเป็นคนผิดเอง พวกเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร”
คนฟังนิ่งเงียบไป ครั้นแล้วหลังจากนั้นจึงมีคนพูดขึ้นมา เขาว่าท่านนัคทา...ท่านรับคนเดียวไม่ได้ จงให้พวกเรารับร่วมกันก็แล้วกัน พวกเราจะเป็นคนบาป เป็นคนชั่วร้าย ยอมตกนรกเพื่อลูกหลานของเรา คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำดังกล่าว นัคทาฟังอย่างนั้นย่อมรู้สึกอยู่ในใจ ได้แต่เร่งก้มศีรษะลง
“ข้าขอบคุณ” เขาว่า “ขอบคุณทุกคน”
วันรุ่งขึ้น พวกเขาลอบเข้าเมืองเป็นครั้งสุดท้าย เกลี้ยกล่อมพวกอิยาในกำแพงอีกครั้ง พยายามพูด พยายามอธิบาย พยายามทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ แต่แม้ทำถึงเพียงนั้นก็ยังพาคนออกไปได้เพียงจำนวนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ไม่มีใครคิดจากไป พวกคนโง่อ้วนท้วนในสวรรค์จอมปลอมดังกล่าวเพียงแต่ยิ้ม บอกว่าไม่เป็นไร เรามีชีวิตดีอยู่แล้ว แต่พวกเราจะไม่บอกเจ้านายชามูหรอก พวกเจ้าก็อย่ากังวลใจไป
ตอนที่ออกมาจากกำแพง นัคทาหันกลับไปมองที่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่รู้หรอกว่าดีหรือเลว บางทีคนพวกนั้นอาจจะคิดว่าเขาผิดก็ได้กระมัง เหตุใดต้องดิ้นรน ยากลำบาก ทำอะไรเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดต้องทรยศหักหลังเพื่อน ต้องกินก่อนถูกกินร่ำไป เหตุใดต้องมีชีวิตอย่างนั้น ในโลกแดงฉานซึ่งแท้จริงอาจจะไม่มีอะไร บางทีมันคงไม่มีความหมาย อาจจะไม่มีค่ามากพอกับสิ่งที่เขาลงไป
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ผลักนัคทาคนอ่อนแอเข้าไปข้างใน ปล่อยให้เหลือเพียงนัคทาของอิยา
...
สองวันให้หลัง นานพอที่จะพาคนจากในกำแพงเข้าป่าไปถึงที่ปลอดภัย ก็เกิดเหตุระเบิดร้ายแรงต่อเนื่องในเมืองชามู ระเบิดจำเพาะถูกวางไว้ตามคอกอิยาที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นอาหาร อานุภาพรุนแรงยิ่งนักถึงกับฉีกแขนขาเครื่องใน ทำลายซากศพของอิยาทั้งหมดจนกลายเป็นตอตะโกกินไม่ได้ นอกจากนั้น ในเวลาไล่เลี่ยกัน อิยาจำนวนมากที่เลี้ยงไว้ตามบ้านก็ถูกฆาตกรรม มีร่องรอยถูกทำร้ายโดยสัตว์บางชนิดที่คล้ายสุนัขป่า เมืองชามูสงบสุขเสมอมาจนการป้องกันหย่อนยาน ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดอะไรน่ากลัวอย่างนี้เลย
นับแต่นั้น ผู้คนทุกฝ่ายก็ทราบว่านี่คือการประกาศสงคราม
และนับแต่นั้น ความรู้สึกชาของนัคทาก็มีแต่จะยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที
จากคุณ |
:
ลวิตร์
|
เขียนเมื่อ |
:
18 เม.ย. 53 23:34:07
|
|
|
|