ปลายทาง
|
|
ปลายทาง
ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆฝน สายฟ้าแปลบปลาบเป็นทางยาว เสียงฟ้าคะนองดังกึกก้องต่อเนื่องเป็นระยะบ่งบอกว่าเวลาต่อจากนี้คงเกิดพายุฝนครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่นี่ บนรถโดยสารคันนี้ รถที่วิ่งด้วยความเร็วไม่แน่นอนและไม่อาจควบคุมได้ รถที่ปราศจากหลังคาและสิ่งป้องกันต่อสภาพอากาศใดๆ
สายตาเหลือบมองไปยังผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทางอยู่บนรถโดยสารคันนี้เช่นเดียวกัน บางคนขึ้นรถคันนี้มาก่อนชายหนุ่มไม่รู้ว่านานกว่าเท่าใด บางคนเพิ่งเริ่มเดินทางมาพร้อมๆ กับชายหนุ่ม และบางคนก็เพียงเพิ่งจะขึ้นมาเท่านั้น
...นานขนาดไหนกันแล้วนะที่อยู่บนรถคันนี้...
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแสงแปลบปลาบบนฟากฟ้า สมองนึกย้อนกลับไปถึงวันนั้น วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
...วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสมากวันหนึ่ง สภาพอากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ชายหนุ่มเกิดและเติบโตยังสถานที่แห่งนั้นซึ่งทุกๆ วันที่นั่นแทบจะไม่ผิดแผกไปจากกันสักเท่าใดนัก...
หากวันใดที่แดดร้อนเกินไปก็ยังมีไม้ใหญ่ให้พักพิงคลายร้อน และหากวันใดที่มีฝนฟ้าคะนองก็ยังมีชายคาให้หลบพักกันละอองฝนและความหนาวเย็น
สำหรับคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแล้ว เพียงแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับพวกเขา และสำหรับในเวลานั้น ชายหนุ่มเองก็คิดว่าตนเองคิดไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้านเช่นกัน
...จนกระทั่งวันหนึ่ง...
รถโดยสารขนาดมโหฬารจนสุดจะคาดเดาที่มีหน้าตาแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเคลื่อนตัวผ่านหมู่บ้านมาด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าเอื่อยเฉื่อยอย่างเหลือกำลัง
มันเป็นรถโดยสารที่ไม่มีคนขับ ไม่มีคนเก็บค่าโดยสาร มีเพียงล้อรถจำนวนมากมายที่ติดอยู่ที่ด้านล่างสิ่งที่คล้ายไม้กระดานเท่านั้นที่พอจะบ่งบอกผู้ที่พบเห็นได้ว่ามันคือรถ
หากแต่กระนั้นก็ดูเหมือนว่าผู้คนที่อยู่ที่นี่จะรู้จักมันเป็นอย่างดี
รถคันนี้น่ะ ใครจะขึ้นก็ได้ ไม่มีการคิดเงิน จะลงเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้
มันจะวิ่งช้าๆ เวลาเข้าหมู่บ้านเพื่อให้คนที่อยากขึ้นได้ขึ้น และคนที่อยากลงได้ลง แต่มันไม่เคยหยุดวิ่งหรอกนะจนกว่าจะถึงปลายทางโน่นแน่ะ
มีเรื่องเล่ากันมาว่า ปลายทางที่รถคันนี้วิ่งไปน่ะ มีแต่สิ่งดีๆ รออยู่ คนที่ไปถึงที่นั่นได้ ที่ปลายทางของตนเอง เขาคนนั้นจะได้ชีวิตที่เป็นสุขเป็นรางวัลตอบแทนความพยายาม
หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากปากของคนนั้นทีคนนี้ที ชายหนุ่มและเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันจำนวนหนึ่งตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนรถโดยสารนั้นทันที
...จิตใจพองโตเปี่ยมสุขและเต็มไปด้วยความหวัง มากกว่าครั้งใดๆ ตั้งแต่จำความได้ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ใครๆ ต่างก็บอกว่านั่นเป็นสิ่งดี ใครๆ ต่างก็พูดเช่นนั้น...
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของสมาชิกหน้าใหม่บนรถโดยสารดังครึกครื้นกันอยู่ตลอดเวลาที่รถแล่นอย่างเอื่อยเฉื่อยออกจากตัวหมู่บ้านแห่งนี้และเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ
ลมเย็นเข้าปะทะใบหน้า ชายหนุ่มละสายตาออกจากกลุ่มสนทนา บัดนี้บรรยากาศสองข้างทางที่เคลื่อนตัวสลับสับเปลี่ยนไปตลอดเวลา
...ทุ่งกว้าง...ไม้ใหญ่...ขุนเขาสูงตระหง่าน...
มันสวยงามและชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าจะดูภาพเหล่านั้นได้ตลอดกาลอย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย
...เมื่อตัดสินใจขึ้นรถโดยสารออกจากหมู่บ้าน ชายหนุ่มเพิ่งได้รู้ว่าโลกภายนอกช่างยิ่งใหญ่และงดงามจริงๆ...
อ้ากกกกกก....กกกกกก ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างขาดสติ ชายหนุ่มหันกลับไปมองและพบว่าเขาเป็นชายที่มีหนวดเครารุงรังปิดใบหน้าจนเกือบมิด แววตาดูคลุ้มคลั่งและตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
ใจเย็นๆ นั่งก่อน รออีกแป๊ปนึง ไว้ถึงหมู่บ้านหน้าค่อยลง
คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พยายามพูดจาราวเกลี้ยกล่อมและช่วยกันฉุดมือไว้ ก่อนที่ชายคนนั้นจะดิ้นรนอย่างสุดกำลังจนหลุดจากแรงยื้อยุดของคนเหล่านั้น
ข้าทนไม่ไหวแล้ว พอกันที ลาก่อน
คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากปากชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากรถโดยสารที่ขณะนี้วิ่งด้วยความเร็วสูงเป็นอย่างยิ่ง
...คำพูดที่ชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจความหมาย หากแต่ความรู้สึกกลับบาดลึกอย่างไม่อาจบรรยาย...
เปาะ...แปะ...เปาะ...แปะ..........ซ่า...........................................
ชายหนุ่มนั่งชันเข่ากอดตัวเองเพื่อช่วยประทังความหนาวที่เกิดจากพายุฝนที่เริ่มสำแดงเดชมากขึ้นทีละน้อย
...นานขนาดไหนแล้วนะที่อยู่บนรถคันนี้...รถที่เคลื่อนตัวไปสู่ปลายทางที่มีความหวังและความสำเร็จรออยู่...กับบ่อยๆ ที่ต้องอดทนไอแดดอันร้อนระอุ...หลายๆ วันที่ต้องทนกับความชื้นแฉะของพายุฝน...และกับหลายๆ คืนที่ต้องทนกับความหนาวเหน็บ...
...ไม่มีเครื่องป้องกัน ไม่มีตัวช่วยใดๆ...มีแต่ต้องอดทน...ต้องให้กำลังใจกับตัวเองเท่านั้น...
ชายหนุ่มเสยผมและลูบหนวดเคราที่รถรุงรัง เงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ บนรถโดยสาร ผู้โดยสารที่ชายหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทุกคนล้วนผ่ายผอมและดำกร้านกว่าครั้งแรกที่ได้พบกัน
บางคนหน้าตาซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง...แววตาของใครหลายคนฉายแววหวาดกลัว ท้อแท้ หม่นหมอง...ในขณะที่แววตาของใครบางคนได้แต่เลื่อนลอยอย่างไร้อารมณ์
สำหรับชายหนุ่มและทุกๆ คนที่กลายเป็นคนเก่าในขณะนี้ ดูเหมือนว่าปลายทางที่วาดฝันไว้จะดูเลือนรางลงทุกที ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ที่ภาพอันสวยงามเหล่านั้นไม่เคยชัดเจนอีกเลยในมโนภาพ
...เขานึกไม่ออกเสียแล้วถึงรอยยิ้มแห่งความหวังและเปี่ยมสุขเมื่อแรกออกเดินทาง...
ชายหนุ่มเฝ้ามองคนแล้วคนเล่าที่คุ้นหน้าเดินลงจากรถโดยสารเมื่อถึงหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า บางครั้งชายหนุ่มเองต้องกลายเป็นผู้ฉุดดึงบางคนที่คิดจะกระโดดลงกลางทาง
จนวันนี้...ชายหนุ่มนั่งลงไม่รู้สึกรู้สาใดๆ อีกต่อไป คำว่าสิ้นหวังทรงอำนาจขนาดไหน มันสั่นคลอนกำลังใจได้ขนาดไหน วันนี้เขารู้ซึ้งเป็นอย่างดีแล้ว
...แสงแดด...ลมฝน...สายลม...ที่เคยปราณีและน่าตื่นตาตอนที่เพิ่งออกมายังโลกกว้าง...บัดนี้กลับกลายเป็นตรงข้าม...
กับเส้นทางข้างหน้าที่ยังคงทอดยาวอย่างไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด มันยังคงทอดตัวอย่างไม่สนใจไยดีต่อผู้ที่ปรารถนาจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแม้แต่น้อย
ความหนาว ความเหงา ความท้อแท้ ความโดดเดี่ยว เริ่มเกาะกินหัวใจทีละน้อย วันแล้ววันเล่า กำลังใจของชายหนุ่มถูกใช้จ่ายไปตามรายทางจนไม่มีเหลืออีกต่อไป
...อีกเมื่อไหร่กัน...วันนี้...พรุ่งนี้...มะรืนนี้...หนึ่งเดือน...หนึ่งปี...สิบปี...หรืออาจจะไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเลยตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ...
...กับปลายทางที่เฝ้าฝันมาตลอดจากวันแรกที่เริ่มออกเดินทาง...
บ่อยครั้งที่เมื่อตื่นขึ้นมาและพบว่าคนบนรถหายไปอีกคนแล้ว เมื่อคืนมีคนจากไปอีกแล้ว มีคนถอดใจอีกแล้ว บางครั้งหนึ่งในบ่อยครั้งนั้นก็อดที่จะทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ได้เช่นกัน
...บางที...อีกไม่นานอาจจะถึงวันที่เขาเองต้องตัดใจ...คนที่ต้องลงจากรถคันนี้คนต่อไปอาจจะเป็นเขา...
บ่อยครั้งในเวลาที่เข้าสู่ห้วงนิทรา ความฝันอันแจ่มชัดในนั้นยังคงช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและดึงกำลังใจที่เหลือเพียงน้อยนิดให้ชายหนุ่มไม่ท้อถอยและลงจากรถคันนี้ไปเสียก่อน
อีกเมื่อไหร่กัน...อีกเมื่อไหร่กัน...อีก...เมื่อ...ไหร่......อีก..........เมื่อ......................ไหร่....................................
..........................................
...ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงจ้า...
หลังจากปรับสายตาและความมึนงงสักพักหนึ่ง ชายหนุ่มพบว่าตัวเองนอนอยู่บนสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่อาจระบุได้ว่าคือที่ใด รู้เพียงว่าเขาไม่ได้อยู่บนรถโดยสารอีกต่อไปแล้ว บัดนี้รถโดยสารที่เขาอาศัยมันเดินทางมาตลอดเป็นระยะเวลานานจอดอยู่นิ่งข้างกายของเขา
รอบกายไร้วี่แววของผู้คนอื่นใด ที่นี่มีเขาอยู่เพียงลำพังเท่านั้น ...มันจอดแล้ว...มันจะจอดเมื่อถึงปลายทางเท่านั้น...ที่นี่คือปลายทางแล้ว...ปลายทางของเขา...
หัวใจพองโตอย่างที่ไม่เคยเกิดมานานนับแต่ออกเดินทาง เมื่อยันกายลุกขึ้นและมองไปรอบๆ อย่างคาดหวังในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา
...ความสวยงาม...ความสนุก...ความสุข...
...ไม่มีอะไรเลย...
รอยยิ้มที่กำลังจะเกิดขึ้นหายไปในทันที ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีต้นไม้ ไม่มีใบหญ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใด
...มัน...ไม่มีอะไรเลย...นอกจากความว่างเปล่า...
...ไหนล่ะ...ไหนกัน...ความสวยงามน่าหลงใหล...ความสนุกสนานทั้งวันทั้งคืน...ความสุขที่ไม่มีความทุกข์ใดๆ มาเจือปน...มันอยู่ไหนกัน...
สมองอื้ออึงไปด้วยความรู้สึกหลากหลายเมื่อทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง
..........................................
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้น ท้องฟ้าสดใสราวกับพายุฝนในคืนที่ผ่านมาเป็นเพียงฝันไป
ในฝันนั้น ชายหนุ่มได้พบปลายทางที่ใฝ่ฝันมานานว่าจะทำให้เขามีความสุข หากแต่ในนั้นมันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
...เพียงแค่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้...
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดระยะเวลาที่เดินทาง มีที่ไหนบ้างที่เรียกว่าความสุข มีตรงไหนบ้างที่ทำให้เป็นสุข
...ไม่มีเลย...
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฝ้าอดทนทำมา จุดมุ่งหมายที่เฝ้าคอยหาทุกคืนวัน
เมื่ออยู่ในหมู่บ้านซึ่งมีร่มไม้ชายคาให้อาศัย ขณะนั้นเขาคิดว่านั่นเพียงพอแล้วสำหรับเขา เขาเริ่มออกเดินทางตามคำบอกเล่าของคนอื่น เพียงเพราะเขาเหล่านั้นบอกว่ามันเป็นสิ่งดี มันจะดีขึ้นกว่าเดิม
เขาเห็นโลกภายนอกจากการเดินทางและนั่นเขาคิดว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นโลกกว้าง เขาอดทนเฝ้าเพียรพยายามวันแล้ววันเล่านั่นเพราะเขาคิดว่ามันจะทำให้เขามีความสุขยิ่งขึ้น...และยิ่งขึ้น
...กับความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...
ชายหนุ่มหลับตา มองสิ่งต่างๆ ที่ล่วงผ่านตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างแท้จริงด้วยสติพิจารณา
จนถึงตอนนี้ เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าปลายทางที่เขาปรารถนาจะได้พบนั้นจะทำให้เขามีความสุขได้อย่างแท้จริง
...สุข...ทุกข์...สนุก...เศร้า...รัก...โลภ...โกรธ...หลง...ดีใจ...เสียใจ...ทุกสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา ล้วนเป็นเพียงสิ่งที่คิดที่อยากให้เป็นทั้งสิ้น
...ที่หมู่บ้านข้างหน้า ชายคนหนึ่งเดินลงจากรถที่เขาอาศัยเดินทางมานาน...
ใต้ร่มไม้ใหญ่ ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิ มือประสานกันบนหน้าตัก ใบหน้าเรียบเฉย กระแสปรานสงบลงทีละน้อย จิตเยือกเย็นจนกลายเป็นนิ่งในที่สุด
เมื่อใช้จิตพิจารณา บางสิ่งบางอย่างกำลังเอ่อล้นออกมาจากภายในจิตใจของชายหนุ่มช้าๆ...ความปีติที่ไม่อาจบรรยาย ความอิ่มเอิบที่ไม่มีทางไขว้คว้าได้จากการเดินทางค้นหา ความรู้สึกที่ไม่อาจรับรู้จากเพียงคำบอกเล่า
บัดนี้ชายหนุ่มกำลังค้นพบปลายทางแห่งความไม่ยึดมั่นถือมั่น
...กับปลายทางที่ชายหนุ่มใช้เวลาเฝ้าใฝ่หามานานแสนนาน...แท้จริงแล้วมันอยู่ใกล้เพียงแค่ภายในจิตใจของเขาเท่านั้นเอง...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
20 เม.ย. 53 21:41:34
|
|
|
|