Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักนี้มิอาจลืม  

รักนี้มิอาจลืม
ผมอยากเขียนเรื่องราวหรือระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นตันใจ อยากทำอะไรสักอย่างให้เธอได้รับรู้ว่า ผมรู้สึกเช่นไรในตอนนี้
อยากให้เธอได้รับรู้ว่า ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมาหลายปี ไม่ว่าในสายตาของเธอ ผมจะเป็นคนเช่นไร
แต่ผมยังคงรักเธอคนนี้ ด้วยความซื่อสัตย์ และภักดี
ตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมา ยังคงจดจำสิ่งดีๆ มากมาย ไม่เคยรู้สึกว่าความรักที่มีให้นั้นน้อยลงไป
ซึ่ง ผมใส่หัวใจที่เต็มเปี่ยม โดยไม่เคยรับรู้และไม่เคยเตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ไม่เคยคิดเลยว่าต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่เคยเผื่อใจไว้กับการผิดหวัง..เสียใจ
ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะต้องมานอนร้องไห้คนเดียวทุกคืน
ไม่เคยคิดว่าคนที่เรารักมากที่สุดจะไม่มาเหลียวแล
ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะไม่มีแม้ความรู้สึกดีๆหลงเหลือให้กัน
ไม่เคยคิดว่าความผูกพันที่มีให้กันมายาวนาน จะไม่เหลือแม้เยื่อใย
ไม่เหลือแม้คำพูด หรือความห่วงใยต่อกัน
ผมก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่า คนอกหัก มันเป็นยังงัย เพิ่งเข้าใจว่าคนอกหักทำไมเวลาฟังเพลง ที่โดนใจมันถึงได้น้ำตาไหลออกมา แล้วที่มีคนบอกว่าวิธีลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือการตรอมใจ ผมเพิ่งเข้าใจดีก็วันนี้เอง ไม่ใช่เพราะประชด แต่เพราะว่ามันไม่หิว ไม่อยากทานอะไร ไม่รู้สึกต้องการอะไร รู้เพียงแต่ว่าอยากอยู่คนเดียว อยากไปไหนไกลๆ อยากทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะทำใจได้ มันมีแต่ความว่างเปล่า ความเศร้าหมอง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่อยากคุยกับใคร ทำไมถึงเป็นได้ถึงเพียงนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน นี่แหละความรัก มันช่างยิ่งใหญ่นัก ผมรู้ซึ้งแล้วว่าทำไมบางคนที่ผิดหวังในความรักถึงคิดสั้น ฆ่าตัวตาย หรือยอมทำอะไรลงไป โดยไร้ซึ้งเหตุผล แบบไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ด้วยเรื่องแค่นี้ วันนี้ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง จึงพยายามที่จะอดทนและเข้มแข็ง ไม่ให้ทำอะไรแบบนั้น ผมยอมรับว่าอาจจะมีบ้างที่คิดว่า “ ถ้าเราตายไป เขาจะรู้สึกเสียใจไหม” ถ้าเราตายไป “เขาจะรู้สึกเช่นไร” แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะคิดว่าให้เราตายไป เค้าก็คงไม่กลับมารักเรา “คนเราถ้าหมดรักกันแล้ว..........ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็จะไม่มีวันกลับมา .........” ต่อให้เราทำความดีไปสักแค่ไหน เขาก็จะไม่เห็นความดีของเรา แต่ถึงอย่างไรผมก็ตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป มีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งที่ดีๆ ให้เธอต่อไป........... โดยไม่หวังว่าเธอจะรักผมตอบหรือไม่
ผมตั้งใจอยู่เพื่อขอดูแลเธอ ถึงแม้ว่าเธออาจจะไม่ต้องการเลยสักนิด
ผมจะตั้งใจทำความฝันของผมให้สำเร็จ และอยากให้เธอ ชื่นชม ยินดีกับความสำเร็จนี้กับผม .........
ผมยังคงระลึกถึงเธออย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยจืดจาง
คนที่ไร้ตัวตน

***************************************************************





ตอนที่ 1
ถ้าย้อนกลับไป เมื่อสิบปีก่อน ผมได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน แล้วก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งมีอายุมากกว่าผม ไม่มากเท่าไร
เพราะตอนนั้นผมอายุน่าจะประมาณ 23 ปี เธอก็คงจะประมาณ อายุประมาณ 26 ปี เธอเป็นอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ สูงประมาณ 159 ไว้ผมสั้น ผอม หุ่นสมส่วน เธออาจจะไม่ใช่คนที่สวยสะดุดตานัก แต่ในสายตาของผม เธอเป็นคนที่น่ารัก เธอมีชื่อว่า “น้ำ” (นามสมมุติ) ผมได้เห็นเธอครั้งแรกที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย เธอยืนรอรถเมล์เพียงลำพังคนเดียวประมาณ 3 ทุ่ม ผมเลยเดินเข้ายืนข้างๆ และก็ตามเธอขึ้นรถเมล์ไปนั่งข้างๆ ได้พูดคุยด้วย ในฐานะนักศึกษาคนหนึ่งในมหาลัย และเห็นว่าเธอเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่นี่ เธอก็พูดคุยด้วยปกติทั่วไป
ผมยิ้มให้เธอ “อาจารย์หน้าคล้ายๆ อาจารย์ที่อยู่คณะบัญชีเลยนะครับ” เธอยิ้มตอบผม
- “ แล้วเธอว่าหน้าอาจารย์ คล้ายใครละ”
“จำชื่อไม่ได้ครับ แต่คล้ายมาก ไม่ว่าจะหุ่น แต่งตัว เลย เดี๋ยววันหลังมีโอกาสผมจะชี้ให้อาจารย์ดูนะคร้าบ”
“อาจารย์สอนดึกจังเลยนะครับ”
เธอยิ้มตอบผม ผมชวนเธอคุย จนถึงป้ายรถเมล์ แล้วก็ลงรถไป โดยผมไม่มีโอกาสได้ถามชื่อ ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร สอนคณะไหน วิชาอะไร หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอเธออีก.......
จนวันเปิดเทอมต่อมา วิชาคอมพิวเตอร์ ไม่รู้ว่านี่คือโชคชะตาหรือความบังเอิญ ของผมที่ได้เจอเธออีก และที่สำคัญเป็นวิชาที่เธอสอนผม ถึงได้รู้ว่าเธอชื่ออะไร ไม่รู้ว่า เธอจะจำคนนี้ๆ ได้ไหม แต่ผมดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้เจอเธออีกครั้ง และตั้งใจว่า จะได้ใกล้ชิด ได้พูดคุย กับเธออีก .......
ทุกครั้งที่เธอยืนสอนหนังสือ ผมจะมองเธอตลอดเวลา ด้วยความชื่นชม
ผมได้ไปแอบจดตารางสอนของอาจารย์ ไปจดว่าเธอมีสอนในแต่ละวัน ที่ห้องไหนบ้าง เวลาไหนบ้าง พักช่วงไหน มาทำงานกี่โมง เลิกงานกี่โมงและต้องเดินผ่านตึกไหน เดินผ่านทางไหน ทำไมต้องไปจดตารางสอนของเธอนะเหรอ ก็เพราะจะได้มาเทียบกับของผม ว่าเวลาสอนของเธอ กับเวลาเรียนของผม มันสามารถที่จะเดินมาเจอกันบ้างไหม และอาจารย์จะเดินผ่าน ตึกไหน ห้องไหน ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเดินสวน แล้วได้เห็นหน้า
ทุกเช้าผมจะแอบเฝ้ารอ เธอตรงที่รูดบัตร แล้วทำทีบังเอิญเดินมาเจอบ้าง ทำทีเดินสวนกันบ้าง ตอนเย็นผมรู้ว่าวันไหนเลิกดึก ก็จะรอใต้ตึกรอจะได้กลับบ้านด้วย บางทีก็รอที่รูดบัตร ผมทำเช่นนี้ทุกวัน เป็นประจำ....
“หวัดดีครับ เพิ่งมาทำงานเหรอครับ” ผมแอบยืนรอเธอ ตรงที่รูดบัตร ตอนเช้า แต่ทำฟอร์มบังเอิญเจอกัน เธอยิ้มให้ผม
ทุกครั้งที่เธอยยิ้มให้ผม ผมดีใจมากและนั่นทำให้ผม อยากเจอเธออีก
เมื่อก่อนตอนเที่ยงผมจะไปทานข้าวเที่ยงกับเพื่อน ข้างนอกมหาลัย แต่วันนี้ขอลอง เดินไปโรงอาหารสักหน่อย เผื่อเจอเธอ ว้าวเธอนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว จะทำงัยดี เอางัยดีเรา เอาว่ะ..
“หวัดดีครับ นั่งทานข้าวคนเดียวเหรอครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
เธอยิ้มรับให้ผม - ผมยิ้มตอบเธอ
อยากบอกว่า ผมนั่งทานข้าวตรงข้ามเธอ ใกล้เธอ แต่กลับไม่กล้ามองหน้าเธอ เขินอยู่คนเดียว ได้แต่มองไหล่เธอ
อยากนั่งทานกับเธอ แต่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร นึกไม่ออก ได้แต่ฝืนทานไปเพราะว่า มันทานไม่ลงอ่ะ มัวแต่เขิน
ผมเริ่มรู้แล้วว่าเธอพักทานข้าวเวลาไหน ทุกครั้งที่ผม เดินเข้าโรงอาหาร ผมจะกวาดสายตามองหาเธอก่อน ว่ามีเธออยู่หรือเปล่า เพื่อเราจะได้ไปนั่งใกล้ๆ เธอ
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะ ทุกๆ วันผมจะแอบเอาขนมไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน โดยไม่เคยรับรู้เลยว่า เธอจะคิดว่าเป็นของเราหรือไม่ หลายคนคงเคยเห็นสาวยาคูลย์ ที่ส่งตามตึก ตามออฟฟิตที่ต่างๆ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้บริการนี้ด้วย ผมสั่งยาคูลย์ ให้ไปส่งที่โต๊ะเธอทุกวัน วันละ 6 ขวด ผมทำเช่นนั้นทุกวัน ไม่เคยหยุด
เป็นงัย ..........เหมือนจะรวยเนอะ เห็นว่าผมทำแบบนี้แล้วคงคิดว่าได้พูดคุยกับเธอหรือยัง อยากบอกว่า ยังไม่ได้คุยเลยสักคำ ยังไม่กล้า ไม่กล้าขอเบอร์ มันเขินอ่ะ แต่ก็คิดหาวิธีอยู่
และแล้วก็ปิ้งไอเดียขึ้นมา .........ได้ทีละ........... ผมโทรไปหา อาจารย์ท่านหนึ่งในคณะ ขอเบอร์เธอ และบอกว่า
“สวัสดีค้าบ อ.พลอย คือผมจะรบกวนขอเบอร์ อาจารย์น้ำ จะได้ไหมครับ คือผมจะขอเบอร์ของอาจารย์น้ำไว้ ถามเรื่องโปรเจค ที่อาจารย์สั่งครับ” เป็นงัย โชคดีนะ ที่อาจารย์พลอย พอจะสนิทกัน อาจารย์ก็เลยให้มา ..
แต่ก็ยังไม่กล้าโทรนะค้าบ ไม่รู้ว่าถ้าโทรไปแล้วจะเริ่มต้นคุยยังงัยต่อพูดว่าอะไร ถามเรื่องอะไร ผมได้เบอร์มา ก็เก็บไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ และก็เริ่มส่งข้อความ สั้นๆ แต่มีความหมายดี ๆ หวานๆ ส่งไป แล้วคิดว่าถ้าส่งไปแล้วเธอโทรกลับมาผมจะทำยังงัยดี ละเนี่ย
ไม่เป็นไรลองส่งไปก่อนค่อยว่ากัน ส่งไป ครั้งที่1 ก็เงียบไม่มีการตอบกลับ ผมก็ส่งต่อไปครั้งที่ 2 ก็เงียบอีก ผมก็เลยได้ใจส่งต่อทุกวัน ทำอย่างนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ ในที่สุดเธอก็โทรกลับมา ผมตกใจมาก และด้วยความตกใจนี้แหละเลยทำให้รับสายเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอจะจำเสียงผมได้ไหม จะจำผมได้หรือเปล่า
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล”
“เมื่อกี้ส่งข้อความมาที่เบอร์นี้หรือเปล่า”
ใช่ครับ ผมตอบเธอ ด้วยเสียงเบาๆ
เธอ ก็ร้อง “อ๋อ”
เธอจำผมได้ ผมดีใจ และยิ้มกับโทรศัพท์ คนเดียว ดีใจที่เธอจำผมได้
“นึกว่าส่งมาผิด” เลยไม่ได้ โทรกลับมาตอนแรก
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมตั้งใจส่ง” “ตอนแรกคิดไว้ว่าจะส่งข้อความไปให้อาจารย์ เรื่อยๆ ถ้าอาจารย์โทรกลับมาผมกะจะไม่รับสายสักหน่อย” แต่ด้วยความตื่นเต้น เลยกดรับ ซะงั้น
“เป็นงัย ได้เบอร์มาได้งัย”
“ผมขออาจารย์พลอยมาครับ” “ขอเผื่อไว้ถามโปรเจค งานครับ”
“อาจารย์กลับบ้านหรือยังครับ”
“ถึงแล้ว กำลังจะทานข้าว พอดีเห็นข้อความที่ส่งมาเลย ลองโทรกลับมา”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และก็ไม่อยากวางสายเลย อยากได้ยินเสียงเธออยู่
มันช่างเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆ หลังจากที่เธอรับโทรศัพท์ ครั้งนั้นผม ก็เริ่มกล้าที่จะโทรหาเธอ บ่อยขึ้น เริ่มจากโทรหาตอนเย็นหลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าคุยไปสรรหาเรื่องคุยอะไรมา นักหนา แต่ต้องมีเรื่องให้ได้พูดคุยกับเธอทุกวัน
ผมก็ยังคงติดตาม เฝ้ารอกลับบ้านพร้อมเธอทุกวัน ส่งขนมทุกวัน ผมโทรหาเธอทุกคืน บางทีคุยกันตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่งก็มี บางทีคุยกันถึง ตีสอง ตีสาม ก็มี แต่ผมไม่เคยพูดคุยด้วยถ้อยคำที่ล่วงเกิน หรือแสดงท่าทีจีบเธอเลย สักครั้ง ผมไม่เคยพูดคุยเรื่องอะไรที่แสดงถึงการที่ผมมาสนิทด้วยเพื่อหวังประโยชน์อันใด หรือมาเพื่อขอเกรด ผมไม่เคยเอ่ยปากพูดเรื่องนี้เลย ผมจะพูดแต่เรื่องทั่วไป จิปาถะ เรื่อยเปื่อย หัวเราะกันบ้าง ขำสนุกสนาน
แต่แปลกนะเวลาที่อยู่ในห้องเรียน เธอก็มักจะทำเหมือนไม่รู้จักผมเลย เหมือนไม่มีผมในห้องเรียน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
จนเรียนจบวิชาของเธอ ผมก็ยังคงคุยโทรศัพท์กับเธอทุกวันตลอด เริ่มสนิทกัน มากขึ้น แต่ได้ไปส่งเธอที่จากปากซอย ก็เริ่มพัฒนาไปส่งเธอที่หน้าหอพัก แต่ก็ส่งได้แค่หน้าหอพักนะ เพราะเธอไม่เคยให้ผมไปส่งที่ห้องสักที
วันนี้ผมไปส่งเธอตามปกติ เธอบอกผมว่า พรุ่งนี้จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดนะ ผมใจหาย ไม่อยากให้เธอไปเลย ทั้งๆที่เธอไปแต่เราก็ยังได้คุยโทรศัพท์กันอยู่ดี แต่มันดูห่างไกลกันมั่งเลยทำให้ใจหาย..
จนผมเรียนจบ รับปริญญา ผมได้ถ่ายรูปกับคู่กับเธอเยอะมาก ๆ เธอเริ่มไว้ใจผมมากขึ้น หรือด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนั้นเรายังอยู่ในฐานะที่ไม่เหมาะไม่ควร ผมก็เข้าใจ เมื่อผมรับปริญญาเสร็จสิ้นประมาณปลายปี ช่วงธันวาคม ตอนปีใหม่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเธอ ที่ต่างจังหวัด ..... ผมได้ไปบ้านเธอครั้งแรก ครอบครัวเธอน่ารักมาก ทุกคนดีกับผมมาก
ผมมีความสุขมากครับ ผมได้บอกกับเธอว่า ผมรักเธอ ได้บอกให้เธอได้รับรู้ว่าผมรู้สึกกับเธอเช่นไร และผมก็ดีใจที่เธอก็รักผมเช่นกัน ตอนเราไม่ได้อยู่ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์อีกแล้ว เราไม่ต้องระวังอะไรอีก เราเริ่มไว้ใจกันมากขึ้น หลังกลับมาจากบ้านเธอที่ต่างจังหวัดผมเริ่มมาหาเธอบ่อยขึ้น เริ่มมาพักกับเธอที่หอพัก ได้สักระยะ ผมตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน เปลี่ยนจากหอพัก ย้ายมาเช่าทาวน์เฮ้า หลังเล็กๆ อยู่ด้วยกันใกล้ๆมหาลัย ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เราเหน็ดเหนื่อยกับการขนของ ช่วยกันทำความสะอาด จัดของจนดึก แต่ก็มีความสุข........
ติดตามตอนที่2

จากคุณ : วรรัชต์
เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:22:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com