ผู้เปลี่ยนแปลง ----
|
|
จะกลับมาอีกก็คงสักบ่ายสองโมงของวันพรุ่งนี้แหละบังดี้บอกผมก่อนโบกมือลา ผมเดินไปส่งเขาที่ประตูกับความรู้สึกหน่ายเหนื่อยด้วยรู้แก่ใจว่าเขาจะไม่มาตามที่นัดไว้ ที่ผ่านมาอย่างน้อยเขาจะมาช้ากว่าที่นัดไว้สามชั่วโมง ดังนั้นอย่างน้อยคงสักห้าโมงเย็นของวันพรุ่งนี้แหละที่เขาอาจจะมาปรากฏตัว
ก็แค่อาจจะ
บังดี้โบกมือลา ผมโบกมือตอบ
จะว่าไปแล้ว ทั้งที่เป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่อยากเหยียบย่ำย่างกาย ถูกมองด้วยแววหวาดกลัวอยู่เป็นนิจนัก ซึ่งก็คงจะไม่เป็นการดีนักไม่ว่ากับใครก็ตามที่จะใช้ชีวิตในที่โล่งแจ้งนานนัก อย่างน้อยพี่ต้นที่เป็นนักข่าวก็บอกแบบนั้น และพี่ต้นแกก็พูดถูกอยู่เสมอ วันนี้อากาศร้อนนะพี่ต้นเคยพูดแบบนี้ แล้วมันก็เป็นจริง วันนั้นอากาศร้อนมาก ซึ่งต่อมาพี่ต้นก็บอกว่า อาจจะมีฝนตก แล้วคืนนั้นฝนก็ตก เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อตัวพี่ต้น พี่แกพูดนก นกก็ออกมาบิน พูดม้า ม้าก็ออกมาเคี้ยวเอื้อง พูดแมว แมวไล่จับหนู พูดหนู หนูไล่จับแมว เสียแต่พี่แกไม่ได้พูดอะไรทำนองนี้ออกมา
แต่ผมเชื่อนะ ถ้าพี่แกพูดมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ เชื่อด้วยว่าการออกไปทำใช้ชีวิตในที่โล่งแจ้งนานๆย่อมไม่เป็นการดี อย่างไรเสียแม้พี่ต้นไม่เอ่ยเตือนก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วจากเหตุการณ์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ถึงความรุนแรงที่อยู่เบื้องนอก ใครเขาก็ไม่อยากออกไปที่โล่งแจ้งนานๆกันหรอก
ทว่าไม่ใช่สำหรับบังดี้ ผู้เปลี่ยนแปลง
ผมอยู่ที่นี่มาแต่เกิดผ่านการเปลี่ยนแปลงของอะไรต่อมิอะไรหลายๆอย่างมาก็มากมาย ตั้งแต่รัฐบาลของประชาชน ประชาชนของรัฐบาล ความเปลี่ยนแปลงของผู้คน ยุคสมัย สภาพอากาศแปลกประหลาด ความเห็นของผู้คนที่แปลกประหลาดกว่า กระแสสังคม เสียงของผู้คน เสียงของผู้คนอีกฝ่าย กระทั่งเสียงของปืนและระเบิด แม้รุนแรงเพียงใดครอบครัวผมก็ไม่เคยมีความคิดที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น
คงเพราะในครอบครัวผมไม่มีใครเป็นทหาร ตำรวจ หรือนักวิชาการเพี้ยนๆกระมัง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ากระสุนปืนมันไม่เลือกอาชีพของคนที่มันจะวิ่งชนให้ตายดับดิ้นก็ตามที
พ่อระวังตายนะผมหยอกพ่อผู้ตกงานก่อนท่านจะออกไปตัดผม
แกก็ระวังโดนค่าทำศพพ่อนะพ่อตอบ
ผมคงเสียใจผมเดินมาส่งพ่อ
เออสิ พ่อแกตายนี่พ่อกระแทกเสียง
ครับ คงเสียใจ...ที่เสียค่าทำศพแพงผมว่ายิ้มๆ
เออ แล้วแกจะรู้สึก
รู้สึกดีเหรอพ่อผมหยอกต่อจนพ่อสวมรองเท้าเสร็จเดินออกไปนอกประตู พ่อโบกมือลา ผมโบกมือตอบ ไม่นานต่อมาพ่อก็จะกลับบ้านพร้อมกาแฟถุงแยกน้ำแข็งมาใส่ดื่มเองที่บ้าน จิบไปพลางอ่านหนังสือไปพลางสบายใจเฉิบ
พักนี้พี่ต้นหายหน้าหายตาไปนาน ของที่บังดี้อุตส่าห์จัดหามาให้เป็นอย่างดี กลายเป็นผมกับพี่บ่าวต้องร่วมกันแสดงความรับผิดชอบต่อของทั้งหมด แทนที่ปกติแล้วพี่ต้นจะเป็นผู้ร่วมแสดงความรับผิดชอบรายใหญ่เลยแท้ๆ กระนั้น ของที่บังดี้เป็นธุระจัดหามาให้ก็มีคุณภาพชนิดไม่ทำให้ผิดหวังใดๆ ดังนั้นแม้จะเหงาไปบ้างเพราะขาดพี่ต้น แต่ผมกับพี่บ่าวยังคงร่วมกันแสดงรับผิดชอบเพื่อเป็นการระลึกถึงพี่ต้น โดยหวังว่าสักวันพี่ต้นแกจะกลับมา
ต้นเขาเก่งนะพี่บ่าวเอ่ยขณะเราร่วมรับผิดชอบ
อืม ผมละนับถือพี่เขาเลย
ฮิฮิพี่บ่าวยิ้มเยิ้มเคลิ้มหัวเราะ เออ
วันนี้พี่บ่าวไม่ออกไปไหนเหรอผมเอ่ยถาม เริ่มยิ้มเยิ้ม
ว่าจะไปแกตอบกลับยิ้มยิ่งเยิ้ม แต่คงไม่ไหวแล้ว
หลังฟื้นจากผลข้างเคียงจากการแสดงความรับผิดชอบผมกับพี่บ่าวต้องโซซัดโซเซออกมาจากห้องหอของพี่บ่าวเพื่อไปหาอะไรกินเป็นมื้อเย็นเกือบค่ำ ระหว่างรอข้าวมาเสิร์ฟ แม้ใบหน้าของเราทั้งคู่ดูจะยังยิ้มอย่างเยิ้มๆอยู่ก็ตาม แต่ข้างในนั้นไม่แน่ว่าเป็นอย่างภายนอกแสดงออกมา ผมคิดถึงพี่ต้น และพี่บ่าวก็คงไม่ต่างกัน
จะได้เจอพี่ต้นอีกมั้ยนะ ผมคิดถึงคำถามนี้ แต่พออาหารมาถึงก็ลืมสิ้น ยังไงเสียพี่ต้นแกก็เคยพูดไว้ว่า แล้วเจอกัน
ผ่านไปหนึ่งอาทิยต์แล้ว ไร้วี่แววว่าบังดี้จะมาปรากฏตัวที่บ้านผม ของค่อยร่อยหลอหมดลง แม้รู้สึกอยากของบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่ใดๆ เทียบไม่ได้เลยกับรู้สึกกังวลเป็นห่วงเพื่อนอย่างบังดี้ซึ่งก็มักมาพร้อมกับรู้สึกอยากของนั่นเอง
คนรู้จักเริ่มห่างหน้าหายตากันไปจากชีวิตก็ทำให้รู้สึกเหงาอยู่บ้าง แต่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้หรือรู้สึกเลวร้ายอะไร ผมยังนั่งดูทีวีได้ อ่านหนังสือได้ เล่นคอม เล่นเน็ต หรือจะไปดูหนัง ยังทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่อยากทำได้อยู่ แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่างกัน
การผ่านการเปลี่ยนแปลงของอะไรหลายๆอย่างมาได้ ใช่ว่าจะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นในการปรับตัวปรับความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป
เสียงขับอาซานคุ้นเคยยังคงดังก้องอยู่ สุเหร่าตั้งไม่ไกลจากระแวกบ้านผมนัก เสียงขับอาซานทำให้ผมนึกถึงบังดี้ นึกถึงภาคใต้ นึกถึงผู้ก่อการร้าย ผมรู้สึกใจหาย บังดี้เขาเคยอยู่ที่นั่นมาตลอดชีวิต คงเพราะแบบนั้นเขาถึงไม่กลัวเลยที่จะใช้ชีวิตกลางแจ้งที่นี่นานๆ
ทีวีรายงานข่าวเกิดเหตุระเบิดอีกครั้ง ผู้เสียชีวิตเป็นคนเสื้อแดงสี่คน คนเสื้อเหลืองหนึ่งคน คนเสื้อหลากสีหนึ่งคน และอีกสิบคนไม่ทราบจุดยืนทางการเมือง หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจที่เพิ่งถูกย้ายมาใหม่
ผมจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหลังจากที่ที่นี่เปลี่ยนแปลง แม้จะยังคงใช้ชีวิตเหมือนเป็นปกติได้ก็ตาม แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ทั้งผู้คน เสียงของผู้คน เสียงของปืนและระเบิด ลึกๆแล้วก็กระเทือนมาถึงความรู้สึกของผม ใครกันนะ ที่ริเริ่มการเปลี่ยนแปลง คงไม่ใช่ผม?
จากคุณ |
:
smallAuToJ
|
เขียนเมื่อ |
:
28 เม.ย. 53 10:31:30
|
|
|
|