เด็กหญิง กับ ชิงช้า
|
|
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
ยังมีเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เธอตัดผมหน้าม้า ผมสั้นเท่าติ่งหู ตรงหลังหูข้างซ้ายมีรอยแหว่งซึ่งเกิดจากกรรไกร เธอชื่อเด็กหญิงความสุข
เด็กหญิงความสุขมีชิงช้าที่พ่อของเธอทำให้ ทุกวันหลังเลิกเรียนเด็กหญิงความสุขจะรีบกลับบ้านมานั่งชิงช้า เธอโยกมันไปมา ชิงช้าโล้ไปข้างหน้า ข้างหลัง เร็วขึ้นๆ จนในที่สุดมันก็เร็วจนเด็กหญิงความสุขแทบจะหลุดออกจากชิงช้า เด็กหญิงความสุขหัวเราะชอบใจ เสียงหัวเราะของเธอทำให้ทุกอย่างมีสีสัน ดอกไม้มีชีวิตชีวา ต้นไม้เขียวชอุ่ม น้ำเย็นใส อากาศสดชื่น เด็กหญิงความสุขคือสิ่งวิเศษที่ธรรมชาติมอบให้กับผู้เป็นพ่อ
บางวันพ่อของเด็กหญิงความสุขจะมาโยกชิงช้าให้กับเธอ เด็กหญิงความสุขชอบที่มีคนมาโยกชิงช้าให้เพราะจะได้ไม่ต้องออกแรงเอง พ่อของเด็กหญิงความสุขเป็นคนตัวใหญ่ ใจดี เด็กหญิงความสุขชอบให้พ่อหัวเราะ ชอบให้พ่ออุ้มขึ้นชิงช้าแล้วยกชิงช้าขึ้นสูงๆ จากนั้นก็ปล่อยลงมาทีเดียว
ถึงแม้ว่าเด็กหญิงความสุขจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ แต่เด็กหญิงความสุขมีทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน เธอไม่เคยรู้สึกว่ามีบางอย่างในชีวิตขาดหายไป
นอกจากชิงช้าแล้ว เด็กหญิงความสุขไม่เคยมีของเล่นชนิดอื่น ทั้งชีวิตของเด็กหญิงความสุขมีเพียงพ่อและชิงช้าเท่านั้น แต่เธอมีความสุขกับสิ่งที่เธอมีในปัจจุบัน พ่อไม่เคยสอนให้เด็กหญิงความสุขอยากได้ อยากมีเหมือนคนอื่น เพราะมันเป็นเพียงสิ่งนอกกาย พ่อสอนให้เด็กหญิงตัวน้อยมีความสุขกับสิ่งรอบตัวที่เป็นอยู่
จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กหญิงความสุขกลับมาจากโรงเรียน พ่อยืนรออยู่ที่ชิงช้า เด็กหญิงความสุขวิ่งเข้าไปหาพ่อด้วยความดีใจ วันนี้เธอไม่ต้องออกแรกโยกชิงช้าเองแน่ๆ
เด็กน้อยวิ่งเข้าไปนั่งที่ชิงช้า ยกขาสูงจากพื้น รอชิงช้าโล้ไปข้างหน้า ................................. ชิงช้าไม่เคลื่อนไหว
เด็กหญิงความสุขแหงนหน้ามองพ่อ แววตาของผู้ชายใจดีคนเมื่อวาน วันนี้ดูเศร้าและอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก
"ความสุข หากวันหนึ่งพ่อไม่ได้อยู่กับลูก ลูกต้องเข้มแข็ง" พ่อยิ้มให้เด็กหญิงความสุข มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่โอบล้อมไปด้วยความเศร้า
"พ่อจะไปไหนหรือคะ ให้ความสุขไปด้วยนะ เอาชิงช้าไปด้วย" "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องไปแล้ว พ่อจะไปในที่แสนไกล ที่ซึ่งความสุขตามพ่อไปไม่ได้"
"แล้วพ่อจะกลับมาหาความสุขมั๊ยคะ" เด็กหญิงมองหน้าพ่อ แววตาของเธอยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เด็กน้อยไม่รู้ว่าสิ่งที่พ่อพูดหมายถึงอะไร พ่อพูดในทำนองคล้ายๆก่อนที่พ่อจะไปทำงานเหมือนทุกที แต่วันนี้พ่อแปลกไปเท่านั้นเอง
"กลับมาสิ ไม่นานพ่อจะกลับมา กลับมาในวันที่ลูกเข้มแข็ง" จากนั้นพ่อก็เดินจากไป เด็กหญิงความสุขโบกมือลาพ่อด้วยเสียงแจ่มใส
"กลับมาอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหนูด้วยนะคะ" สายลมร้อนพัดโชยโบก หอบเอาฝุ่นสีแดงเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงความสุขใช้เท้าดันพื้นแล้วปล่อยให้ชิงช้าโล้ไปมาตามแรงส่ง
วันแล้ววันเล่าที่เด็กหญิงความสุขรอคอยพ่ออยู่ที่ชิงช้า เป็นช่วงเวลาอันยาวนอนเสียเหลือเกิน
วันแรก... เด็กน้อยยังคงโล้ชิงช้าไปมา เธอยังคงมีความสุขกับชิงช้าแสนรัก ตอนเย็นพ่อก็จะกลับมาพร้อมขนมแสนอร่อย
วันที่สอง... เด็กหญิงความสุขเลิกโล้ชิงช้าไปมา เธอนั่งอยู่เฉยๆ เอาเท้าเขี่ยพื้นไปเรื่อยๆรอพ่อกลับมา ในใจยังหวังถึงขนมแสนหวาน
วันที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ... เด็กหญิงตัวน้อยโล้ชิงช้าจนเหนื่อยแต่พ่อก็ยังไม่กลับมา เรี่ยวแรงของเด็กหญิงความสุขเริ่มอ่อนล้า ความหวังที่พ่อจะกลับมาเริ่มสั่นไหว สายชิงช้าเริ่มผุกร่อนจากการใช้งาน
........................................................................................
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เด็กหญิงความสุขเริ่มลืมเลือนรอยยิ้มในวันเก่า เธอได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ปล่อยให้ชิงช้าเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ของมัน ไม่ว่าชิงช้าจะเคลื่อนที่หรือไม่ รอยยิ้มน่ารักก็จางหายไปจากใบหน้าของเด็กหญิงความสุขเสียแล้ว
ลมร้อนโบกพัดเอาฝุ่นสีอิฐสุกผ่านมาอีกครั้ง และได้นำเด็กหญิงผมสั้น หน้าม้า ตัวเล็ก อีกคนหนึ่งมาด้วย เธอมีหน้าตาไม่ต่างจากเด็กหญิงความสุข รูปร่าง ส่วนสูง ทรงผม รวมทั้งรอยแหว่งที่หลังหูข้างซ้าย มันเหมือนกับเด็กหญิงความสุขกำลังส่องกระจก
"เธอคือเด็กหญิงความสุขหรือ" เด็กหญิงนิรนามเดินเข้ามาหาเด็กหญิงความสุข แววตาของผู้มาเยือนช่างไร้วิญญาณ มันดำสนิท แม้มองลึกลงไปก็ไร้ที่สิ้นสุด
"ใช่ แล้วเธอเป็นใคร ทำไมหน้าตาเธอกับฉันเหมือนกัน" เด็กหญิงความสุขเงยหน้าขึ้นจากพื้น
"ฉันคือเพื่อนใหม่ของเธอ ฉันชื่อความทุกข์"
"พ่อให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเหรอ" รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเด็กหญิงความสุขอีกครั้ง เหมือนดอกไม้แรกแย้มที่ต้องน้ำยามแล้ง เด็กหญิงความทุกข์ไม่พูดอะไร เธอเดินอ้อมไปด้านหลังของเด็กหญิงความสุข มองลงมาที่เพื่อนฝาแฝด ดวงตาดำนิลนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ก่อนที่เด็กหญิงความทุกข์จะเอ่ยปากถาม
"พ่อของเธอไปไหน"
"ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้ว่าพ่อไปไหน แต่พ่อบอกว่าจะกลับมาหาฉันและซื้อขนมอร่อยๆมาฝากฉันด้วย ถ้าพ่อกลับมาฉันจะแบ่งให้เธอ เราจะได้เป็นเพื่อนกันตลอดไป" เด็กหญิงความสุขกลับมาเริงร่าอีกครั้ง
"พ่อของเธอทิ้งเธอไปแล้ว เขาไม่มีทางกลับมา"
"ไม่หรอก พ่อไม่มีทางทิ้งฉันไว้คนเดียว พ่อรักฉันมากที่สุด และฉันก็รักพ่อมากที่สุด"
"พ่อของเธอทิ้งเธอไปแล้ว เขาไม่รักเธออีกต่อไปเพราะเธอชอบทำตัวน่าเบื่อ น่ารำคาญ เขาทิ้งเธอไปเพื่อที่จะได้เจอกับคนอื่นที่ดีกว่าเธอ"
"ไม่จริง เธอโกหก"
"ฉันไม่เคยโกหกเธอ เพราะฉันและเธอเราเกิดมาพร้อมกัน เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้"
"เธอโกหก" เด็กหญิงความสุขตะโกนใส่เด็กหญิงความทุกข์ ดวงตาที่เคยสดใสดั่งพระอาทิตย์ ตอนนี้หมองเศร้า น้ำหยดน้อยๆไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ไหลไปตามแก้มและหยดลงบนมือของเด็กหญิงความสุข ฝาแฝดของเธอยังคงยืนอยู่ด้านหลังด้วยแววตาดำสนิท
..............................................................................
ดวงอาทิตย์หมุนวนกับดวงจันทร์นับหลายสิบครั้ง เด็กหญิงความสุขยังคงนั่งอยู่บนชิงช้าที่ไม่เคลื่อนไหว และเด็กหญิงความทุกข์ยังคงยืนอยู่ด้านหลังชิช้าด้วยแววตาไร้อารมณ์
"เด็กหญิงความทุกข์ ช่วยโยกชิงช้าให้ฉันหน่อยสิ ฉันไม่มีแรงที่จะโยกมันแล้วล่ะ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน" เด็กหญิงความสุขพูดด้วยน้ำเสียงอิดโรย คราบน้ำตาติดอยู่ที่แก้มคอยเตือนใจว่าพ่อไม่มีวันกลับมา
เด็กหญิงความทุกข์นิ่งเงียบ
"ขอร้องล่ะ ช่วยฉันทีนะเด็กหญิงความทุกข์ ฉันไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไปแล้ว"
"ฉันไม่สามารถช่วยเธอได้หรอกเด็กหญิงความสุข นอกจากตัวของเธอเอง ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นฝาแฝดของเธอ แต่ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดร่างกายหรือจิตใจของเธอเลย"
ความเงียบเดินทางเข้าปกคลุมเด็กหญิงทั้งสองและชิงช้า เด็กหญิงความสุขได้แต่ก้มมองพื้นดิน น้ำตาได้เหือดหายจากร่างกายจนหมดสิ้น ถึงแม้อยากร้องไห้เท่าใดน้ำตาก็คงไม่ไหลออกมาดังเดิม หลงเหลือไว้แต่ความรู้สึกหดหู่ที่ยากจะลืมเลือน
ลมหนาวค่อยๆโบกพัดผ่านปลายผมของเด็กหญิงทั้งสอง กระโปรงของเด็กหญิงความทุกข์ปลิวสยาย แรงลมปะทะเข้ากับตัวของเด็กหญิงความสุข ความเย็นแทรกซึมเสื้อผ้าและผิวหนังผ่านเข้าไปในหัวใจของเด็กหญิงตัวเล็ก ลมหนาวโชยผ่านย้ำเตือนความจำว่าพ่อจากไปนานเท่าใด สิ่งที่เด็กหญิงความสุขจำได้คือสายลมร้อนและประโยคสุดท้ายที่พ่อพูดคือ "พ่อจะกลับมา ในวันที่ลูกเข้มแข็ง"
ลมหนาวพัดแรงขึ้นเรื่องๆ เกิดเป็นแรงปะทะเข้ากับร่างกายของเด็กหญิงความสุข มันค่อยๆโล้ไปข้างหลัง แล้วมันก็ค่อยๆโล้กลับมาข้างหน้า เด็กหญิงตัวเล็กตกใจ เธอกำสายชิงช้าไว้แน่น ชิงช้ายังคงเคลื่อนไหวเชื่องช้าตามแรงลม แต่มันได้นำรอยยิ้มกลับคืนสู่เด็กหญิงความสุขอีกครั้ง "เด็กหญิงความทุกข์ ดูสิชิงช้าเรื่องเคลื่อนไหวแล้ว" เด็กหญิงความสุขพูดด้วยความตื่นเต้น
"เมื่อลมหยุดพัด ชิงช้าก็จะหยุดเคลื่อนไหว และวันหนึ่งชิงช้าก็จะจากเธอไปเหมือนพ่อของเธอ สุดท้ายเธอจะเหลือแต่ฉันเพียงคนเดียว" เด็กหญิงความทุกข์พูดด้วยเสียงราบเรียบ แต่เยือกเย็น
เด็กหญิงความสุขเงียบ ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ทุกครั้งที่อยู่บนชิงช้า เด็กหญิงความสุขไม่เคยให้ชิงช้าเคลื่อนไหวไปเองตามธรรมชาติ นอกจากเธอจะหยุดมันไว้หรือโยกมันให้เร็วตามความปราถนาของเธอ ในวันนี้เด็กหญิงความสุขไม่มีคนค่อยโยกชิงช้าให้ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะโยกชิงช้าเอง แต่ชิงช้ากลับเคลื่อนไหวไปเองของมัน
เด็กหญิงความสุขมองเห็นก่อนหินบนพื้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยเห็นมาก่อน
เด็กหญิงความสุขมองเห็นต้นหญ้าข้างเสาชิงช้าขึ้นเขียวเป็นหย่อมๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเธอเองไม่เคยสังเกตเห็น
เด็กหญิงความสุขมองเห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆอ้อยอิ่งอยู่บนหัว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเห็นเพียงภาพวูบวาบแป๊บเดียวเพราะความเร็วของชิงช้า
รอยยิ้มแห่งความสุขกลับมาอีกครั้ง คราบน้ำตาจางหายไปเมื่อแสงแดดอุ่นส่องลงมายังชิงช้าและเด็กหญิงทั้งสอง
เด็กหญิงความสุขปล่อยให้ชิงช้าเคลื่อนไหวตามแต่ใจของมัน และเธอก็นั่งอยู่บนนั้น เธอมีความสุขไม่ต่างจากการโล้ชิงช้าด้วยความเร็วและแรง
"เด็กหญิงความทุกข์ ขึ้นมานั่งชิงช้าด้วยกันสิ" เด็กหญิงความสุขเอ่ยปากชวนเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"สักวัน ชิงช้าจะทิ้งเธอไป" เด็กหญิงความทุกข์ย้ายมานั่งชิงช้าข้างเด็กหญิงความสุข ขณะที่เด็กหญิงความทุกข์นั่งลงนั้นได้เกิดแรงสั่นสะเทือนทำให้ชิงช้าเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นนิดหน่อยจนกลายเป็นความเร็วที่พอเหมาะสำหรับเด็กทั้งสอง
"หากวันใดชิงช้าทิ้งฉันไปจริงๆ ฉันก็จะไม่รั้งชิงช้าไว้ ฉันยังมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับชิงช้ามากมาย ถึงแม้ชิงช้าจะไม่อยู่กับฉัน แต่ฉันก็ยังมีความสุข เช่นเดียวกันกับพ่อของฉัน" เด็กหญิงความสุขหันมายิ้มให้กับเพื่อนฝาแฝด
************ ชิงช้ายังคงเคลื่อนไหวไปมาอยู่เช่นนั้นไม่มีวันหยุด ตราบใดที่เด็กหญิงทั้งสองยังคงนั่งชิงช้าคู่กันไป ***************
เสียงเพลงคุ้นหูดังแว่วมาแต่ไกล เด็กหญิงความสุขยิ้มร่า
..............................................................................
* วันที่มีเมฆลอย เด็กน้อยและชิงช้าคู่ มีพ่อค่อยเฝ้าดู เด็กหญิงวิ่งตามทาง มีน้ำตาหน้าเธอ มีใครคอยเพื้อเรียกหา มีความทุกข์ขึ้นมา ต่อมาจึงมีความสุข*
..............................................................................
"เธอได้ยินเสียงได้ยินเสียงเพลงมั๊ย พ่อกำลังจะกลับมา!"
แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 53 00:53:11
จากคุณ |
:
อศิธารา
|
เขียนเมื่อ |
:
29 เม.ย. 53 00:51:46
|
|
|
|