Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
** ดาวดินสิ้นฟ้า สาละวิน ** บทที่ 5  

องก์ที่ ๑ บทที่ ๕ Chapter 5

"เอาล่ะ ขอบใจมากนะที่ยังมีน้ำใจมาส่งน้องตาดำๆ คนนี้ หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงนะ รับรอง ปลอดภัยกลับมาครบสามสิบสองแน่นอน"

เสียงสันสกฤตหันมาให้คำมั่นกับคนเป็นแฝดพี่ ซึ่งอุตส่าห์มาร่ำลาส่งเจ้าตัวถึงตึกคณะในมหาวิทยาลัย เนื่องเพราะวันนี้คือวันเดินทางของสันสกฤตที่จะไปยังเขตแดนรัฐฉานประเทศพม่าแล้ว โดยที่การเดินทางจะเริ่มต้นจากการรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยก่อนในตอนเย็น และมีแผนจะไปแวะเที่ยวค้างคืนที่เมืองท่าชายแดนก่อน แล้วจากจุดนั้นจึงจะออกเดินทางมุ่งไปยังตองยี เมืองเอกของรัฐฉานในเช้าวัดถัดไป

"ฮื่อ จะกลับแล้วนี่ละ มาส่งให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย ไม่งั้นพ่อกับแม่คงเอาตาย.. นี่คิดหนักเหมือนกันนะที่เธอไปไม่บอกเค้าเนี่ย ชั้นต้องโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วยแน่ๆเลย"
ปาลีตอบรับขณะยืนพิงประตูรถด้านคนขับ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอร่วมมือกับสันสกฤตปกปิดเรื่องการเดินทางของอีกฝ่ายจากพ่อและแม่ ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่า.. การเดินทางครั้งนี้ของแฝดน้องจะเป็นไปด้วยดีไม่มีภยันตรายใดๆ

"เอาน่า ขอความร่วมมือหน่อย ขืนบอก เดี๋ยวทั้งพ่อและแม่ก็ไม่ให้ไปกันพอดี ไม่ต้องบอกน่ะดีแล้ว เดี๋ยวกลับมาค่อยรายงาน เราก็โตขนาดเรียนโทแล้ว..ไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อยจะต้องห่วงทุกฝีก้าว"

ปาลีพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก สันสกฤตน่ะเฮี้ยวเอาเรื่องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนที่จู่ๆ เจ้าตัวก็แบกเป้สะพายเที่ยวตะลอนโดยไม่บอกใครก่อนก็ทำเอาคนเป็นพ่อแทบลมจับมาแล้ว เพราะติดต่อลูกสาวที่หอพักไม่ได้อยู่หลายวัน พอสันสกฤตกลับมา ก็รายงานคนเป็นพ่อเสียงใสว่า

'ก็หนูไปเที่ยวมา'

'แกไปไหนมาล่ะฮึ' คุณกำจรถามเสียงมุ่น มีเรื่องมาป่วนประจำเจ้าลูกคนนี้.. เพราะมันอยู่ห่างไกลจึงต้องห่วงเป็นพิเศษนั่นเอง

'ไปแม่สาย แล้วก็ข้ามไปพม่า แล้วก็กลับแม่สาย แล้วค่อยกลับมาที่ห้องเนี่ยพ่อ'

'แกรู้มั้ย พ่อติดต่อแกไม่ได้เป็นวันๆ นึกว่าใครมันจะลักพาตัวแกไปไหนต่อไหนแล้ว'

'โอ้ย พ่อก็วิตกจริต ใครมันจะมาคิดลักพาตัวลูกข้าราชการล่ะพ่อ เงินค่าไถ่เป็นถุงถังพ่อก็ไม่มีเสียหน่อย พ่อไม่ได้มีดาวเทียมเป็นกิจการของตัวเองนะเออ' ลูกสาวคนเล็กอารมณ์ดีพอจะแหย่รังแตน

'ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำเลยนะเจ้าซี คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีก แล้วก็เป็นคนมีเครื่องมือสื่อสารได้แล้ว เข้าใจมั้ย'

นับแต่นั้นมา สันสกฤตก็ถูกคนเป็นพ่อยัดเยียดให้พกโทรศัพท์มือถือจนได้ หลังจากยื้อยุดเอาไว้อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายสันสกฤตก็ยอมพกวัตถุพูดได้ติดสอยห้อยตามเหมือนคนอื่นเขาสักที

"งั้นชั้นไปก่อนนะ เตรียมทำรีพอร์ตของตัวเองส่งออฟฟิศเหมือนกัน อย่าลืมกลับมาก็โทร.หานะซี" ปาลีไม่วายห่วงคนเป็นน้อง สันสกฤตพึมพำแบบตัดบท ทำให้แฝดคนพี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วจึงหันหลังเดินจากไป

ผู้คนในมหาวิทยาลัยยังคงมากหน้าหลายตา ปาลีเดินผ่านคนวัยหนุ่มสาวแล้วอดคิดถึงวันเก่าๆ ที่ยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพไม่ได้ สถานศึกษาของสันสกฤตยังคงมีมนต์ขลังแบบเมืองเหนือที่ต่างไปจากที่ที่เธอเคยร่ำเรียนมา เพียงแค่ว่ามันไม่ใช่ที่ทางของเธอ และไม่มีใครรู้จักมักจี่แค่นั้นเอง ทว่า..ที่ทางลงหน้าตึกคณะปาลีก็พบคนรู้จักอย่างบังเอิญเข้าจนได้

แสงฉานยืนคุยอยู่กับบุรุษสูงวัยผิวเข้มจัดคนหนึ่ง ท่าทีการสนทนาบอกว่ามีความสนิทสนมกับความนับถือเจือปนอยู่เท่าๆกัน ปาลีชะงักเพราะรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ ทว่าฝ่ายนั้นก็หันมาเห็นเธอก่อนจนได้

"ปาลี.. นั่นคุณใช่ไหม?" เขาทักแบบมั่นใจอยู่ในที ซึ่งก็นับว่าเก่ง "มาทำอะไรที่นี่ครับ หรือว่ามาส่งสันสกฤต?"

เมื่อโดนทักอยู่รำไรเยี่ยงนี้ ปาลีจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะก้าวเข้ามาสนทนากับอีกฝ่าย
"มาส่งสันสกฤตค่ะ เขากำลังจะเดินทางไปพม่า เป็นห่วงก็เลยมาส่งด้วยตัวเอง" ปาลียิ้มให้ทั้งคู่ บุรุษสูงวัยกว่ามองเธออย่างฉงนก่อนอุทานออกมาว่า

"อ้าว คุณไม่ใช่สันสกฤตหรอกหรือ?" เสียงถามเป็นภาษาไทยช้าๆ บ่งบอกชัดว่าเจ้าตัวมิใช่เจ้าของภาษา

"เปล่าครับ อาจารย์มะหลาวิน" แสงฉานถือโอกาสตอบคำถามแทนปาลีซึ่งยังทำหน้างง "เธอเป็นพี่สาวฝาแฝดสันสกฤตครับ ชื่อปาลี แต่คงจะหน้าเหมือนกันจนใครๆ ก็ทักผิด ปาลี..นี่คืออาจารย์มะหลาวิน เป็นอาจารย์สอนภาษาพม่าให้น้องสาวคุณ"

คำอธิบายนั้นทำให้เธอถึงบางอ้อ ถึงว่าสิ สันสกฤตเคยพ่นภาษาพม่าแบบงูๆ ปลาๆ ให้เธอฟังเป็นการโอ้อวดเหมือนกันว่าตัวเองไปลงเรียนภาษาพม่าเอาไว้ด้วย

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อาจารย์มะหลาวิน ฉันชื่อปาลี พี่สาวฝาแฝดของสันสกฤตน่ะค่ะ แต่หวังว่า..ฉันคงไม่เหมือนกับสันสกฤตขนาดนั้นนะคะ"

ท่านอาจารย์ชาวพม่ายิ้มอ่อนโยนเป็นการตอบกลับ "เหมือนสิ มากเสียด้วย แปลกจริงไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกศิษย์ผมคนนี้มีคู่แฝดด้วย ถ้าอาจารย์แสงฉานไม่บอก ผมก็คงเข้าใจผิดว่าคุณเป็นสันสกฤตแน่ๆ เลย เมื่อกี้เกือบเรียกคุณว่าสันสกฤตแล้วนะ"

"ก็เคยมีคนเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ" ปาลีเอ่ยรับลอยๆ แต่ทำเอาแสงฉานหน้ากระตุกเหมือนโดนแซวซึ่งๆ หน้า

"เสียดาย ผมคงต้องกลับแล้ว" ผู้สูงวัยเอ่ยยิ้มๆ อย่างจะขอตัว "ได้ยินว่าสันสกฤตจะไปพม่าวันนี้ ผมก็หวังว่าน้องคุณจะเดินทางปลอดภัย ขอตัวก่อนนะอาจารย์แสงฉาน คุณปาลี หวังว่าคราวหน้าจะพบกันใหม่"

ปาลียกมือไหว้เป็นการอำลาอีกรอบขณะที่แสงฉานก็ค้อมศีรษะพร้อมยกมือไหว้ให้เป็นการแสดงความเคารพตามอาวุโส

"เขาเป็นคนพม่าแท้หรือคะ?" พอลับหลัง ปาลีก็ถามแสงฉานอย่างใคร่รู้ เพราะอาจารย์ผู้นั้นค่อนไปทางคล้ำเมื่อเทียบกับคนที่ดวงหน้ามีน้ำมีนวลอย่างคนตรงหน้าเธอ

"ท่านเป็นพม่าแท้ มาจากมหาวิทยาลัยในพม่าเขาถึงได้เป็นคนสอนภาษาพม่าให้น้องคุณไง"

"ดูเป็นคนใจดีนะคะ แล้ว..คุณรู้จักเขาด้วยหรือคะ?" เธอยิงคำถามที่นึกฉงน เพราะในสายตาเธอแล้วเชื้อชาติไทยใหญ่กับพม่าน่าจะมีอะไรบาดหมางคลางใจกันอยู่

"รู้จักสิ ก็เขาเป็นอาจารย์ที่ผมนับถือในความสามารถเขานี่นา เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ไม่แปลกหรอกที่ผมจะนับถือเขา" เขามองมาที่เธอก่อนจะขยายความว่า "คุณอาจคิดว่าผมเป็นไทยใหญ่ น่าจะไม่ถูกกับคนพม่า แต่ความจริงก็คือ ผมแยกแยะได้ว่าใครเป็นผู้มีอำนาจ ใครเป็นพลเรือนธรรมดา ชาวพม่าหลายคนเองก็มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจึงถูกรัฐบาลทหารตอบโต้อย่างรุนแรง ไม่ต่างกับที่เขาทำกับชนกลุ่มน้อย ผมจึงมองคนเหล่านั้นอย่างปัจเจก มากกว่าจะมองรวมๆ ว่าเขาเป็นพม่า"

"คุณรู้ภาษาพม่าด้วยรึเปล่าคะ?" ปาลีฉุกถามบ้าง เพราะเท่าที่เธอเริ่มทราบมา ภาษาพม่าและภาษาชนกลุ่มน้อยนั้นมีความแผกกันไม่น้อย สันสกฤตเองก็เคยบอกว่าลงเรียนเฉพาะภาษาพม่า แต่ไม่ได้เรียนไทยใหญ่ เพราะน้องฝาแฝดเธอบอกว่าภาษาไทยใหญ่คล้ายภาษาทางเหนืออยู่พอประมาณ

"ก็ต้องรู้ พม่าเป็นเป็นชาติที่ปกครองประเทศและปกครองชนกลุ่มน้อย เราก็ต้องใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ ในรัฐฉานนั้น การสอนภาษาไทยใหญ่เคยเป็นสิ่งต้องห้าม แต่พอระยะหลังมานี้เราก็พยายามสอนภาษาไทยใหญ่ให้เด็กรุ่นใหม่เราผ่านช่องทางที่ไม่ใช่โรงเรียนของรัฐบาล"

"อ้อ เป็นการสั่งห้ามจากรัฐบาลไม่ให้คนกลุ่มน้อยเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองสิคะ" ปาลีรำพันอย่างเริ่มจะเห็นใจอีกฝ่ายอยู่บ้าง หลังมึนตึงกันมาพักหนึ่งเพราะเขาชอบวางมาดใส่เธอก่อน

"เรียกอย่างนั้นก็ได้ ไม่ค่อยมีใครรับรู้หรอกว่าหลายครั้ง เราก็เป็นฝ่ายถูกกระทำจากรัฐบาล" เสียงคนเล่าเหมือนสายน้ำที่ไหลไปสู่ความว่างเปล่า คงขุ่นแค้น...แต่ไม่อาจตอบโต้อะไรได้

"คุณจะกลับรึยังคะ?" ปาลีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

"อ้อ ครับ เสร็จธุระพอดี " เขาพยักหน้ารับ "และหวังว่าคงไม่มีใครเรียกผมอีก"

"งั้นก็ดีค่ะ เพราะฉันกำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน" ปาลีรับเมื่อทุกสิ่งเข้าล็อค คิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยแบบยังไงเสียก็ต้องมีมารยาท "งั้น..เรากลับพร้อมกันก็ได้นะคะ"

"คุณไม่มีธุระที่ไหนหรือ?" แสงฉานชะงักนิดหนึ่งด้วยท่าทีเกรงใจ

"ไม่มีค่ะ แล้วก็..ไม่รบกวนหรอก" หญิงสาวพยักหน้าอย่างมั่นใจ เอาเหอะ..บ้านก็บริเวณเดียวกัน เล่นถามตามมารยาทมาแต่ต้นก็ต้องเล่นให้จบล่ะ "ไม่เคยได้ยินเหรอคะ คนไทยใจดี คุณเองก็ไทยใหญ่ ตระกูลไทเหมือนกัน เราก็กลับบ้านทางเดียวกัน ไม่เห็นจะแปลกเลย ไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนไร้น้ำใจซะด้วย"

คำอธิบายสุดท้ายทำให้คนฟังแอบยิ้มอยู่เหมือนกัน แล้วหญิงสาวก็เดินนำเขาไปที่รถของตนที่หน้าคณะ โชคดีอยู่บ้างที่เธอเพิ่งจัดเก็บรถส่วนตัวไปเมื่อวันก่อนนี่เอง สภาพรถจึงไม่รกรุงรังเกินไปที่จะให้คนนอกอย่างแสงฉานได้มาร่วมทาง ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้ว่าคนที่ภายนอก ‘เหมือนจะ’ เรียบร้อยอย่างเธอน่ะก็ทำรถให้รกได้เหมือนกัน

"วันนี้คุณเก่งนะคะ คุณรู้ด้วยว่าฉันคือปาลี" หญิงสาวออกปากกับเขาเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาบนรถเรียบร้อย คนที่เคยเจอเธอและสันสกฤตเพียงไม่กี่ครั้งแล้วสามารถแยกแยะได้นั้นมีนับคนได้

"ไม่หรอก ผมแน่ใจว่าเป็นคุณเพราะว่าถ้าสันสกฤตเดินมาเจอผม เขาคงโบกมือให้ผมมาแต่ไกลแล้วล่ะ แต่เห็นคุณเฉยๆ ผมก็รู้ทันทีเลยว่าต้องเป็นคุณแน่" เขาเฉลยแบบง่ายๆ

ฉลาดเหมือนกันนะนายคนนี้.. ปาลีคิดในใจ ไม่ต้องจำหน้า แต่จำนิสัยเอาก็ได้แฮะ

"สันสกฤตเป็นเด็กดีมั้ยคะ ตอนที่คุณสอนเขาน่ะ" เธอนึกถามเรื่อยเปื่อย อย่างน้อยตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยวางมาดนิ่งน่าหมั่นไส้เท่าไหร่แล้ว

"ก็.. เป็นคนร่าเริงดี แล้วก็ขยันเรียนนะ เขาจะมีมุมมองโลกในแบบของเขา ไม่ใช่คนยึดติดกับตำรา สมแล้วล่ะที่เขาเรียนปริญญาโท"

"ฉันก็คิดอย่างนั้นล่ะค่ะ"

"แล้วคุณล่ะ?" แสงฉานถามอย่างสนใจ "ดูเหมือนคุณจะทำงานแล้ว และไม่ได้เรียนต่อแบบน้องสาวใช่ไหม"

"ฉันยังขอทำงานก่อนค่ะ" ปาลีตอบไม่ลังเล "ฉันคิดว่ามันคงจะหนักมากถ้าทั้งเรียนและทำงาน อีกอย่าง..งานฉันมันไม่ค่อยอยู่กับที่ ถ้าฉันรู้สึกว่าอะไรเข้าที่เข้าทางกว่านี้ ก็อาจจะเรียนก็ได้ ฉันไม่อยากเรียนโทแบบเรียนอะไรก็ได้ให้มันง่ายๆ แล้วจบมาก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากกว่าคนจบตรีเท่าไหร่ สมัยนี้คนเห่อเรียนโทกันเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคุณภาพ"

แสงฉานหัวเราะหึๆ ในลำคอ "ถ้าได้เรียน คุณอยากเรียนด้านไหน?"

"International Development" ปาลีตอบรวดเร็ว "แต่หายากค่ะ ไม่ค่อยมีสอนในไทย แต่มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับงานของฉัน แต่เอาเข้าจริงๆ องค์กรที่ทำงานแนวนี้เค้าไม่เน้นใบปริญญาหรอกค่ะ มีตั้งหลายคนที่จบโทมาก็จริง แต่ก็ต้องมานับหนึ่งใหม่เป็นลูกน้องคนจบตรีที่ประสบการณ์สูงกว่าอยู่ดี"

"ถ้าอย่างนั้นคุณอาจต้องไปเมืองนอกแล้วล่ะ ที่แน่ๆ ผมว่าที่อังกฤษน่าจะมีสอนนะ วิชาด้านการพัฒนาระหว่างประเทศเริ่มเป็นที่รู้จักในหลายประเทศแล้ว" คนนั่งข้างเธอตอบ ก่อนขึ้นเรื่องใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเดิมแม้แต่น้อย "เดี๋ยวพอคุณลงสะพาน เลี้ยวซ้าย จะมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง แวะกินกันหน่อยไหม"

"หิวเหรอคะ?" คนบังคับพวงมาลัยถามฉงน เพราะนึกว่าเขาจะรีบกลับไปทานอาหารเย็นกับคุณป้าเครือเรือน

"อยากเลี้ยงตอบแทนคุณ" คำตอบตรงๆ ของเขาทำเอาปาลีอึ้งไปเล็กน้อย "ผมถูกสอนมาให้รู้จักบุญคุณคนน่ะ แล้วก็..ร้านนี้เป็นเจ้าประจำผมตอนเรียนเองล่ะ ผมอยากทานมานานแล้ว ก็เลย..ขอถือโอกาสเลี้ยงคุณด้วยก็แล้วกัน"

"อ๋อ..ก็ได้ค่ะ" เหตุผลเขามาง่าย เธอก็ยอมรับง่ายๆ เหมือนกัน ความจริงก็ดีเหมือนกันนะ อิ่มจังตังค์อยู่ครบเนี่ย

จากคุณ : ณ พิชา
เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 21:48:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com