Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพื่อนใหม่ของลูกสาว  

เช้านี้อากาศแจ่มใส แม้จะเป็นหนึ่งเช้าในเดือนมีนาคมซึ่งเป็นฤดูร้อน  แต่ยามเช้าที่แดดเริ่มทอแสงอ่อนๆ ไม่ว่าฤดูไหนก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งของวันที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเสมอ  ฉันจึงรู้สึกเสียดายหากไม่ได้ตื่นเพื่อออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าน

วันนี้ก็เช่นกัน เช้าวันอาทิตย์ที่สดใส  หลังจากล้างหน้าล้างตา ฉันก็หิ้วตะกร้าออกไปจ่ายตลาดที่อยู่ซอยถัดไป

อาหารเช้าวันนี้ตั้งใจจะทำไข่ยัดไส้ให้คุณสามี และแกงจืดเต้าหู้หมูสับของโปรดน้องแจน ลูกสาวสุดที่รักวัยแปดขวบ  พอได้วัตถุดิบมาครบ ฉันก็เดินกลับบ้านอย่างไม่รีบเร่งนัก เพราะอีกนานกว่าจะได้เวลาตื่นของเจ้านายทั้งสอง

เกือบจะถึงบ้าน  ฉันเห็นรถกระบะที่ขนของมาเต็มหลังรถจอดอยู่หน้าบ้านที่ติดกับบ้านของฉัน  อ้าว...มีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่แล้วหรือนี่

หญิงสาวร่างบอบบางยืนเคียงข้างเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งหน้าประตูรั้วบ้าน  ขณะที่ผู้ชายสองสามคน น่าจะถูกจ้างมาให้ขนย้าย กำลังทยอยย้ายข้าวของที่อยู่หลังกระบะเข้าไปในบ้าน  พอสบตากับหญิงสาวร่างบางนั้น ฉันก็รี่เข้าไปทักทาย

“สวัสดีค่ะ ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เหรอคะ”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มรับ แต่ก็ดูระแวดระวังในที คงเพราะรู้สึกแปลกหน้าและไม่คุ้นเคย

“ฉัน อรค่ะ อยู่บ้านข้างๆนี่เอง มีอะไรเรียกได้นะคะ”

“เอ้อ...ฉัน แก้วค่ะ  ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวผู้เป็นแม่แนะนำตัว และหันไปทางเด็กหญิงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ “นี่ลูกสาวฉันค่ะ  น้องนุ่น สวัสดีคุณน้าสิลูก”

น้องนุ่นยกมือไหว้ฉันอย่างว่าง่าย แต่ท่าทางแกดูเงียบจัง  ท่าจะรุ่นๆน้องแจน แต่ดูขรึมเกินวัยมาก แววตาดูหม่นหมอง สีหน้าก็เรียบเฉยไม่แสดงออกซึ่งอารมณ์ใดๆ

“สวัสดีค่ะน้องนุ่น  น้าก็มีลูกสาวรุ่นเดียวกับหนูนี่แหละ ว่างๆก็ไปเล่นที่บ้านน้าก็ได้นะคะ  แถวนี้มีแต่ผู้ใหญ่กับคนแก่ มีเพื่อนเล่นรุ่นเดียวกันจะได้ไม่เหงา” ฉันพูดเชิญชวนเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู

ฉันมองหาผู้ชายสักคนที่น่าจะเป็นสามี แต่ก็ไม่เจอ จึงถามออกไปไม่ทันยั้งคิดอะไร

“คุณสามีล่ะคะ”

คุณแก้วหน้าสลดลงน้อยหนึ่ง “ฉันอยู่กับลูกแค่สองคนค่ะ”

ฉันอยากตบปากตัวเองจริงๆ นึกเสียใจที่ถามออกไปอย่างนั้น ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆแล้วกล่าวขอโทษ

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปดูเขาขนของเรียบร้อยดีหรือเปล่า”

คุณแก้วขอปลีกตัวเข้าบ้าน หรืออีกนัยหนึ่ง เธออาจไม่อยากสมาคมกับฉันนัก เลยเผ่นก่อนดีกว่า

การสนทนาครั้งแรกกับเพื่อนบ้านคนใหม่ จึงจบลงเพียงเท่านี้


กลิ่นอาหารเช้าหอมไปทั่วบ้าน  คุณสามีและน้องแจนจึงได้ลุกจากที่นอน ลอยตามกลิ่นลงมาได้

“หอมจังเลย” น้องแจน ลูกสาววัยแปดขวบเข้ามากอดเอวจากด้านหลัง ทั้งๆที่ผมยาวยังกระเซิง ขี้ตาเต็มตา

“ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนเลยค่ะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

“คร้าบผม!” สองพ่อลูกรับคำพร้อมกัน แล้วออกไปจากครัวอย่างว่าง่าย

เห็นอย่างนี้แล้ว คุณคงคิดว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุขใช่ไหม  แน่นอน คุณคิดถูก  ครอบครัวของเราแทบจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวในอุดมคติเลยก็ว่าได้  บ้านกว้างขวางน่าอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งแวดล้อมในละแวกบ้านก็ดีเยี่ยม  ฉันเป็นแม่บ้านที่พร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆ  สามีหรือก็มีหน้าที่การงานดี ฐานะมั่นคง แถมยังรักครอบครัว  ส่วนน้องแจนก็เป็นเด็กดี สุขภาพแข็งแรง เรียนหนังสือเก่ง

มันเป็นครอบครัวในฝันของใครหลายๆคนเลยล่ะ



นับจากวันแรกที่คุณแก้วกับน้องนุ่นย้ายเข้ามาอยู่ใหม่  น้องแจนก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน  เกือบทุกวันที่เด็กหญิงร่างเล็ก นัยน์ตาเศร้า จะเข้ามาขลุกเล่นกับน้องแจนในบ้านของฉัน  ด้วยตอนนี้เป็ฯช่วงปิดเทอม คุณแก้วเองต้องออกไปทำงาน ไม่มีใครดูแลน้องนุ่น  ที่สำคัญ เด็กสองคนนี้เข้ากันได้ดี สนิทกันอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วในคืนวันหนึ่ง ที่ฉันเริ่มจะได้รับรู้ความผิดปกติของน้องนุ่น

คืนนั้น ฉันเข้ามาคุยกับน้องแจนก่อนนอนเป็นปกติ และจบลงด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการราตรีสวัสดิ์  ขณะจะเอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟห้อง  น้องแจนก็เรียกฉันด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนัก

“คุณแม่ขา...”

“ว่าไงคะ” พอหันไปสบตา ก็รู้ว่าน้องแจนยังอยากคุยกับฉันต่อ  และเรื่องนี้ก็คงรบกวนจิตใจลูกสาวของฉันน่าดู  ฉันจึงมานั่งลงข้างเตียง

“เมื่อคืน ที่นุ่นมานอนกับหนู  นุ่นด่าหนูว่าอีสัตว์”

“ว้าย! ทำไมหนูพูดอย่างนั้น” ฉันเผลออุทานเสียงแหลมด้วยความตกใจ

“หนูไม่ได้พูดนะคะ นุ่นเขาไม่ยอมให้หนูปิดไฟ เพราะเขาอยากเล่นต่อ  แต่มันสี่ทุ่มแล้ว  เขาเลยด่าหนู อี:-) อีสัตว์”

“หนูอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินอีกนะ  มันเป็นคำหยาบ ไม่ดี รู้ไหมคะ”

“นุ่นบอกว่า คุณน้าแก้วด่าเขาแบบนี้ทุกวัน ไม่เห็นมีใครว่าเลย  บางทีก็เรียกกรูมรึงด้วย”

เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับฉันจริงๆ  ฉันไม่เคยนึกเลยว่าผู้หญิงท่าทางบอบบางอ่อนโยนแบบนั้นจะด่าว่าใครแรงๆได้ แล้วยิ่งกับเด็กหญิงตัวเล็กๆที่เป็นลูกสาวตัวเอง  กับน้องแจนเอง แม้บางครั้งฉันจะโกรธแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยหลุดคำพวกนี้ออกมาเลย ด้วยอยากให้น้องแจนมีแบบอย่างที่ดีที่สุด

ฉันคิดมาตลอดว่า คนเป็นแม่ไม่ว่าจะใครก็คงเหมือนกัน

“ต่อไป ถ้าน้องนุ่นพูดคำหยาบอีก น้องแจนต้องห้ามเขานะลูก”

หลังจากคืนนั้น ก็ไม่มีเรื่องราวทำนองนี้จากปากของน้องแจนอีก  ฉันก็นึกเอาเองว่าเด็กๆคงจะเตือนกันเองแล้ว และน้องนุ่นก็คงรู้ผิดรู้ถูก ไม่กล้าพูดคำหยาบอีก



วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่น้องนุ่นมาขลุกเล่นกับน้องแจนตั้งแต่ตอนสาย  หลังทานข้าวกลางวัน เด็กทั้งสองก็ดูการ์ตูนในช่องเคเบิ้ลจนจบ  ก็พากันขึ้นไปเล่นตุ๊กตาบาร์บี้บนห้องนอนของน้องแจนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ และมีของเล่นเยอะกว่าห้องรับแขกชั้นล่าง

ฉันทำงานบ้านเพลิน เหลือบมองนาฬิกาอีกทีก็บ่ายสองโมงกว่า  ได้เวลาของว่างสำหรับเด็กๆแล้ว  ฉันเตรียมนมสดสองแก้วกับแซนด์วิชชิ้นเล็กๆสองชิ้น ใส่ถาดยกขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

ประตูห้องนอนของน้องแจนเปิดแง้มอยู่ ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศลอยออกมาข้างนอก  ฉันนึกตำหนิความไม่เรียบร้อยของลูกสาว  เดี๋ยวน้องนุ่นกลับบ้านแล้ว ต้องอบรมกันหน่อย

กำลังจะผลักประตูเข้าไป เสียงน้องนุ่นก็ลอดออกมา ฉันชะงักมือค้าง

“พ่อตัวไม่เคยทำแบบนี้กับตัวเลยเหรอ”

“แบบไหนล่ะ”

“แบบนี้ไง” คำพูดของน้องนุ่นทำให้ฉันต้องพยายามมองลอดเข้าไปข้างใน

แล้วฉันก็ได้เห็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันคาดคิด  น้องนุ่นจับตุ๊กตาบาร์บี้ชายหญิงที่ร่างของมันเปลือยเปล่าหันประกบกันเลียนแบบท่าร่วมเพศของผู้ใหญ่

“ตัวเคยโดนเหรอ” น้องนุ่นพยักหน้า “เป็นยังไงบ้างล่ะ

“เจ็บมาก เจ็บที่สุดเลย เจ็บยิ่งกว่าโดนมีดบาดนิ้วอีก” เด็กทั้งสองนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง “พ่อทำแบบนี้กับเค้าหลายครั้ง จนแม่รู้ เค้าก็ไม่เคยเจอพ่ออีกเลย”

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ฉันรู้สึกสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเด็กหญิงตัวน้อยจากคำพูดนั้น  ความสะเทือนใจแล่นขึ้นมาจุกอก มือไม้อ่อนแรงจนต้องบังคับตัวเองให้ถือถาดของว่างไว้ให้มั่น



“น้องแจน ต่อไปอย่าไปเล่นกับน้องนุ่นอีกนะ” ฉันพูดกับน้องแจนทันทีที่น้องนุ่นกลับบ้านตัวเองไปแล้ว

เด็กหญิงเบิกตาโต ด้วยนึกไม่ถึงว่าอยู่ดีๆก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนซี้

“ทำไมล่ะคะ”

“น้องนุ่นเป็นเด็กไม่ดี แม่กลัวน้องแจนจะเสียคน”

ตอนที่พูดประโยคนี้ ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือเปล่า  แต่เอาเถอะ แม้ว่าน้องนุ่นจะน่าสงสาร แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้โลกที่แสนสวยงามที่ฉันอุตส่าห์บรรจงสร้างสำหรับลูกสาวต้องแปดเปื้อนเพราะเด็กอย่างน้องนุ่น

“นุ่นไม่ดีตรงไหนคะแม่”

“แม่บอกว่าไม่ดีก็ไม่ดีสิ” ฉันเองก็จนปัญญาจะอธิบายให้ลูกสาวตัวแค่นี้เข้าใจ “น้องแจนอย่าดื้อกับแม่นะ นี่ก็ติดน้องนุ่นมาใช่ไหม” ฉันแกล้งดุกลบเกลื่อนคำถามที่ยากจะตอบของน้องแจน

ลูกสาวของฉันไม่ค่อยถูกดุบ่อยครั้งนัก และทุกครั้งที่ฉันดุ ก็เพราะน้องแจนทำความผิด ซึ่งฉันจะอธิบายเหตุผลให้เข้าใจได้เสมอ  แต่ครั้งนี้เด็กหญิงไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร และฉันเองก็อธิบายไม่ได้

น้องแจนก้มหน้านิ่ง พอเห็นว่าน้องแจนไม่ตอบโต้อะไรแล้ว ฉันก็จะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น  แต่แล้วน้องแจนก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงสะอื้น

“นุ่นไม่ดีตรงไหน นุ่นผิดตรงไหนกัน มีแต่คนรังแกเขา คุณแม่ก็รังแกเขา!”

จากคุณ : ใบไม้ปลิว
เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 53 16:13:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com