ความคิดเห็นที่ 1 |
นิยายของนักเขียนหน้าใหม่นี้ยอดเยี่ยมกว่าที่คิด ไม่แปลกใจเลยที่เธอได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ชื่อดัง ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและลีลาการเขียนที่ลื่นไหลทำให้ฉันแทบวางไม่ลง อารมณ์ร่วมที่ยังพอเรียกคืนมาทำให้ฉันเขียนบทวิจารณ์ได้เร็วขึ้น เพียงไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย ฉันกดส่งอีเมล์ให้พี่ที่รู้จักกันซึ่งเป็นบรรณาธิการนิตยสาร ไม่ลืมที่จะพิมพ์ข้อความไปล้อตามนิสัยน้องที่น่ารัก ...ช่วงนี้งานหนักมากมายเลยส่งมาให้ก่อนสองเรื่องรวด ปักษ์หน้าพี่จะได้ไม่ต้องโทร.มาพ่นไฟใส่หนูไงคะ
เดาได้เลยว่าคนรับพออ่านแล้วคงได้บ่นหงุงหงิงกับคำว่าพ่นไฟแน่ ๆ ก็แหม...คนทั้งกองบรรณาธการน่ะรู้ดีทั้งนั้นละว่าบอกอคนสวยของพวกเขาโหดแค่ไหนเวลาตามงาน ลองส่งช้าสิ นางฟ้าก็กลายเป็นซาตานได้เพียงพริบตา
ฉันหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ เมื่อนึกถึงรุ่นพี่สาว ก่อนจะชะงักไปเพราะใครบางคนที่เดินเข้ามาหยุดที่ข้างโต๊ะ
พี่นั่งด้วยคนนะครับ รุ่นพี่แพทย์ประจำบ้านสุดฮ็อตประจำวอร์ดเอ่ยมาอย่างนี้ ใครกันจะกล้าปฏิเสธ
ฉันเอ่ยรับเบา ๆ แล้วจัดการเก็บหนังสือและสมุดใส่กระเป๋า ขณะที่เขานั่งลงที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้าม วันนี้น้องอยู่เวรใช่ไหม
ค่ะ...
โชคดีจัง วันนี้เวรพี่เหมือนกัน เขาบอกแล้วส่งยิ้มให้อย่างน่ามอง
ฉันเอียงคอมองรุ่นพี่ที่นั่งอยู่อย่างประหลาดใจ ได้ยินมามากว่าพี่สุดหล่อคนนี้ถนัดนักเรื่องหว่านเสน่ห์ใส่สาว ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ ด้วยใบหน้าขาวตี๋แบบเกาหลีที่กำลังนิยมนั้น ใครบ้างจะปฏิเสธได้
น่าเสียดายที่ฉันเป็นพวกภูมิต้านทานดีเกิน การได้เจอกับผู้ชายหน้าตาดีบ่อย ๆ ไม่ว่าชายแท้หรือชายเทียม อ้อ...ต้องแถมด้วยว่าไม่ว่ามนุษย์เป็น ๆ หรือพวกวิญญาณ ก็ล้วนสร้างภูมิต้านทานหนุ่มหล่อให้ฉันทั้งนั้น
สายตาแวววาวของเขาไม่ค่อยปิดบังเจตนาสักเท่าไร แต่ในฐานะสุภาพสตรีที่ดี ฉันไม่สามารถจะคิดเองเออเองได้ว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์ การเว้นระยะห่างตั้งแต่ต้นจึงเป็นเรื่องที่สมควรที่สุด
อ้อ...ค่ะ แต่หนูคงต้องขอตัวขึ้นไปที่วอร์ดก่อน ยังเขียนรายงานคนไข้ไม่เสร็จเลยค่ะ ฉันบอกแล้วรีบลุกขึ้นยืน
อย่างนั้นพี่ขึ้นไปด้วยเลยแล้วกัน เขาคว้าถ้วยกาแฟแล้วลุกขึ้นตามทันที สายตาตวัดอย่างรวดเร็วมาที่กระเป๋าสะพายของฉัน ก่อนจะยื่นมือออกมา มา...พี่ช่วยถือ
โดยไม่รอคำตอบ เขาคว้ากระเป๋าฉันไปถือหน้าตาเฉย ขณะที่ฉันได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วเดินตามเขาไปอย่างเบื่อหน่าย
ตอนนี้คงได้แต่ภาวนาว่าจะไม่มีคนรู้จักบังเอิญมาเจอเข้า แต่คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อที่นี่คือโรงพยาบาลที่ทั้งเขาและฉันเรียนอยู่ แถมด้วยชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังพอดู จึงไม่ต้องสงสัยเลยหากจะมีข่าวลือแปลก ๆ ตามมา
ฉันเดินเข้าวอร์ดไปหน้าตาเฉย พยายามไม่ใส่ใจกับสายตาของพี่ ๆ พยาบาลหรือกระทั่งรุ่นพี่ที่นั่งทำงานอยู่บนวอร์ด เสียงเป่าปากจากพี่คนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่เขาส่งกระเป๋าคืนให้ฉัน เฮ้ย...ไหนว่าไปซื้อกาแฟ ทำไมถึงมาพร้อมกับน้องเขาได้วะ
ก็น้องเขานั่งกินกาแฟอยู่ข้างล่าง เลยไปนั่งคุยแล้วขึ้นมาด้วยกัน รุ่นพี่ยังมีน้ำใจพอจะช่วยแก้ข่าวให้ฉัน แต่ที่ทำให้ฉันสะดุ้งโหยงคือพี่ผู้หญิงอีกคนที่หมุนเก้าอี้ออกห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วเตือนเสียงนุ่ม
ถ้าแค่นั้นก็ดี...เพราะแกน่าจะรู้นะว่าน้องเขามีเจ้าของแล้ว
ไม่ต้องรอให้ใครหันมามอง ฉันรีบเปิดประตูหนีออกมาดูคนไข้ด้านนอกทันที อันที่จริงเรื่องที่ฉันคบอยู่กับใครคนนั้นก็ไม่ใช่ความลับ เพราะเขาเป็นคนดังเสียจนใครต่อใครก็สนใจ โชคดีอยู่ที่ว่าคณะที่ฉันเรียนไม่ค่อยจะสนใจข่าวคราวพวกนี้สักเท่าไรจึงไม่มีใครพูดถึงให้ระคายหู แต่วันนี้ฉันคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว
ไม่พูดถึง...ไม่ได้แปลว่าไม่สนใจ
เสียงฝนโปรยกระทบหน้าต่างดังแปะ ๆ เรียกสายตาฉันให้มองไปด้านนอก นานแล้ว...แต่ฝนก็ยังไม่หยุด อากาศชื้นด้านนอกกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศในวอร์ดทำให้รู้สึกหนาวเยือกแบบแปลก ๆ ทั้งที่ปกติฉันไม่ใช่คนขี้หนาว แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คล้ายว่าอากาศเย็น ๆ จะมีผลกับร่างกายฉันมากกว่าปกติ แถมยังมีผลไปถึงสมองด้วย
มันเนือย ๆ เบื่อ ๆ พิกล...นี่ฉันป็นอะไรไปนะ
ใบหน้าของใครบางคนแว่บผ่านเข้ามาในห้วงความคิด ฉันเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกประหลาดที่วูบขึ้นมาในอก หัวใจไหวแปลก ๆ อีกแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จากที่เคยมั่นใจว่าฉันอยู่เองได้โดยไม่ต้องสนใจใคร เวลานี้กลับนึกอยากให้มีคนมาอยู่ข้าง ๆ คนคนนั้นที่ฉันเคยบอกกับเขาว่าเราจะไม่ผูกมัดกัน ใช่...ฉันยืนยันอย่างนั้น เพราะการผูกมัดคืออะไรที่น่ากลัวที่สุด แค่คิดว่าวันหนึ่งเราจะต้องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเข้ามาร่วมด้วยในการตัดสินใจบางสิ่งที่สำคัญกับชีวิตตัวเอง มันก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีได้ง่าย ๆ เลย
ทั้งเขาและฉันต่างก็รักอิสระ เรามีขอบเขตที่จะไม่ก้าวเข้าไปให้ใกล้กว่าที่ควรเป็น เพราะอย่างนี้ละมั้ง เราจึงเดินมาด้วยกันได้นานขนาดนี้
แต่เมื่อความใกล้ชิดที่เคยมีเปลี่ยนเป็นความห่างไกล ฉันก็อดรู้สึกไหว ๆ ในใจไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่คิดถึง...แต่อดีตที่สวยงามเกินไปก็ยั่วใจให้อดหวนกลับไปครุ่นคิดไม่ได้จริง ๆ
ไม่นะ...หยุดคิดบ้า ๆ แล้วตั้งใจทำงานได้แล้ว ฉันกระซิบบอกตัวเอง สองมือยกขึ้นตบแก้มเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะสูดลมหายใจยาว แล้วเดินเข้าไปในห้องซึ่งจัดเป็นเคาท์เตอร์ ค้นหาดูเวชระเบียนของคนไข้ที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อนำไปเขียนรายงานร่วมกับประวัติที่เพิ่งซักถามมาเมื่อตอนบ่าย
เพราะมีประสบการณ์จากการเข้าเวรในวอร์ดอื่น ๆ มาแล้ว วันนี้ฉันจึงรีบเขียนรายงานให้เสร็จตั้งแต่หัวค่ำ เตรียมใจว่าเดี๋ยวคงต้องมีคนไข้เข้าแทบทั้งคืนเหมือนที่เคยเป็นมา
ฉันนั่งอ่านหนังสือรออยู่นาน นี่มันวันอะไรกันนะ ทำไมถึงยังไม่มีโทรศัพท์มาเรียกอีก
ไม่ใช่ว่าฉันอยากให้มีโทรศัพท์มาหรอกนะ เพราะนั่นหมายถึงการที่มีคนไข้เข้ามา และนักศึกษาที่เข้าเวรพร้อมด้วยแพทย์เวรจะต้องรีบลงไปดู ฉันไม่ได้ร้ายกาจขนาดอยากเห็นคนป่วย แต่เพราะปกติแล้วฉันเป็นพวกที่เพื่อน ๆ และพี่ ๆ เล่าขานกันในฐานะคนดวงแตก คือพวกที่เข้าเวรเมื่อไรเป็นอันไม่ได้หลับได้นอน ต้องมีคนไข้เข้ามาไม่ขาดสายนั่นละ ฉันจึงเชื่อสุดใจว่าวันนี้จะต้องเป็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ดึกมากแล้ว รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่บนวอร์ดพากันกลับไปที่หอหมดแล้ว เหลือเพียงพี่พยาบาล แพทย์ประจำบ้านที่เข้าเวร และฉันที่นั่งเหงาเฝ้าวอร์ดด้วยความประหลาดใจกับอาถรรพ์ดวงแตกที่เสื่อมไปในวันนี้
รุ่นพี่หน้าตี๋คนเดิมเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม เสียงลากเก้าอี้แม้จะเบาแต่เหมือนจงใจเรียกให้ฉันละความสนใจจากหนังสือแล้วเงยหน้ามอง
วันนี้เงียบดีจังนะ
ค่ะ...
ได้ยินมาว่าน้องเป็นพวกดวงแตก พี่นึกว่าวันนี้จะต้องวิ่งวุ่นเสียแล้ว
แล้วพี่ดีใจหรือเสียใจละคะที่ต้องมานั่งว่างแบบนี้แทน เมื่อเขาชวนคุย ฉันก็ต้องวางหนังสือในมือลงแล้วคุยตอบตามมารยาท
ไม่รู้สิ...พี่ว่าเป็นพวกดวงแตกก็ดีอย่างนะ...น้องจะได้มีประสบการณ์เจอคนไข้เยอะ ๆ ไว้ก่อน ถ้าว่างเกินไปไม่มีอะไรทำก็ไม่ได้เรียนจากคนไข้เสียที
ฉันอดยิ้มไม่ได้กับความคิดของเขาที่ค่อนข้างจะตรงกับฉัน เพราะคนเป็นหมอต้องใช้ทั้งความรู้ และทักษะที่เกิดจากความชำนาญ ทั้งหมดนี้ต้องศึกษาทั้งจากในหนังสือ จากบทเรียนในห้องเลกเชอร์ และที่สำคัญคือจากคนไข้ผู้เป็นครูที่ดีเยี่ยม ฉันจึงมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ยิ่งหมอได้สัมผัสกับคนไข้มากเท่าไร หมอก็จะยิ่งได้พัฒนาตนเองมากขึ้นเท่านั้น
อย่างนั้นพี่คงผิดหวังแย่...จะห้าทุ่มแล้วยังไม่มีคนไข้เข้ามาเลย
เขาหัวเราะ โคลงศีรษะเบา ๆ แล้วมองหน้าฉันด้วยดวงตาวาว ๆ ทรงเสน่ห์นั่นละ ไม่หรอก...อย่างน้อยพี่ก็ได้มีเวลาคุยกับน้องไงครับ เป็นยังไงบ้างเรื่องเรียน มีปัญหาอะไรไหม
ขอบคุณที่เขาถามเรื่องเรียนต่อ เพราะหากเขาหยุดคำพูดไว้แค่ช่วงแรก ฉันคงทำตัวไม่ถูกไปอีกนาน
ก็ดีค่ะ...สนุกดี
เขาทำตาโตมองอย่างไม่อยากเชื่อ สนุก...พี่เห็นแต่เขาบอกว่าเหนื่อยจะตาย
อ้าว...เรื่องเหนื่อยพี่ก็ทราบดีอยู่แล้ว หนูจะพูดอีกทำไมละคะ ฉันตอบกลั้วหัวเราะ บางทีการคุยกับเขาก็ไม่เลวร้ายเท่าไร แต่ถึงจะเหนื่อย...หนูว่าก็สนุกด้วยนะคะ
ตอบอย่างนี้พี่ว่าน้องต้องอยากเป็นหมอเด็กแน่ ๆ
ฉันยกมือสองข้างมาพาดตัดกันเป็นรูปกากบาท ผิดค่ะ...หนูอยากเป็นหมออีอาร์ ฉันหมายถึงการเรียนต่อเฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
เห็นเงียบ ๆ แบบนี้...ห้าวไม่ใช่เล่นนะเราน่ะ เขายกมือขยี้หัวฉันเบา ๆ เหมือนผู้ใหญ่ทำกับเด็ก แต่ฉันกลับรีบดึงตัวออกอย่างไม่คุ้นเคย ดวงตาที่มองไปด้วยความไม่พอใจทำให้เขาชะงักไป เอ้อ...ขอโทษที
ไม่เป็นไรค่ะ...หนูแค่...ตกใจ ฉันพยายามแก้ตัวกับกิริยาเสียมารยาทที่แสดงออกมาโดยอัตโนมัตินั้น
เขาหัวเราะชอบใจ แล้วทำไมน้องถึงอยากเป็นหมออีอาร์ล่ะ
ไม่รู้สิคะ...หนูว่าหมออีอาร์เป็นอะไรที่สนุกแล้วก็ท้าทายมาก ๆ เลย เพราะเวลาที่เราอยู่ตรงนั้น เราต้องประเมินผลอย่างรวดเร็วแล้วก็ตัดสินใจช่วยผู้ป่วยให้ได้ก่อน ดูเป็นอะไรที่ยากแต่น่าสนใจดีน่ะค่ะ ฉันตอบตามความคิดของตัวเอง และเขาก็นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
มีไม่กี่คนหรอกที่จะฟังฉันพล่ามอะไรด้วยท่าทางเพ้อฝันแบบนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อคนฟังนั้นเป็นผู้ชาย
ห้าวจริง ๆ ด้วยน้องเรา... รุ่นพี่เอ่ยพลางโคลงศีรษะไปมา ท่าทางไม่บอกเลยว่าชอบความท้าทาย
ไม่ใช่ทุกเรื่องหรอกค่ะ ฉันรีบบอก แล้วพี่ละคะ...ทำไมเลือกต่อเด็ก
พี่รักเด็ก เขาตอบอย่างไม่จริงจังนัก แล้วหัวเราะเมื่อเห็นฉันทำตาโตมองอย่างไม่อยากเชื่อ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ...ไม่เชื่อใช่ไหม
ท่าทางพี่ไม่บอกเลยว่าจะเป็นนางงามขนาดนั้น เรื่องเอาคำพูดคนอื่นมาย้อนกลับนี่ฉันถนัดนักละ
แน่นอน...เพราะพี่ไม่ใช่นางงาม เขาบอกด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ถือสากับคำล้อของฉัน เอาตามจริง...ตอนแรกพี่แค่เลือกเพราะอยากทำตามความฝันของน้องสาวพี่ แต่ตอนนี้พี่ว่า...อยู่กับเด็ก ๆ ก็ดีเหมือนกัน
สีหน้าของเขาทำให้ฉันประหลาดใจ ดวงตาที่เคยเป็นประกายวาววับเวลานี้กลับหม่นแสงแปลก ๆ
น้องสาวเหรอคะ...
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 53 11:56:58
|
|
|
|