เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน เหตุระทึกในห้างดัง
|
|
เรื่องที่ 55
เหตุระทึกในห้างดัง
สวัสดีค่ะทุกท่าน เรื่องเล่าสยองในวันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศเป็นเรื่องเล่าเหตุระทึกสักหนึ่งวันนะคะ มันเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษยน 2553 นี่เองค่ะ สถานที่เกิดเหตุคือ ห้างเซ็นทรัลสาขาปิ่นเกล้า
วันนั้นพี่นั่งเร่งต้นฉบับอยู่ที่บ้านเหมือนทุกวัน ส่วนคุณแม่ไปดูแลร้านในขณะที่น้องสาวไปทำงานโดยมีหลานซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมตามไปด้วย พอถึงเวลาประมาณสี่โมงเย็นน้องสาวก็กลับมาจากที่ทำงาน พอรถเบรกพรืดพี่ก็เดินไปเปิดประตูรับ นึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นแป้งร่ำ หลานสาววัยเจ็ดขวบกำลังจูงย่าลงจากรถ พอเห็นหน้าป้าน้องแป้งก็รีบรายงานด้วยหน้าตาตื่นเต้นว่า คุณย่าหกล้มที่ห้างเซ็นทรัลเพราะหม้อแกงระเบิด ตอนแรกก็ยังงง เลยพูดไปแค่ว่าเหรอคะแล้วคุณย่าเป็นยังไงบ้าง หลานบอกเข่าเจ็บช้ำไปหมดเลย แล้วเขาก็จูงย่าเข้าไปนั่งในบ้าน
พอนั่งเรียบร้อยแม่ก็เล่าให้ฟังว่าวันนี้นึกอยากทานบาบีคิวเลยให้น้องสาวแวะห้างเซ็นทรัล พอดีว่าต้องซื้อกับข้าวกับยาเลยแยกกันเดินโดยแม่เข้าไปซื้อกับข้าวส่วนน้องสาวไปร้านยาแล้วนัดเจอกันที่ร้านบาบีคิว พอซื้อเสร็จแม่ก็เข็นรถออกมาจนเกือบจะถึงทางออก ก็มีเสียงคนร้องตะโกนว่า
ระเบิด!
เท่านั้นแหละค่ะ ปรากฏการณ์วัวตื่นก็บังเกิดขึ้น ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดเรียกว่าใครช้าโดนชนกระเด็น แต่แม่พี่ยังไม่ทันขยับก็โดนใครไม่รู้ชนจนล้ม ดีที่ว่ารถเข็นมันขวางไว้ไม่อย่างนั้นอาจโดนเหยียบ แม่บอกว่าพยายามจะลุกแต่ไม่ไหวโชคดีที่มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งกลับมาช่วย คือแกวิ่งผ่านไปแล้วหันกลับมาตะโกนว่าคุณยายล้มแล้วย้อนกลับมาพยุงให้แม่ลุก แม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรให้เขาไปเถอะผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอม เขาผลักทุกคนที่เข้ามาชนและประคองแม่ไปจนถึงข้างนอก และก็เจอน้องสาวกับหลานรออยู่ตรงทางเข้า หลังจากขอบอกขอบใจชายผู้มีน้ำใจคนนั้นแล้วเขาก็แยกตัวไป
แม่เลยถามน้องสาวพี่ว่าเกิดอะไรขึ้นและหลานเป็นอะไรหรือเปล่า น้องเลยเล่าว่าตอนกำลังนั่งรอบาบีคิวเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งปานฟ้าถล่มไปที่ประตู ตอนนั้นคิดแค่ว่าอาจเป็นนักเรียนตีกันแต่พอเห็นว่าทุกคนวิ่งกรูออกจาห้าง ความคิดแรกก็คือไฟไหม้หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้กลิ่นหรือเห็นควันอะไรเลย จากนั้นก็มีเสียงตะโกนว่า ระเบิด น้องพี่เลยพาหลานไปที่ประตูแล้วถามยามซึ่งเขาก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ที่น่ากลัวคือฝูงชนที่วิ่งแตกตื่นทั้งผลักทั้งดันกันอุตลุด หลานสาวก็จะกลับเข้าไปให้ได้เพราะเป็นห่วงย่า น้องสาวพี่ยิ่งกังวลหนักเพราะห่วงแม่ก็ห่วง ครั้นจะพาหลานย้อนเข้าไปก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า จนชายใจดีคนนั้นพาแม่มาส่งน่ะแหละถึงได้เบาใจ
พอผ่านไปได้สักพักน้องพี่เลยลงไปถามยามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าไม่มีอะไรครับแค่หม้อแปลงระเบิดเท่านั้น น้องพี่เลยให้แม่กับหลานรอหน้าห้างส่วนตัวเองลงไปเอารถที่ชั้นใต้ดิน สักพักพนักงานห้างก็บอกว่าทุกอย่างปรกติไม่มีอะไร แล้วมีลูกค้าชายคนหนึ่งพูดออกมาดังๆว่า ก็พนักงานน่ะแหละเป็นคนตะโกน
ในข้อนี้เราไม่รู้แน่ชัดแต่จากเหตุการณ์ทำให้เห็นว่าคนไทยไม่เคยมีการฝึกหนีภัยที่จริงจัง เพราะหลานสาวบอกว่าตอนซ้อมที่โรงเรียนไม่เห็นเหมือนแบบนี้ และครูยังบอกว่าให้ถอดรองเท้าวิ่งน้องสาวพี่เลยสอนว่านั่นเพราะมันเป็ฯการซ้อม ทุกคนจึงเห็นเป็นแค่เรื่องสนุก แต่เหตุการณ์จริงทุกคนคิดแต่จะเอาตัวรอด สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีสติ อย่าตื่นตกใจจนเกิดเหตุ รองเท้าต้องใส่ไว้ตลอดเพราะถ้าเกิดกระจกแตกหรือไฟไหม้ เราจะเดินไม่ได้ และที่ควรระวังเป็นอย่างยิ่งก็คือ ห้ามล้มโดยเด็ดขาด เพราะถ้าเราล้มเมื่อไหร่โดนเหยียบตายได้ทันที
พี่คิดว่าจากเหตุการณ์นี้คงมีคนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่น่าจะถึงแก่ชีวิต และคิดว่าทำไมคนเราไม่ตั้งสติให้ดี พิจารณาให้รอบคอบก่อนจะตะโกนออกมา ซึ่งคนทำอาจจะไร้สติหรือคึกคะนอง อยากทันสมัย หาอะไรตื่นเต้นใส่ชีวิตหรือแม้กระทั่งเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม และเหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาแม้ในช่วงบ้านเมืองสงบ เพราะคำว่าขาดสติ มักนำพาซึ่งความเสียหายร้ายแรงได้เสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุกคนทำสติให้มั่น หมั่นฝึกซ้อมการหนีภัยอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ อย่าทำเป็นเล่นเพราะเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆมันไม่ใช่ของสนุก ทุกคนอาจตายได้ทุกเวลา
อย่าประมาทนึกว่า แค่นี้เองไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
คำคำนี้ก่อให้เกิดหายนะมามากมายแล้วค่ะ
ป.ล.ขอขอบพระคุณชายผู้มีน้ำใจงามที่ช่วยเหลือคุณแม่และพาออกจากห้างอย่างปลอดภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
*/*/*/*/*/*
คราวนี้นำมาลงช้าไปหนึ่งวันเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนี่แหละค่ะ ถึงจะไม่ได้ประสบกับตัวเองแต่ต้องดูแลคุณแม่ที่ขาช้ำ โชคดีเหลือเกินที่ไม่เป็นอะไรมาก และขอกราบขอบพระคุณผู้ช่วยเหลือคุณแม่มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มันทำให้มูนนี่รู้ว่ายังมีคนดีหลงเหลืออยู่ในสังคม
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแรงงาน 53 16:19:08
|
|
|
|