Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
…เพื่อน…  

…เพื่อน…
นี่คือ…เพื่อน…ในความคิดของเรา แล้วเธอล่ะคิดอย่างไร ?

คิดย้อนไป มันนานแล้วนะ
วันโน้น ที่แม่กับพ่อบอกว่า
“พรุ่งนี้ ไปโรงเรียนแล้วนะ ได้ใส่ชุดนักเรียนถือกระเป๋าหนังสือ
ได้กล่องใส่ดินสอสีชมพูลายการ์ตูนแสนน่ารักและจะได้มี…เพื่อน ”
จำได้เช้าวันนั้น ได้เห็นใครไม่รู้ตัวเล็กตัวเท่าๆกันหลายคน
มีพ่อกับแม่จูงมือหรืออุ้ม มาส่งที่นี่ที่เดียวกัน
คิดไป “ที่นี่ที่ไหน ใครนะเยอะแยะ ไม่รู้จักสักคน”
ได้ยินเสียงจากคนข้างๆ
“ลูกจุ๊บ หนูตั้งใจเรียนนะ อย่างเอาแต่เล่น บ่ายๆแม่จะมารับหนูนะคะ”
“ลูกกัน ตั้งใจเรียนนะครับ บ่ายๆพ่อจะมารับ ไม่ซนนะ”
อีกหลายเสียงรอบๆตัวก็พูดประมาณนี้

ทันทีที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนพาลูกๆมาฝากถึงมือคุณครู เมื่อหันหลังให้เดินจากไป
ทุกใบหน้าน้อยๆน่ารัก จากเดิมขาวใสเรืองชมพูอ่อนๆ
เริ่มมีสีแดงปรากฎขึ้น แล้วแดงมากขึ้น
ทำหน้าเบ้ เลิกคิ้วขึ้น บ่อน้ำเล็กๆในตาเริ่มเอ่อล้น
ทยอยหยดลงอาบสองแก้มใส หยดแล้วหยดเล่าได้มากหยดตามใจสั่ง
เคล้าด้วยเสียง “ ฮืออ ฮืออ แม่จ๋าไปไหน ” “ฮืออ ฮืออ พ่อคับกลับมา”
เริ่มแล้วสิ เสียงประสานจากคณะนักร้องรุ่นจิ๋วเริ่มดังขึ้น
แม้ไม่เคยร่วมซ้อมแต่กลับร่วมร้องไห้ได้อย่างพร้อมเพรียง
ช่างเป็นเสียงที่ได้ยินแล้วประทับตรึงคาประสาทหู น่าปวดขมับ

ใครไม่รู้พูด “ คนเก่ง อยู่กับครูนะคะ เดี๋ยวเราไปเล่นเกมส์กัน ”
คุณครูพูดขณะจูงมือพาเดินไปเข้าห้องเรียน
ทุกคนได้นั่งกับชุดโต๊ะเก้าอี้ตัวเล็ก
มองไปรอบตัว “ นี่ใครอะ ไม่รู้จัก”
“สวัสดีค่ะเด็กๆ ครูชื่อตุ๊กนะคะ” คุณครูเริ่มการสอน
“ใครรู้ตัวว่าน่ารักไม่ร้องไห้อีกนะคะ มะเรามาเล่นเกมส์นะ”
เป็นปกติของเด็กๆ ชอบแสดงกิริยาออดอ้อนงอแงมากกับพ่อแม่
เมื่อต้องอยู่กับคุณครูหรือใครคนอื่น
กิริยาร้องไห้เรียกร้องความสนใจ ทำได้สักครู่เดียว หยุดร้องไห้ได้เอง
ยิ่งได้เล่นเกมส์ ร้องเพลง ABC… ลืมหมดด้วยเกมส์สนุกจากคุณครู

เมื่อได้รวมกลุ่มเล่น ต่างเริ่มสนใจคนรอบข้างเริ่มอยากคุย
ด้วยความเดียงสาสดใส ต่างคนต่างหันไปที่คนข้างตัวพูดขึ้น
“ชั้นชื่อจุ๊บนะ เธอชื่ออาไย ?” “ชั้นชื่อกุ้ง”
“เธอล่ะชื่ออาไย ชั้นชื่อ น้องเมจิ” มีแว่วเสียงมา“ผมซื่อ กันคับ”
เพื่อนๆทุกคนทั้งห้องเรียนแย่งกันกันบอกชื่อจนจำไม่ได้

เวลานั้น ยังจำได้ไหม? มันจริง มันหวนมาอีกไม่ได้
แต่นึกถึงทีไร มันได้สนุก สุขใจจริงๆ
ใครไม่รู้ ได้เห็นหน้า ได้เริ่มรู้จัก
หนูจุ๊บเริ่มชวน “ปะ กุ้ง น้องเมจิ กัน ไปนั่งชิงช้าตรงนั้น ”
“ไปเล่นม้าหมุนด้วยนะ” หนูกันรีบชวนต่อ
“ ปะเพื่อนๆ เราไปซื้อไอติมกิน ชั้นจะกินสีชมพู ชั้นขอสีเขียว
กันขอสีโกโก้ รอเมจิด้วยซี้ ขอรสนม”

ในห้องเรียน ระหว่างที่คุณครูกำลังเขียนโจทย์การบ้านบนกระดาน
ข้อ 1.ถามว่า1+2 = ?
ช้อ 2.ตัวพยัญชนะไทย ก ข ค ตัวต่อไปคือตัวอะไร ?
ข้อ 3.คำศัพท์คำว่าหมาในภาษาอังกฤษคืออะไร ?
ขณะเดียวกัน บรรดาเพื่อนๆตัวน้อยในห้อง
บ้างก็ตั้งใจจดการบ้านตามคุณครู
บ้างก็หันหน้าร่วมกันคุยจ้อราวกับไม่ได้เจอกันตั้ง 2 วัน
นั่น ดูสิหลังห้องเจ้าโก๋ตัวอ้วนกำลังชวนเจ้าปลิวตัวผอม ชวนกันแอบกินท๊อฟฟี่

คุณครูรับรู้เสมอถึงพฤติกรรมของเจ้าวายร้ายตัวน้อยเหล่านี้
แต่ปล่อยสักสองสามวันแล้วค่อยจับลงโทษสักครั้ง
โดนให้ไปคาบไม้บรรทัดยืนบนเก้าอี้หลังห้อง
โดนให้ไปยืนคล้ายนกปีกหัก ยืนขาเดียวโชว์ตัวหน้าห้อง ฯลฯ
ทุกวันของชีวิต นอกจากพ่อแม่พี่น้อง
โลกของหนูๆคือ…เพื่อน เพื่อชวนกันเล่น เล่นและเล่น

เมื่อเติบโตขึ้น เป็นวัยรุ่น รูปแบบการใช้ชีวิตยังคงเดิม ไม่ต่างนัก
คือการเรียนและที่ขาดไม่ได้เลย ต้องมีเพื่อนอยู่ข้างตัว
แน่ล่ะ เพื่อนหลายคนอาจแยกย้ายจากไปเรียนที่อื่น
แต่อย่างไรแล้ว ใครจะปฎิเสธ จริงๆจำนวน…เพื่อนไม่ได้ลดลงเลย
ตรงข้าม…เพื่อนกลับเพิ่มขยายจำนวนคนมากขึ้น

จนเข้าสู่วัยทำงาน คำว่า…เพื่อน ไม่ต้องวิ่งควานหาที่ไหนเช่นกัน
แค่หันไปมองรอบๆตัวนั่นไง…เพื่อนของเธอ
เหล่านี้คือภาพรวมที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าเพื่อน

นิยามคำว่าเพื่อนของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่าง ไม่ตัดสินใครผิดใครถูก
ส่วนตัวคิด เพื่อนคือใครนะ พี่น้องไม่ใช่ ญาติกันไม่ใช่
เริ่มต้นที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ใครก็ไม่รู้ มีทั้งแปลกหน้าและหน้าแปลก
ทำไมเราต้องมี ทำไมเราต้องอยากรู้จัก และทำไมอยากเป็นเพื่อนด้วย
ส่วนตัว ให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างมาก
ไม่ใช่แค่รู้จักชื่อจะเรียกเพื่อน นั่นเราเรียก…แค่คนรู้จัก

เข้าใจเอง เพื่อนคือใครหลายคนหรือขอแค่มีคนเดียว
ที่เราอาจเคยร่วมเล่น อาจเคยร่วมเรียน อาจเคยร่วมเกเรไม่ตั้งใจเรียน
อาจเคยร่วมถูกลงโทษ แล้วยังแอบหัวเราะชอบใจกันเอง
อาจเคยร่วมทำงาน อาจเคยร่วมท่องเที่ยว อาจเคยร่วมเฮฮาปาร์ตี้
อาจเคยร่วมขอความคิดเห็น อาจเคยร่วมขอคำปรึกษาแนะนำ
อาจเคยร่วมเสนอ อาจเคยร่วมช่วยตัดสินใจ
อาจเคยร่วมดีใจหัวเราะร่วนเสียงดัง
รวมทั้งอาจเคยได้ร่วมเสียใจกอดคอร้องไห้เมื่อต้องจำจาก

และ ณ วันนี้ ส่วนตัวได้ตระหนักยอมรับเพิ่มอีก
แม้ในโลกออนไลน์ที่เราเรียกตัวเอง ไม่มีตัวตน
ในความไม่มีตัวตนยังคงเกิดมิตรภาพ เกิดคำว่า…เพื่อนได้

ไม่รู้ใครจะเห็นด้วยบ้าง ?
ไม่ว่าในโลกความจริงหรือโลกออนไลน์ โลกเสมือนจริง
ในเรื่องความเป็นเพื่อน  มันเกิดขึ้นได้เหมือนกันในทั้ง 2 โลก
เหมือนกัน มันคือที่ที่เราได้ร่วมเวลา
เหมือนกัน มันคือที่ที่เราร่วมแสดงความคิด
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ต้องตั้งอยู่บนรากฐานความเหมาะสมและถูกต้อง

เห็นด้วยไหม ไม่มีใครในโลกเลยที่ดีเพียบพร้อม สมบูรณ์แบบทั้งกาย วาจา ใจ
เห็นด้วยไหม ทุกเรื่องที่เราคิดในสมองมันไม่สามารถแสดงออกมาได้ทั้งหมด
ไม่ว่าเรื่องที่อยู่ในกรอบ นอกกรอบหรือหลุดโลก
แต่เราๆต้องพยายามไม่ลืม ต้องใช้เวลาไตร่ตรองก่อนสักนิด
ก่อนจะแสดงออกมาทั้งการพูด การกระทำหรืองานเขียน
เพราะพื้นฐานของครอบครัว ลักษณะการได้รับการเลี้ยงดู โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กเล็ก
บรรดาญาติ การเรียนการศึกษา กลุ่มเพื่อนๆ สภาพสังคมสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ต่างมีส่วนมากกับการหล่อหลอม การสอน มันเรียนรู้ มันแทรกซึมตรงเข้าได้เอง
ส่งผลตรงต่อสภาวะจิตใจ ความคิด ทัศนคติ
การยอมรับ การตัดสินใจและการแสดงออก ฯลฯ ของแต่ละบุคคลตลอดทั้งชั่วชีวิต

เคยได้ยินเขาแนะ เรื่องศาสนา เรื่องการเมืองและอีกหลายเรื่อง
ตามคำแนะนำแต่นานมา ต้องพยายามเลี่ยงที่จะร่วมกันแสดงความคิดเห็น
เพราะต่างคน ต่างความคิด ยิ่งมากคน ยิ่งมากความมากเรื่อง
เรื่องมันเปราะบางมาก ง่ายมากต่อการเกิดการกระทบ การแทกเกิดแรงเสียดทาน

อีกครั้งว่า
ไม่มีใครในโลกเลยที่ดีเพียบพร้อม สมบูรณ์แบบทั้งกาย วาจา ใจ
ถ้ายังไม่เคยประสบการเข้าใจผิดกับเพื่อน ถือได้โชคดี
แต่ต้องไม่หลงลืม ไม่เผลอเข้าร่วมให้ได้ปวดหัว
แต่ถ้าพลั้งไปแล้ว ดีกว่าไหม ?
นึกย้อนถึงมิตรภาพ นึกถึงคำว่าเพื่อน

ส่วนตัว เชื่อเสมอ มันต้องใช้เวลาพอสมควรนะ กว่าจะเรียกใครได้ว่า…เพื่อน
โลกความจริงและโลกออนไลน์ ในความเป็นเพื่อน มันไม่แตกต่างกัน
เคยเข้าใจ ในโลกออนไลน์จะเป็นเพื่อนได้อย่างไรกับความไม่มีตัวตน
แต่วันนี้ได้รับรู้ หลายคนคุยอย่างเมามัน คุยทุกวัน
มีเรื่องมาร่วมคุย ร่วมเล่า ได้คุ้นเคย สนิทยิ่งกว่าพี่น้องร่วมอุทร
มากกว่านั้น มีนัดทานข้าว ร้องเพลงคาราโอเกะ รวมก๊วนพบเจอเป็นระยะห่างอย่างประจำ
แล้วทำไม ถ้าพลั้งไปเริ่มใหม่ไม่ได้แล้วหรือ ?
ส่วนตัว บอกแล้วเราให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก
ถ้าเป็นเรา เราให้ได้ทั้งหมดเพื่อเพื่อน
(แต่ให้ในเรื่องที่ถูกต้องศีลธรรมจรรยานะ ไม่มั่วทุกเรื่อง)

ลองคิดใหม่ เรื่องใดๆที่ทำให้เข้าใจกันผิด เก็บกลับไปและจบเรื่องราว ณ ตรงนั้นแค่นั้น
อะไรที่คิดเองเป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อคิดเองอย่างนั้นก็เก็บในที่ตัวเองสิจ๊ะ
ลืมไปหรือเปล่า ?
ความคิดที่ถูกต้อง คือการร่วมคิด คิดให้แตกต่างกันออกไป
ในหลากมุมมองที่สร้างสรร สร้างเสริมได้ต่อยอด
ไม่ใช่เรื่องผิด เราคิดแตกต่างกัน
แต่ต้องไม่ใช่คิดเพื่อแตกเพื่อน เพื่อแตกแยก จะเริ่มเห็นด้วยไหมเนี่ย ?

ที่แล้วก็แล้วไปเถอะ แต่ละชีวิตมันสั้นมาก
อย่าอะไรกันนักกันหนาเลย
ดีกว่านะ ดูแล รักษามิตรภาพ ความเป็นเพื่อนให้ยาวนาน
อย่าทำลายทิ้งเพียงเพราะ…เงินหรือใครอีกเลย

04 พ.ค.2553

จากคุณ : PANPISA
เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 02:42:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com