ความคิดเห็นที่ 1 |
|
ถ้าไม่ได้ก็เลิกวิจารณ์การแต่งตัวของฉันให้เสียเซลฟ์ได้แล้ว ข้าวฟ่างเริ่มบ่น ฉันขอคำแนะนำเธอ เธอก็ไม่บอก พอฉันใส่มาตามใจก็มาติโน้นตินี่ เอาเถอะจ้ะๆ นี่ที่ถ่อจากรังสิตมานี่ ก็จะให้ฉันช่วยเหลือชุดให้ไม่ใช่เหรอ?
ใช่ ...
มีเงินติดตัวอยู่เท่าไหร่?
สองร้อยห้าสิบ
นี่ ... ยัยข้าวฟ่าง เธอคิดว่า เงินสองร้อยห้าสิบจะซื้ออะไรได้ แค่โบว์อันเดียวก็หมดแล้ว
ฉันล้อเล่นน่า มีเงินติดตัวอยู่สองร้อยห้าสิบก็จริง แต่ในบัญชีมีที่ออมไว้อีกหลายพัน
ดีมาก งั้นเรามาผลาญเงินเล่นกันเถอะ ร้านเสื้อผ้ามากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงชั้นสามของห้างเป็นแหล่งเป้าหมายที่สองสาวกำลังจะไปละลายทรัพย์เล่น พอพ้นบันไดเลื่อน แองจี้ก็ลากข้าวฟ่างเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าสุดทันสมัยซึ่งข้าวฟ่างไม่ค่อยเข้าใจว่ามันสวยตรงไหน ทั้งที่ปากบอกว่า จะพาข้าวฟ่างมาซื้อเสื้อผ้า แต่แองจี้เอาแต่หยิบหมวก หยิบเสื้อ กระโปรง รองเท้าที่ตัวเองชอบ แล้วนำมาลองทาบลองใส่เอง จนคนเป็นเพื่อนรักเริ่มยืนเท้าเอวและมองด้วยความพอใจ แองจี้ได้แต่ยิ้มหวานกลบเกลื่อนและทำนิ้วเป็นสัญญาณมือว่า ขออีกแป๊บเดียว
แองจี้พาข้าวฟ่างไปยังร้านถัดไป มีเสื้อมากมายหลายแบบแขวนอยู่ แองจี้ยิ้มและหยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าครึ้มๆ ออกมาดูอย่างพอใส แต่ก็โดนแองจี้ตีมืออย่างแรง และจับลากไปยังมุมร้านที่มีแต่ชุดเดรส
ขณะที่ข้าวฟ่างกำลังมองเดรสลายขวางสีขาวดำอย่างหลงใหล แองจี้ก็หยิบเดรสลายสก็อตเขียวอ่อน สลับน้ำตาลส่งให้ ข้าวฟ่างเดินถือเข้าไปในห้องลองชุด พอเปลี่ยนออกมาดูน่ารักและสดใสกว่าเดิมมาก แองจี้จึงรีบโกยชุดเชิ้ตแขนยาวกางเกงสแล็คที่ข้าวฟ่างใส่มาตอนแรกเข้าใส่ถุง แกะป้ายราคาที่เดรสออก ให้ข้าวฟ่างจ่ายตังค์ แล้วใส่เดรสลายสก็อตตัวนั้นออกจากร้านไปเลย เพราะแองจี้ทนไม่ค่อยจะได้ที่ต้องเห็นเพื่อนคนสนิทใส่ชุดเชยระเบิดอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคอสตูมมือหนึ่งอย่างเธอ
ถัดไปเป็นร้านเสื้อกั๊ก เพื่อให้ดูสีเข้ากัน แองจี้เลือกตัวสีฟ้าอ่อนให้ข้าวฟ่างสวมทับ เลือกกำไลสีขาวเป็นเครื่องประดับแผงที่วางขายแบกะดินริมทาง หมวกปีกสั้นดูเข้ากันกับชุดทั้งหมดที่ข้าวฟ่างสวมอยู่ และช่วยเลือกเสื้อต่ออีกหลายต่อหลายร้านจนมากพอที่จะใส่ให้ไม่ซ้ำแบบกันในห้าวัน ก่อนกลับบ้าน สองสาวเดินผ่านร้านชุดแซ็กร้านสุดท้ายก่อนลงบันไดเลื่อน แองจี้กระดี้กระด้าอยากได้ เลยเดินไปถามเจ้าของร้าน ทำท่าว่า มีขนาดสำหรับหุ่นอย่างเธอมั้ย? เมื่อเจ้าของร้านส่ายหน้า ข้าวฟ่างก็หลุดขำพรวดแบบไม่เกรงใจใคร
แองจี้กับข้าวฟ่างหยุดภารกิจการผลาญเงินและนั่งพักรอรถเมล์อยู่ตรงบันไดด้านหน้าห้างด้วยอาการเหนื่อยหอบ ทั้งสองถือสัมภาระพะรุงพะรัง ทำยังกับเป็นช่วงลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์
ให้ตายเถอะ ฉันไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้มาก่อน ข้าวฟ่างหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดที่เพิ่งถลุงเงินเล่นไปครึ่งหมื่น
ใม่เห็นจะเท่าไหร่ แองจี้แซว ก็แค่ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนสตาร์ทสำหรับนักศึกษาจบใหม่
เอาน่าๆ นานๆ ที นอกจากปลอบใจตัวเอง ข้าวฟ่างยังปลอบใจเพื่อนอีกต่อ แต่ปัญหาอยู่ที่ฉันจะกลับบ้านยังไงไม่ให้แม่เห็นว่าซื้อของมาเยอะขนาดนี้เนี่ย ไม่งั้นแม่ฆ่าฉันตายแน่ๆ เลย
นี่จะสามทุ่มแล้ว กว่าเธอจะถึงบ้านก็สี่ทุ่มครึ่ง แม่เธอคงนอนแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก พอเข้าบ้านก็รีบเอาของขึ้นไปซ่อนในตู้ให้หมดเลย
นั่นสิ ขอบคุณมากนะ วันนี้ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลยอ่ะ ข้าวฟ่างโอบกอดเพื่อนรัก
มีความสุขเพราะฉันพามาซื้อเสื้อผ้า หรือเพราะได้เจอผู้ชายในฝันจ้ะ แองจี้รู้ทัน เห็นซื้อเสื้อไป ยิ้มไป นี่คงคิดว่าจะซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ไปอวดนายปุ่นที่โรงละครในวันพรุ่งนี้ใช่มั้ยล่ะ?
แหม ... ทำมาเป็นรู้ดี ข้าวฟ่างเขินอายก่อนที่จะนึกเข้าใจคำพูดของเพื่อน พูดแบบนี้เธอหมายความว่า พรุ่งนี้ ฉันจะได้เจอกับเขาด้วยใช่มั้ย?
แหงล่ะ ทำงานที่เดียวกัน ถึงจะคนละแผนก แต่มันก็ต้องเจอกันบ้าง แองจี้อธิบาย แล้วไม่แน่นะ ถ้าเธอจะได้ฝึกเขียนบทกับทีมนักแสดงฝึกหัด เธออาจจะได้ทำงานร่วมทีมเดียวกับชายในฝันของเธอเลยก็ได้
"ฉันดีใจจริงๆ ไม่เสียแรงเลยที่รองานนี้มาเป็นปี ดูคุณเธอจะเพ้อฝันเข้าไปทุกทีๆ ขอบใจเธอนะ แองจี้ ถ้าเธอไม่ชวนฉันมาสมัครที่นี่ ฉันคงไม่ได้เจอเขา
สรุปว่าเธอดีใจที่ได้เจอผู้ชายมากกว่าที่ได้งานใช่มั้ย?
ไม่ใช่ๆ สาวเจ้ารีบปฏิเสธ มันก็ดีใจทั้งสองอย่างรวมๆ กันแหละ
และแล้ว สายตาของแองจี้ที่หันไปเห็นรถเมล์ซึ่งวิ่งมาจอดที่ป้ายพอดีก็ทำให้การสนทนาสิ้นสุดลง
ว้าย! สาย 69 มาแล้ว ฉันไปก่อนนะข้าวฟ่าง เดินทางกลับบ้านดีๆ ล่ะ บ๊ายบาย
มอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดรถที่หน้าบ้านวุฒิกุล ข้าวฟ่างได้แต่ภาวนาให้เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแหวกความเงียบอยู่ในขณะนี้ไม่ลอยไปปลุกเสด็จแม่ที่น่าจะหลับใหลอยู่ในห้อง เธอไขประตูรั้วให้เบาที่สุด ย่างกรายเข้าไปในบริเวณบ้าน ไขประตูบ้านแล้วแง้มออก เธอยื่นหน้าเข้ามา มองซ้ายมองขวา ราวกับว่าจะมาโจรกรรมเพชรเลอค่าในบ้านตัวเอง
ข้าวฟ่างค่อยๆ ย่องเข้าบ้านที่ปิดไฟมืด หยิบเอามือถือมากดเปิดเพื่อส่งดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
ว้าย! สี่ทุ่มครึ่ง สาวเจ้าเผลออุทานเสียงดัง จนต้องรีบเอามือปิดปากตัวเอง เธอค่อยๆ ย่องไป สะดุดขอบโต๊ะจนเจ็บเท้าแต่ก็ต้องสะกดเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดไว้ไม่ให้ดังออกมา เธอเดินไปจนถึงบันได และตัดสินใจว่า ต้องเปิดไฟแล้วล่ะ โดนแม่ด่ายังดีกว่าตกกระไดตาย
มืดป่านนี้ แม่คงหลับแล้วมั้ง? เธอพูดกับตัวเอง
ทันทีที่ข้าวฟ่างเปิดไฟ หลอดที่กระพริบสองสามทีก่อนส่องแสงสว่างเผยให้เห็นร่างของสตรีผมยาวพอกหน้าขาวโผลนในชุดนอน
ว้าย! ไอ้นั่นหก ไอ้นี่แหก ข้าวฟ่างตกใจจนล้มหงายหลังพร้อมกับถุงเสื้อผ้าที่บ้าหอบอยู่เต็มมือ
หกแหกอะไร ... นี่แม่เอง
โถ ... แม่ค่ะ มายืนทำอะไรมืดๆ แบบนี้ เล่นเอาหนูตกอกตกใจหมด แม่ต่างหากต้องเป็นฝ่ายถามฟ่างว่าทำไมกลับมาป่านนี้ ระหว่างพูดไปแม่ก็สังเกตเห็นถุงเสื้อผ้าที่พะรุงพะรังอยู่ในมือ แล้วนั่นอะไร!
คุณนายสารภีเดินลงบันไดตรงไปหาแล้วกระชากถุงออกจากมือข้าวฝ่าง เธอรื้อของออกมาดูอย่างไม่เกรงใจ
โห ... นี่มันเสื้อผ้าแพงๆ ทั้งนั้นเลยนี่ ตัวละเท่าไหร่? คนเป็นแม่รู้ดีว่า ถ้าไม่เห็นตัวเลขราคากับตาตัวเอง คงจะไม่ได้ความจริงแน่ เธอจึงมองหน้าป้ายราคาและพลิกดูทันที
พันห้า! เสียงคุณนายสารภีตกใจยังกับเจอหัวผีโผล่ออกมาจากคอเสื้อ นี่ใครสอนให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างนี้
ก็เงินเก็บหนูนี่คะแม่
เงินเก็บแกก็เงินแม่ทั้งนั้นแหละ งานการก็ยังไม่มีทำ ใช้เงินยังกะเสกเองได้ แม่บ้านของแม่ที่ทำงานไม่ได้บอกหรือคะ ว่า หนูโทรไปบอกว่า หนูได้งานแล้ว
อ้าวเหรอ ... คุณนายทำท่างงๆ ไม่เห็นบอกนี่ แล้วงานอะไรล่ะ ใช่ แคชเชียร์ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างไมเนอร์นี่มั้ย?
แม่ค่ะ หนูจบนิเทศมา คิดว่าหนูจะมาทำแคชเชียร์หรือไงคะ ข้าวฟ่างย้อนถาม หนูได้เขียนบทละครเวที โรงละครเศวตาลัยค่ะ
หา! เศวตาลัย คุณสารภีทำหน้าตกใจยิ่งกว่าตอนเห็นราคาเสื้อ แม่ดีใจใช่มั้ยค่ะ ที่หนูได้ทำงานในโรงละครดังละครประเทศ
จะบ้าหรือไง? แทนที่จะได้รับคำชมกลับจะโดนด่าแทน โรงละครนั่น อยู่ตั้งใจกลางเมือง บ้านเราอยู่รังสิต ทำไมไม่หางานแถวรังสิต ห้ะ!
แม่จะให้หนูเป็นแคชเชียร์ ไมเนอร์ รังสิตเนี่ยนะแม่ ข้าวฟ่างโวยวาย เงินเดือนสักเท่าไหร่เอง
ก็ประหยัดค่าเดินทางนะ แค่ไม่กี่สิบบาท คุณนายสารภีแทบจะหายใจออกมาเป็นเกลือ ไปทำงานโน้น ค่าเดินทางเป็นร้อย
หนูกะจะขอแม่อยู่หอเหมือนกัน จะได้ประหยัดค่าเดินทาง
ห้ะ! อยู่หอ ความเค็มขึ้นหน้า แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าหอ ค่าหอเดือนนึงไม่ใช่ถูกๆ แพงกว่าค่ารถอีก
แล้วแม่จะให้หนูเอายังไงล่ะคะ ข้าวฟ่างถาม กว่าจะตบตีแย่งชิงตำแหน่งคนเขียนบทมาได้ก็แทบตายแล้ว จะต้องมาตบตีกับแม่อีกเหรอ
นี่ ... ให้มันน้อยๆ หน่อย ยัยข้าวฟ่าง คนเป็นแม่ดุ ฉันเป็นแม่แกนะ แกคิดดูนะ ถ้าอยู่หอ นอกจากจ่ายค่าหอแล้วยังต้องจ่ายค่าซักรีด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าใช้จ่ายอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ
เดินทางไปกลับก็จ่ายค่ารถ ค่ากิน ค่าใช้จ่ายเหมือนกันแม่
นั่นแหละ ... แต่แม่ก็มองว่า ยังไงอยู่หอค่าใช้จ่ายมันก็มากกว่า เธอพยายามอธิบาย เอาเป็นว่า ก็เดินทางไปกลับนั่นแหละ อยากรั้นดีนัก ได้เงินเดือนมาก็หักเงินเดือนตัวเองนั่นแหละ เป็นค่าเดินทาง
แม่ค่ะ เรื่องเงิน ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ข้าวฟ่างบอก แต่จะให้หนูถ่อจากรังสิตไปสุทธิสารทุกวันหรือคะ?
ก็ใช่น่ะสิ! สำหรับคุณนายสารภี ความประหยัดมาก่อนเสมอ แล้วจะให้แม่จ้างคนขับรถส่วนตัวให้ไปส่งหรือไง?
โถ ... แม่ค่ะ ข้าวฟ่างทำเสียงอ้อนวอน
เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เริ่มงานพรุ่งนี้เลยหรือเปล่า?
ค่ะแม่
งั้นก็รีบไปนอนได้แล้ว อย่าตื่นสายไปทำงานวันแรกล่ะ ถ้าเขาไล่ออก แม่จะให้มานั่งเคาเตอร์แคชเชียร์ห้างไมเนอร์ รังสิตนี่ คอยดูแล้วกัน เสียงลิฟต์ดังขึ้นที่ชั้นห้าของหอพักวรินธร ปุ่นกับฟอร์ซที่เพิ่งดูหนังรอบดึกกันเสร็จเดินตรงไปตามทางเดินเพื่อมุ่งสู่ห้องพักของตัวเองในสภาพตาใกล้จะปิด
ไขเร็วๆ สิ ฉันง่วง ฟอร์ซงัวเงียและสั่งปุ่น
ก็บอกแล้ว ว่าให้ดูวันหลัง ก็ดันทุรังจะดูวันนี้ หนังตั้งสามชั่วโมง บอกแล้วว่าเลิกเที่ยงคืนก็ไม่เชื่อ
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังไขประตูอยู่นั้น แสงไฟจากห้องข้างๆ ก็สว่างขึ้น เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มเปิดประตูออกมา
อ้าว! ไอ้ฟอร์ซ ไอ้ปุ่น คนเป็นเพื่อนข้างห้องทักทาย เขาอยู่ในชุดไปเที่ยวพร้อมสะพายเป้ ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้ออกมาเซย์ไฮแล้วเข้าไปนอนต่อแน่
นั่นบอสเหรอ? หวัดดีเว้ย ฟอร์ซทักทายแบบเหมือนจะใส่ใจ
เพิ่งกลับมาเหรอ? บอสถาม ไปไหนมากันเนี่ย เพิ่งกลับเอาป่านนี้
อืม ... ไปดูหนังกันมา ปุ่นตอบในขณะที่ฟอร์ซเริ่มน้ำลายไหล
โห ... สวีทวีดวิ้วกันจริงนะ ไปดูหนังรอบดึกด้วยกันด้วย
ไอ้บ้า! ปุ่นตอบ นายล่ะ ดึกป่านนี้แล้ว จะออกไปไหนเนี่ย?
ว่าจะกลับบ้าน นอนคนเดียวนอนไม่หลับอ่ะ คิดถึงบ้าน
อยู่หอมาเป็นเดือนแล้ว ยังเป็นโฮมซิก โรคติดบ้านอยู่อีกเหรอ? ฟอร์ซพยายามฝืนเรียกสติคืนมา
ก็คงงั้นแหละ เช่าไว้ ไม่คุ้มเลยว่ะ จ่ายล่วงหน้าไว้ตั้งครึ่งปี
นายก็หาเพื่อนมาอยู่แทนสิ ขอสาวๆ สวยๆ ก็ดีนะ ฟอร์ซทำเสียงและสีหน้าเจ้าชู้
นี่มันง่วงหรือมันเมาเนี่ย? บอสเห็นหน้าฟอร์ซแล้วไม่แน่ใจจริงๆ
ถ้ามีสาวๆ สวยๆ มาอยู่ บอสมันคงไม่กลับบ้านหรอก ปุ่นบอก กกกันอยู่แต่ในห้องเนี่ยแหละ
โหๆ เห็นเงียบๆ ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ ไอ้ปุ่น บอสยิ้มแบบคนโดนแทงใจดำ
ไอ้นี่มันเสือซ่อนเล็บ ฟอร์ซตบไหล่ปุ่นเบาๆ ดีนะที่แค่เหงา ถ้าเมาคงอ้วกใส่ไปด้วย
เฮ้ย! ไปก่อนว่ะเพื่อน เดี๋ยวรถหมด ไว้เจอกัน บอสลาแล้วรีบเดินไป
บาย เดินทางดีๆ เว้ย ฟอร์ซโบกมือไปยิ้มไปหลับตาไปและพิงไหล่ปุ่นไป
ไอ้นี่ ยืนนิ่งๆ ได้มั้ย จะไขห้อง มาอิงอยู่ได้ เดี๋ยวถีบกระเด็น"
จากคุณ |
:
รตกร (รตกร)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันฉัตรมงคล 53 12:36:56
|
|
|
|