ความคิดเห็นที่ 1 |
ราตรีที่ 8 นกในกรงหนาม [1/2]
สำหรับราชันย์มังกรทอง คำพูดที่ว่า ...ยังไม่ถึงเวลา ที่ทูลต่อไทเฮานั้นเป็นเรื่องจริง
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของราชวงศ์จ้าวหลงจวบจนรัชสมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน
การที่ฮ่องเต้รับ บรรณาการแห่งสตรี จะกี่นางก็ได้เพื่อโยงใยฐานอำนาจแห่งจักรวรรดิเป็นเรื่องปกติสามัญธรรมดา
หากทว่า...การมีโอรสธิดามากมายจากสตรีเหล่านั้นดูจะเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่สุด...
เหล่าองค์ชายองค์หญิงหลายพระองค์ที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์มักถูกใช้เป็นเครื่องมือดึงฐานอำนาจทางการเมืองในราชสำนักให้กับตระกูลขุนนางผู้มีอิทธิพลในแผ่นดิน ความคาดหวังในอำนาจเหล่านี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายเพียงใดก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกือบทุกยุคสมัยของราชวงศ์มังกรจ้าวหลง
จ้าวหลงซีเจี๋ยจึงคิดว่า...ควรรอเวลาอีกสักหน่อย
ด้วยเหตุนี้ เหล่าสนมนางในที่มาถวายงานเกือบทุกค่ำคืนจึงได้รับ ยาพิเศษ ที่แทรกปะปนในน้ำและอาหารโดยการจัดการของหัวหน้าขันทีและนางกำนัลชั้นสูงที่ได้รับความไว้วางใจเพียงไม่กี่คน เหล่าบรรณาการแห่งสตรีทั้งหลายล้วนได้รับการควบคุมและเฝ้าจับตามองเงียบๆ ดุจนกน้อยในกรงทอง...ข้อเท็จจริงที่ราชสำนักได้เห็นจึงมีเพียงว่า...ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันไม่ทรงมีพระโอรสหรือพระธิดา
แม้นจักมีอิสตรีมากมายมาพัวพัน หากนางที่ควรเป็น แม่ของลูก ไม่จำเป็นต้องมีมากมายหลายนาง
ไทเฮาหลี่ค้อนขวับให้ลูกชายตัวดีอย่างหมั่นไส้ได้มินานก็ส่ายหน้าช้าๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง
ไปเปิดประตูระเบียงให้แม่หน่อย แม่อยากรับลมจากในสวน
ไทเฮาหลี่ปล่อยมือที่เกาะกุมแขนข้างหนึ่งของฮ่องเต้ไว้ แล้วเดินตรงไปนั่งที่ตั่งไม้ตัวยาวรูปทรงคล้ายเตียงเล็กๆ ที่จัดวางไว้ยังมุมเล็กใกล้กับประตูไม้ลายฉลุมังกรเมฆา ผู้เป็นโอรสสวรรค์ทำตามคำขอของมารดาอย่างว่าง่าย ร่างสูงโปร่งในชุดตัวยาวสีขาวอมทองก้าวเดินว่องไวไปขยับประตูไม้ฉลุลายให้เปิดรับสายลมบางเบาผ่านเข้ามา...โลกที่ซ่อนอยู่หลังบานประตูนั้นคือระเบียงไม้ที่ยื่นตรงไปยังอุทยานเล็กๆ ที่จัดสวนอย่างสวยงาม ต้นดอกเหมยสูงโปร่งที่ไม่ผลิบานในฤดูกาลนี้ยืนรับแสงดาวเงียบสงบ มีเพียงลมกลางคืนพัดวูบไหวส่งกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาชนิดให้ผ่านเข้ามา
ไทเฮาหลี่นั่งมองฮ่องเต้หนุ่มหันหลังเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับนางด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ใจหนึ่งนึกแปลกใจ...การอบรมเลี้ยงดูของนางและอดีตฮ่องเต้มีสิ่งใดผิดปกติไปหรือไร จึงทำให้จ้าวหลงซีเจี๋ยกลายเป็นฮ่องเต้มังกรทองที่เห็นความสำคัญของเหล่าสตรีเป็นเพียงบรรรณาการแห่งอำนาจเท่านั้น
และเท่าที่สังเกตเห็นตลอดมา ด้วยอุปนิสัยเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นภายใต้การปกครองของฮ่องเต้... ไม่ว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์หรือไม่เพียงไรหากจ้าวหลงซีเจี๋ยก็ให้ความสำคัญกับสตรีทุกคนแทบจะไม่ต่างกัน สนมนางในแลนางกำนัลทั้งหลายล้วนได้รับการดูแลเอาใจใส่ตามสมควรก็เป็นเรื่องที่นางได้เห็นและรับรู้อยู่เสมอ
ทำดีด้วย...แต่ก็ไม่ได้รัก...
ใครเล่าจะคาดคิด บุรุษที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ อำนาจ ทรัพย์ศฤงคาร ทั้งอุปนิสัยน่าชื่นชมและมีรอยยิ้มพิมพ์ใจสะกดหัวใจใครต่อใคร...หากภายในคลับคล้ายคนเย็นชา ไม่สนใจคุณค่ารักแท้จากอิสตรีใดๆ
จ้าวหลงซีเจี๋ยแกล้งทำท่าทอดถอนใจอย่างเลียนแบบมารดาทั้งที่เรียวปากหยักแดงเรื่อขยับรอยยิ้ม เสียงทุ้มห้าวหยอกเย้า
เสด็จแม่ยังกังวลเรื่องหลานอยู่หรือพะย่ะค่ะ
หลี่เหมยเซียงค้อนขวับลูกชายตัวร้ายแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง รู้สึกตัวอีกที...จ้าวหลงซีเจี๋ยก็ล้มกายมานอนซบหนุนตักนางอย่างประจบเอาใจ
เจ้าไม่รักใครสักคน แล้วแม่จะมีหลานที่น่ารักได้อย่างไร
ก็เคยทูลเสด็จแม่มาตั้งนานแล้ว ลูกมีเสด็จแม่ก็พอ จะรักสตรีอื่นไปทำไมกัน
ร่างสูงหนาหนั่นบนตักของแม่หัวเราะเบาๆ หัวใจรู้สึกนุ่มนวลขึ้นเมื่อนึกถึงความอบอุ่นที่เคยได้รับจากครอบครัวอันเป็นที่รักในครั้งวัยเยาว์ ดวงพักตร์งามสง่ากว่าบุรุษใดในแผ่นดินแหงนมาทำตากะพริบปริบๆ อย่าง...ใสซื่อ จนดูน่าหมั่นไส้ หลี่เหมยเซียงอมยิ้มบางๆ มือขาวนวลของแม่ลูบไล้เส้นผมดำยาวสยายและไหล่หนาของลูกชายอย่างรักใคร่
แล้วฉางเอ๋อร์ ราชินีแสงจันทร์ของเจ้าล่ะ
ให้อย่างไร เหวินฉางซีเหมย ธิดาตระกูลขุนนางชั้นสูงเชื้อสายราชวงศ์ก็เป็นสะใภ้หลวงที่นางคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ทั้งชาติตระกูลที่คู่ควร ทั้งบุคลิกงามสง่าและความนิ่งสงบไม่หวั่นไหว นางเป็นสตรีอายุน้อยที่ไทเฮาหลี่มองเห็นว่า...สตรีเช่นนี้จึงจักเหมาะสมกับลูกของนางยิ่งกว่าใครโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามความสมัครใจของลูกชาย
และ...จะเป็นเพราะความเหมาะสม ผลประโยชน์แห่งราชบัลลังก์ หรือด้วยเหตุใดก็ตาม จ้าวหลงซีเจี๋ยก็ยอมรับการตัดสินใจของไทเฮาแต่โดยดี มิได้คัดค้านหรือปฏิเสธใดๆ
ฉางเอ๋อร์เป็นคนพิเศษ เป็นน้องสาวและเพื่อนที่ดีที่สุดของลูกมาตั้งแต่เด็ก เสด็จแม่ก็ทรงทราบ
เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยตอบตามความจริง กระทั่งแววตาอ่อนโยนยังนิ่งสงบดุจค่ำคืนเยือกเย็นที่ไม่เคยมีพายุใดเกิดขึ้น...ไทเฮาหลี่ลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างนึกระอาใจ แต่ยังไม่ยอมแพ้
แล้วพระสนมที่มาใหม่จากจักรวรรดิต้าเยี่ยนล่ะ เขาลือไปทั่ววังว่า ฮ่องเต้ทรงโปรด เจ้าจะว่าอย่างไร
นางจากบ้านมาไกลสู่แผ่นดินของศัตรูที่เคยทำศึกสงครามกันมา ที่พึ่งของนางจึงมีเพียงลูก ลูกจึงต้องใส่ใจนางบ้างพะย่ะค่ะ
เสียงทุ้มห้าวเจือเสียงหัวเราะเบาๆ ดวงตาสีรัตติกาลมีรอยเอ็นดูเมื่อนึกถึง หาก...ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
หลี่เหมยเซียงจ้องมองทุกอาการของลูกชายตัวดีอย่างนึกหมั่นไส้ปนหงุดหงิดเล็กๆ เชื่อมั่นแล้วว่านางเป็นอิสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่โชคดียิ่งกว่าใคร...โอ ฝ่าบาทเจี๋ยอวิ๋นหลง ดีเหลือเกินที่ทรงตามหาหม่อมฉันจนพบและไม่เคยแบ่งปันความรักของฝ่าบาทให้กับสตรีนางใด...
เอาล่ะๆ แล้วนางอื่นๆ ของเจ้าล่ะ มีอะไรเล่าให้แม่ฟังไหม
ใบหน้าหล่อเหล่าคมคายแห่งราชันย์มังกรทองยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงเนตรสีรัตติกาลพราวระยับอย่างเห็นทุกสิ่งที่พานพบเป็นเพียงเรื่องสนุก
จะนางใดก็งดงามจนลูกมิทราบควรหาข้อติอย่างไร เสด็จแม่ทรงโปรดสตรีเช่นไรหรือพะย่ะค่ะ ลูกจะได้สรรหาแบบที่พอพระทัยมาเล่าถวาย
จ้าวหลงซีเจี๋ยหัวเราะเบาๆ แล้วปิดเปลือกตาลง ไม่ได้สนใจอาการค้อนขวับตวัดอย่างหมั่นไส้ลูกชายตัวร้ายอย่างสุดกำลังของไทเฮาหลี่อีกเลย
ภายใต้รอยยิ้มเย็นใจ หทัยแห่งราชันย์กำลังนึกย้อนประหวัด...เหตุการณ์ที่ได้พบเห็นขณะออกตะลอนไปนอกวังยังเขตเมืองหลวง ประชาชนชาวต้าหลงเจี๋ยล้วนมีความสุขสงบ ประกอบอาชีพหลากหลายได้อย่างสบายใจภายใต้พระราชอำนาจแห่งฮ่องเต้มังกรทอง กระทั่งพ่อค้าช่างฝีมือทำเครื่องประดับที่ขายปิ่นไม้รูปดอกเหมยที่เขาซื้อมาเป็นของกำนัลให้มารดาก็มีเวลาสงบสุขมากพอที่จะสร้างผลงาน ไม่เว้นกระทั่งชาวยุทธ์ที่เดินทางท่องโลกกว้างด้วยชีวิตอิสระน่าหลงใหลอย่าง...เซี๊ยะฟ่ง
สำนักใดในยุทธภพที่ทำงานรับใช้ต้าหลู่เหลียงน่ะหรือ?
ใบหน้าผ่องใสไร้การตกแต่งของเถ้าแก่เนี้ยเซี๊ยะฟ่งค่อยแวบผ่านเข้ามาในความทรงจำ สีหน้าของนางเป็นรอยเครียดขึ้นเมื่อนึกถึงข้อมูลในยุทธภพที่ได้รับรู้มาทว่ามินานก็เปลี่ยนสีหน้า ดวงตาเรียวงามหรี่มองจ้องเขม็งไปยังบุรุษในชุดขาวอมทองที่มีบุรุษในชุดดำอีกคนคอยอารักขาอยู่ข้างๆ
แล้วท่านจะรู้ไปทำไม
ในเมื่อเจ้าเป็นคนขายข่าวก็ไม่จำเป็นต้องถามผู้ว่าจ้างมิใช่หรือ
เสียงคุณชายจ้าวของเซี๊ยะฟ่งไม่ยินดียินร้ายช่างขัดกับใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดียิ่งนัก
เฮอะ เซี๊ยะฟ่งแค่นเสียงในลำคอ ก็คงเป็นอย่างที่นางเคยคิด บุรุษที่น่าชื่นชมผู้นี้คงไม่ใช่คนสามัญธรรมดา แต่คงเป็น คนใน ที่ทำงานให้กับราชสำนัก มีเรื่องเล่าลือในหมู่จอมยุทธ์ฝีมือสูงและเหล่านักฆ่าที่รับงานตามคำสั่งอยู่บ้างว่า จงระวังนักฆ่าจากสำนักชิงหลวน[1]
เซี๊ยะฟ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะอดใจหันมาจ้องมองท่วงท่าการรินเหล้าอย่างน่าดูชมของ คุณชายจ้าว ไม่ได้...บุรุษผู้งามสง่ากว่าใครที่เคยเห็นในแผ่นดินกำลังรินเหล้าให้นางเพียงคนเดียวไม่น่าดูชมน้อยไปหรือ? ประเสริฐนัก !!
เจ้าจะบอกว่าสำนักชิงหลวนทำงานให้กับราชสำนักต้าหลู่เหลียงอย่างนั้นหรือ อาฟ่ง
บุรุษผู้มีรอยยิ้มพิมพ์ใจประดับบนใบหน้าอยู่เสมอตั้งอกตั้งใจฟังอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก มีเพียงดวงตาสีรัตติกาลเท่านั้นที่สงบนิ่งเยือกเย็นอย่างอ่านอารมณ์แท้จริงไม่ได้...
ชิงหลวนเป็นสำนักพรรคมารที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับในแผ่นดินต้าหลู่เหลียง นอกจากลือกันว่า รับงานฆ่าคนตามใบสั่ง เป็นงานหลัก แต่โฉมหน้าที่แท้จริงกลับเป็นทหารหน่วยพิเศษที่ปฏิบัติภารกิจลับให้ราชสำนักแห่งแดนพยัคฆ์
ฟังดูน่าสนใจดี
ใช่ไหมล่ะ? และที่ต้องขอเตือนให้ระวังนั่นเพราะนักฆ่าจากสำนักชิงหลวนทุกคนล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เคยเลือกวิธีการหรือสนใจศีลธรรม ขอแค่ให้ภารกิจสัมฤทธิ์ผลเป็นใช้ได้ คนของสำนักนี้มีทั้งชายและหญิง เชี่ยวชาญการต่อสู้หลายแขนง รวมไปถึง...การใช้พิษเสน่หาระหว่างสตรีกับบุรุษ ล่อลวงให้เหยื่อทุกรายลุ่มหลงด้วยความรักและตัณหาราคะ
พอเล่ามาถึงตรงนี้ เซี๊ยะฟ่งก็หันมาจ้องเขม็ง ดวงตาเรียวยาวหรี่มองอย่างคาดคั้น สบสายตาเยือกเย็นของคุณชายจ้าว
กระทั่งพิษเสน่หายังถูกนำมาใช้ ช่างน่ากลัวเหนือความคาดหมาย
แม้ข้าไม่รู้ว่าท่านจะสืบข่าวเรื่องนี้ไปทำไม แต่ก็ขอเตือนว่าอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคมารนี้เป็นอันขาด !
เถ้าแก่เนี๊ยะสาวเสียงเข้มขึ้น ท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน...แววตาเป็นห่วงเป็นใย
เป็นห่วงข้าหรือ อาฟ่ง จ้าวหลงซีเจี๋ยเอ่ยถามนุ่มนวล ใจดี อีกทั้งรอยยิ้มอ่อนหวานนั่นอีกจนคนที่มองเห็นอดใจอ่อนยวบไม่ได้
จะไม่ห่วงได้อย่างไร สหายข้า ก็สำนักก้วนหลวนธรรมดาน้อยหรือ เสียงของนางอ่อนลง แล้วระบายลมหายใจยาว
ท่านคงไม่รู้ ในช่วงที่หลายดินแดนก่อศึกสงคราม หลายต่อหลายครั้ง ผู้คนล้วนล้มตายมากมาย ใช่แต่ทหารขุนศึกหากประชาชนยังพบความสูญเสียไม่เว้นกระทั่งเด็กตัวเล็กๆ เด็กกำพร้ามากมายหากไม่อดตายก็ถูกคนบางกลุ่มพาไปชุบเลี้ยงเอ็นดูดุจสัตว์เลี้ยงในกรงหนามที่ยินยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนายผู้กลายเป็นเจ้าชีวิตเท่านั้น
จ้าวหลงซีเจี๋ยพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ จ้องมองเซี๊ยะฟ่งที่เงียบลงอีกครั้ง ดวงตาของนางหม่นหมองลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์แห่งแผ่นดินที่นางเคยเดินทางประสบพบเห็นมา
และสำหรับพรรคมารก้วนชิงหลวน ในหลายสิบปีมานี้ได้สร้างนักฆ่าผู้มากฝีมือมาแล้วหลายรุ่น...มือสังหารที่ไร้หัวใจ รู้จักเพียงการเข่นฆ่าโดยไม่เลือกวิธีตามคำสั่งของนายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น !
ดวงพักตร์คมคายบนตักของไทเฮายังปิดเปลือกตาสนิท ซ่อนทุกสิ่งที่ครุ่นคิดคำนึงไว้ในหทัยแห่งราชันย์เงียบเชียบ...
ในฐานะจอมทัพและจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมังกรทอง
จ้าวหลงซีเจี๋ยเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และหลายต่อหลายครั้ง...ก็เป็นเขาที่หยิบยื่นความตายให้แก่มือสังหารเหล่านั้น
ณ เวลานี้ การศึกสงครามระหว่างต้าหลู่เหลียงและต้าหลงเจี๋ยว่างเว้นมานานหลายปีจนน่าแปลกใจ หาก ข่าว จากสายสืบลับๆ ของกองทัพที่ถูกส่งไปตามแนวชายแดนทั้งล่วงล้ำผ่านดินแดนพยัคฆ์ก็ทำให้พอรู้
ต้าหลู่เหลียงกำลังจัดวางกลยุทธ์และฝึกซ้อมกองทัพ
จะแผนการร้ายด้วยกลยุทธ์เลิศล้ำเพียงใด หากมั่นใจได้เลยว่า...ต้าหลู่เหลียงย่อมปรารถนาการสูญสิ้นแห่งจักรวรรดิต้าหลงเจี๋ยเป็นสิ่งสำคัญ
อีกไม่นาน... สงครามระหว่างสองจักรวรรดิอาจเริ่มขึ้นอีกครั้ง !!
---- มีต่อค่ะ ----
| จากคุณ |
:
WriterZZ (นู๋ครีมสด)
|
| เขียนเมื่อ |
:
วันฉัตรมงคล 53 21:44:26
|
|
|
|