Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระจกเงา  

กระจกเงา

...ที่เหลือฝากด้วยนะ ช่วยทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงที...

หญิงสาวลูบไล้ใบหน้าของตนเอง ภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาตรงหน้านั้นไม่ได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอเลยแม้แต่น้อย

หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหน้าต่างของดวงใจอันทุกข์ระทมแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งจากภายใน

...................................................

...คำล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นคำพูดที่หญิงสาวได้ยินได้ฟังจนมันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นในหลายครั้งที่เพื่อนๆ หรือใครๆ พูดไม่ได้มีความหมายอย่างที่พูดแต่อย่างใด แต่เธอเองก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ที่ต้องได้ยินซ้ำๆ และทุกๆ วันที่ได้ยินมันก็คอยแต่จะกัดกินจิตใจของเธอ

...ความดีชนะได้ทุกสิ่ง ความเก่งความฉลาดต่างหากที่เป็นความสวยงามที่แท้จริง...

ถึงแม้หญิงสาวจะคิดและพยายามทำในสิ่งนั้นมาตลอดระยะเวลานาน  แต่สุดท้ายเธอก็ได้ค้นพบความจริงอันแสนเจ็บปวดสองประการ

หนึ่งก็คือสิ่งที่เธอคิดใช้ไม่ได้กับเรื่องทุกเรื่อง และสอง...เพียงแค่ความพยายามไม่สามารถทำให้เรื่องทุกเรื่องเป็นจริงได้

ในสมัยเรียนหญิงสาวเป็นนักเรียนที่เรียนเก่ง แต่นักเรียนเก่งก็เป็นได้เพียงแค่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้น

เธออยากได้คำชื่นชม อยากเป็นที่นิยม และอยากจะให้มีใครๆ รายล้อมเหมือนอย่างคนรูปร่างหน้าตาดีหรือเด็กอัจฉริยะที่สร้างชื่อเสียงให้สถาบัน

...หญิงสาวอยากเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ ใครๆ ก็ต้องเกรงใจ...

ในวัยทำงานหญิงสาวเป็นคนที่ทำงานเก่ง แต่ก็เช่นกันที่คนทำงานเก่งมักเป็นได้เพียงแค่พนักงานดีเด่น เธอเป็นได้เพียงแค่คนนั่งยิ้มอยู่ที่มุมเงียบๆ ในงานสังสรรค์เท่านั้น

...ใช่แล้ว เรื่องบางเรื่องไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไปไกลกว่านี้ไม่ได้...

หญิงสาวเพ่งมองกระจกที่เธอเคยหวาดกลัว กระจกบานแปลกที่เธอได้มาจากร้านที่แปลกไม่แพ้กันเมื่อนานมาแล้ว เธอจำได้ดีในวันที่นำมันกลับมาด้วยความรู้สึกดึงดูดบางอย่าง

เมื่อหญิงสาวจ้องมองใบหน้าของตนเองในกระจกเงาบานนี้ เธอมักจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากภาพในกระจกเงาบานอื่นๆ

หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตนเองในกระจกเงาดูดีขึ้น ใช่ บางทีอาจจะสวยขึ้นหรือดูมีเสน่ห์ขึ้นในความรู้สึกของเธอเอง

ราวกับมีเสียงหรือแรงจูงใจอะไรบางอย่างบอกให้เธอหันกลับมาแต่งตัวและเปลี่ยนบุคลิกตัวเองเสียใหม่ซึ่งเธอเองก็ทำตามแต่โดยดี

และหลังจากนั้นก็ดูเหมือนชีวิตของหญิงสาวจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เพื่อนร่วมงานเริ่มเห็นและออกปากชมในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เธอเริ่มคุยและเข้ากลุ่มกับคนอื่นในเรื่องทั่วๆ ไปได้มากขึ้น

...และที่สำคัญเธอเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น...

คืนหนึ่งที่เธอมองและยิ้มให้กับตัวเองในกระจก

“เธออยากสวยอยากเป็นที่นิยมชมชอบมากกว่านี้มั้ยล่ะ”

เสียงคุ้นเคยดังผ่านกระจกเงานั้นออกมา หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยอาการตื่นกลัว แต่กระนั้นเธอก็ยังคงหาที่มาของเสียงจากที่อื่น

“ไม่ผิดหรอก ฉันอยู่ในนี้”

เสียงนั้นยังคงตอกย้ำให้หญิงสาวมั่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมองภาพตัวเองในกระจกที่บัดนี้ไม่ได้แสดงท่าทางเหมือนเธอเลยแม้แต่น้อย

“เธอพอใจแล้วเหรอกับการที่ดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อย กับการที่เข้ากับคนอื่นๆ ได้นิดหน่อยอย่างนี้”

หญิงสาวในกระจกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่หญิงสาวเองถอยตัวออกห่าง

“ถึงเธอจะพอใจ แต่ฉันไม่พอใจหรอกนะ เพราะฉันก็คือเธอนี่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นยังไง”

หญิงสาวจำได้เพียงว่าเธอกรีดร้องพร้อมกับวิ่งออกมา และหลังจากนั้นเธอก็เก็บกระจกบานนั้นไว้ในห้องเก็บของที่มิดชิดที่สุดในบ้าน

วันเวลาผ่านไป หญิงสาวเริ่มมีความรัก เธอประทับใจในความสนุกสนานและเข้ากับคนง่ายของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และเพื่อให้อยู่ในสายตาของเขาเธอจึงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มากกว่าเดิม

หญิงสาวพยายามแต่งตัวให้ดูดีขึ้นในความคิดของเธอ คอยช่วยเหลือเรื่องงานให้กับเพื่อนร่วมงาน และพยายามเข้ากลุ่มพูดคุยเรื่องต่างๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อน

หญิงสาวมองตัวเองในกระจกกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เธอรู้สึกพึงใจกับสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้น หากแต่ในส่วนลึกอีกด้านหนึ่งเธอเองกลับเกิดความรู้สึกขัดแย้ง

ในเวลานี้หญิงสาวคิดว่าตัวเองได้หลุดพ้นออกมาจากความขมขื่นในอดีตและมีชีวิตใหม่เรียบร้อยแล้ว เธอวาดฝันไว้อย่างสวยงามถึงเรื่องราวในอนาคตกับชายที่เธอหลงรัก

และเพียงข้ามวันเท่านั้น การ์ดแต่งงานที่หญิงสาวได้รับก็กลับฉุดดึงเธอลงมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“การ์ดแต่งงานของเรา เราให้เธอคนแรกเลยนะ เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทและดีกับเราที่สุด”

หญิงสาวยื่นมือรับการ์ด มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเลือนรางขึ้นมาในบัดดล สมองราวกับจะสั่งการไม่ให้เชื่อสิ่งที่หูทั้งสองข้างได้ยิน

“เธอต้องไปให้ได้นะ ถ้าไม่ไปงานนี้มีเคือง”

เธอได้แต่ฝืนยิ้มแห้งๆ ให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่เธอแอบวาดฝันไว้ เธอคิดว่าหากไม่ยิ้มตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง

โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรมซะเลย ใช่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาโลกนี้ก็ไม่ได้มีความยุติธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว บางคนเกิดมามีทั้งรูปทรัพย์และทรัพย์สมบัติ แต่เธอเองกลับไม่มีอะไรเลย

ไม่ว่าจะพยายามยังไง ไม่ว่าจะเหนื่อยหน่ายทนเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสักเท่าไหร่ แต่บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้ด้วยเรื่องเพียงแค่นี้

...จนถึงตอนนี้ เธอเหนื่อยเหลือเกิน เกินกว่าจะฝืนตัวเองเพื่อทำในสิ่งต่างๆ อีกต่อไป...

หญิงสาวมองตัวเองในกระจกเงาบานเดิมที่เธอเก็บมันเอาไว้ในห้องเก็บของมานาน ภาพในกระจกบานนั้นเป็นเธอที่งดงามขึ้นมากราวเทพธิดา

“เธอก็คือฉัน ความสุขของเธอก็คือความสุขของฉัน”

ภาพในกระจกเปล่งเสียงออกมา หญิงสาวเหม่อมองภาพตัวเองในนั้นที่งดงามกว่าเธอมากนัก

“และแน่นอนว่าความสุขของฉันก็คือความสุขของเธอเหมือนกัน”

ภาพในกระจกยื่นหน้าเข้ามาราวกับจะทะลุแผ่นกระจกออกมา

“ให้ฉันทำแทนมั้ยล่ะ เรื่องที่เธอทำไม่ได้ฉันจะทำต่อให้เอง”

หญิงสาวเหม่อลอย ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าตัวเองในกระจก เธออ่อนล้าเกินกว่าจะทำจะรับรู้เรื่องราวอะไร ในเวลานี้เธอคิดเพียงว่าไม่อยากต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

“ฝากด้วยนะ ช่วยทำให้ฝันของฉันเป็นจริงด้วย”

คำพูดที่แฝงไว้ด้วยความทุกข์ระทม น้ำตารินไหลราวกับความอัดอั้นทั้งมวลได้ถูกปลดปล่อยออกมา ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในกระจกยิ้มอย่างผู้มีชัย

...................................................

ห้องมืดมิดที่ถูกคล้องด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ ชายชราถือกระจกบานหนึ่งซึ่งเคยถูกนำออกมาจากร้านเมื่อหลายปีมาแล้ว

“ข้าเคยคิดว่าเจ้าจะรอดพ้นไปได้และค้นพบในสิ่งที่เป็นตัวของเจ้าเองอย่างแท้จริง”

สายตามองภาพหญิงสาวระทมทุกข์ที่สะท้อนอยู่ในบานกระจกนั้น หญิงสาวที่บัดนี้ไม่อาจคาดหยั่งได้ว่าเธอมีความรู้สึกหรือความคิดแบบไหน

“เจ้าพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่าง พยายามทำตัวเองให้ดูดีขึ้นเพื่อที่จะให้คนอื่นๆ หันมาสนใจ แต่กลับเป็นเจ้าเองต่างหากที่ไม่เคยสนใจความรู้สึก ไม่เคยหันกลับมามองตัวเองเลย”

ชายชราหลับตา ถอนหายใจเบาๆ

“ถูกต้องแล้วที่โลกนี้ไม่ได้มีความยุติธรรมมาตั้งแต่แรก แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ายึดถือความยุติธรรมแบบไหนต่างหาก”

“ในโลกนี้ต้องมีความยุติธรรมที่เหมาะสมกับตัวของเจ้าอย่างแน่นอน แต่เจ้ากลับเลือกที่จะยึดถือและวิ่งตามความยุติธรรมในมุมมองของคนอื่น จนในที่สุดเจ้าก็พ่ายแพ้...”

“...เช่นเดียวกับผู้ที่เป็นเจ้าของกระจกบานนี้ที่ผ่านๆ มา”

สายตาชายชราทอดยาวไปในความมืดมิด กระจกเงาสามารถสะท้อนความจริงตรงหน้าของมันได้ แต่สิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นกลับหาใช่ความจริงไม่

การยึดติดและพอใจกับภาพลวงตาจนปล่อยให้ภาพเหล่านั้นกลืนกินความเป็นจริง สุดท้ายแล้วตัวตนที่แท้จริงก็จะกลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตาที่ถูกคุมขังอยู่แต่เพียงในกระจกเงาเท่านั้น

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 22:42:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com