ความคิดเห็นที่ 1 |
Chapter 16
ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ภายในห้องหนึ่งคล้ายกับห้องสมุดของคฤหาสน์หลังโตอย่างเงียบเชียบ เขานั่งในมือจับไม้เท้าที่ยันพื้นไว้แน่น เส้นผมและหนวดเคราสีขาวเมื่อดูรวมกับใบหน้าและสายตาที่ดูดุดันจึงเป็นชายชราที่ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก เขาจดจ้องชายผู้ที่เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่วางตา ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจหรือำลังเกรี้ยวกราดใดต่อชายหนุ่มสวมแว่นตาดำในชุดสูทสีดำที่พกดาบสีดำขนาดใหญ่เข้ามาภายในห้องนั้น
“ให้ตายสิ ใส่สูทนี่ทำไมมันอบอ้าวซะจริง ๆ เลย” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวพลางถอดแว่นตาดำออก มาลโลนั่นเอง เขาจ้องไปที่ชายชราซึ่งจ้องเขาไม่วางตาตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง
“มีอะไรรึมาลโล ถึงได้ถ่อมาหาฉันถึงที่บ้านนี่” ชายชรากล่าวถามอย่างเย็นชา เขายังคงจดจ้องไปที่มาลโลสายตาของเขานั้นอ่านไม่ออกเลยว่ากำลังไม่พอใจ โกรธ หรือสงสัยในตัวของชายที่มาเยือนเขากันแน่
มาลโลที่จดจ้องอยู่นั้นหาได้หวั่นเกรงในสายตาของชายชราไม่ เขาเบ้ปากนิดหน่อยก่อนที่จะหันไปหยิบเก้าอี้ในบริเวณนั้นมาตั้งไว้ไม่ห่างจากชายชราแล้วนั่งลงพลางจดจ้องไปที่เขาแล้วตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงสัยต่อสิ่งที่ชายชราคิดจะทำ “เอียนบอกข้าว่าเจ้าต้องการให้ทดลองสร้างไอ้เจ้าสิ่งประดิษฐ์ที่มีรูปร่างคล้ายพวกเทวดานั่นในแบบอื่น ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เกราะ เพื่อจะได้ผลิตออกมาแบบจำนวนมาก... เจ้าจะเอาไปทำอะไรกันแน่ ‘กานอซซ่า’ พอจะบอกข้าได้รึไม่”
ชายชราผู้ถูกเรียกว่ากานอซซ่า ลุกจากเก้าอี้ของตนเองไปยังชั้นหนังสือภายในห้อง เขาเดินได้คล่องแคล่วกว่าลักษณะสภาพและอายุของเขามาก จนราวกับว่าสภาพที่ดูเป็นคนชรานั้นเป็นเพียงสภาพภายนอกที่ไม่มีผลต่อพละกำลังแต่อย่างใด เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิด แล้วกล่าวกับมาลโลอย่างช้า ๆ “เตรียมรับมือ...เผื่อว่าต้องใช้กองกำลังจำนวนมากเข้าปะทะกับผู้ที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของฉัน...ก็แค่นั้นล่ะ”
มาลโลเบ้ปากพร้อมกับยักไหล่เหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งที่กานอซซ่ากล่าว พร้อมกับกล่าวออกไป “กะผลิตออกมาซะแยะยังกับว่าไปเจอเจ้าของอาวุธนั่นมากมายแล้วเช่นนั้นล่ะ”
กานอซซ่าเหลือบตามามองมาลโลนิดหน่อย จึงปิดหนังสือเล่มที่เขาหยิบมาจากชั้นแล้ววางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือใกล้ ๆ ตัวเขาพร้อมทั้งใช้มือทั้งสองจับไม้เท้าที่ยันพื้นไว้ก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ที่ญี่ปุ่น...ผู้ครอบครองแส้แห่งออซม่าตื่นขึ้นมาแล้ว แถมจัดการละเลงเลือดเหล่าผู้คนไปมากมาย และในเวลาไล่เลี่ยกันผู้ครอบครองอามาโนะมุราคุโมะก็ปรากฏตัวแล้วก็ปะทะกับผู้ครอบครองแส้แห่งออซม่า จนพื้นที่แถบนั้นแหลกซะยังกับ ทอร์นาโดถล่มเลยเชียวล่ะ”
“หา...ผู้ครอบครองอาวุธมาโผล่ในที่ใกล้ ๆ กันเนี่ยนะ แถมยังปะทะกันด้วย” มาลโลออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ผู้ถืออาวุธทั้งสองโคจรมาพบกันและเกิดการปะทะกันอย่างง่ายดายเช่นนั้น
“เท่าที่สายของฉันตามข่าว สตรีผู้ครอบครองแส้แห่งออซม่าดูจะบ้าคลั่งเลยเป็นผลให้เธอถล่มทุกอย่างที่ขวางหน้าน่ะ เลยทำให้ผู้ที่ถือดาบเทพเจ้าเข้าขัดขวาง” กานอซซ่ากล่าวพร้อมกับหลับตาลงด้วยความหนักใจ ด้วยคิดถึงคนบ้าที่มีอาวุธร้ายแรงในมือคงจะเข้าไปพูดคุยมาเป็นพวกด้วยยากยิ่งนัก
“ก็แค่สองเองนี่นา” มาลโลกล่าวพลางสะบัดมือไปมา
กานอซซ่าลืมตาขึ้นมามองมาลโล แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อไป “มีข่าวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเทพบันดาลสุขทิลฟิงค์ที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็แค่ข่าวตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดพบมันราวกับว่าผู้ครอบครองเก็บรักษาไว้ได้อย่างดีมากจนไม่มีใครเจอตัวมันจะ ๆ เลย ที่ประเทศจีนเองก็มีข่าวการปะทะกันของผู้ครอบครองหัตถ์เทพเจ้า และกรงเล็บปีศาจแต่เหมือนแค่เป็นการทักทายกันเฉย ๆ เพราะหลังจากการปะทะผู้ครอบครองหัตถ์เทพเจ้าก็หายตัวไปเลย นอกจากนี้ยังมีผู้ถือครองดูมบลิงเกอร์ และผู้ครอบครองเอ็กซ์คาลิเบอร์โผล่มาที่เยอรมันอีก นี่ฉันยังไม่ได้นับอัลฮาซาร์ดของดาวจรัสแสงแห่งโลกมืด และหอกแห่งโชคชะตาของเพลิงพิสุทธิ์ ที่ทั้งสองเที่ยวเดินไปเดินมาในโลก ณ เวลานี้หรอกนะ”
คำว่าดาวจรัสแสงแห่งโลกมืด และเพลิงพิสุทธิ์ ดูจะทำให้มาลโลตกใจอย่างมากจนไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่กานอซซ่ากล่าวถึงเลย ด้วยเพราะเขาคิดว่าทั้งสองนั้นยังอยู่ในนิทรามิได้ตื่นขึ้นบนโลกในเวลานี้แต่อย่างใด การที่กานอซซ่ามาบอกเช่นนี้จึงทำให้เขาแสดงอาการตกใจจนลุกขึ้นถามกานอซซ่าด้วยทันที “ว...ว่ายังไงนะเพลิงพิสุทธิ์ ‘อนาคิม’ ตื่นแล้วรึ”
กานอซซ่าออกจะแปลกใจกับท่าทางของมาลโลนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไป เขาได้แต่ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยดูจะไม่ได้หวั่นวิตกเท่าคำที่เขาพูดก่อนหน้านี้ “ตื่นนานแล้วล่ะ การข่าวของเราผิดพลาดเธอไม่ได้นอนอยู่ที่เดิมมานานแล้ว เรียกได้ว่าหลังจากที่เธอบุกไปถล่มวาติกันเมื่อกว่าพันปีก่อนเธอก็ตื่นยาวมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยก็คงจะว่าได้”
“แล้วทำไมพวกวาติกันนิ่งเฉยได้ขนาดนี้?” มาลโลออกจะแปลกใจกับคำตอบของกานอซซ่าอย่างยิ่ง ด้วยอนาคิมที่น่าจะเป็นอันตรายต่อโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ตื่นทั้งทีและยังบุกไปเล่นงานศูนย์กลางคริสตร์จักรอย่างวาติกัน หากแต่พวกนักบวชในวาติกันกลับนิ่งเฉย ไม่ทำสิ่งใดตอบโต้เลย
กานอซซ่าหยิบหนังสือเล่มที่เขาอ่านเมื่อครู่ให้มาลโลไปพร้อมกับกล่าวออกมา “จากที่สายของเราแทรกซึมไปถึงข้อมูลลึก ๆ ภายในวาติกัน สามารถสรุปได้ว่าจารึกเกี่ยวข้องกับเธอนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง...เธอหาได้เป็นศัตรูกับวาติกันไม่ ซ้ำออกจะผูกมิตรกันในฐานะสหายร่วมรบเสียด้วยสิ”
มาลโลรับหนังสือมาจากกานอซซ่าแบบงุนงง สิ่งที่เขาเคยคิดคาดการณ์ไว้นั้นดูจะผิดเพี้ยนไปเสียหมด เผ่าเนฟิลิมที่น่าจะเป็นศัตรูกับมนุษย์กลับกลายมาเป็นมิตรเสียได้ จนเขานึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้จึงกล่าวถามกานอซซ่าออกไปด้วยใจที่หวังว่ามันจะไม่ผิดเพี้ยนไปอีก “แล้วเพลิงพิสุทธิ์ กับดาวจรัสแสงแห่งโลกมืดยังเป็นศัตรูกันอยู่ใช่หรือไม่”
ชายชรานำมือมาลูบหนวดสีขาวที่ขึ้นยาวอยู่เหนือริมฝีปากของเขาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมในขณะที่มองมาลโลที่ถามเขาด้วยอาการลุ้นระทึกต่อคำตอบ กานอซซ่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบไป “เท่าที่สายพยายามหาข้อมูลลึก ๆ จากวาติกัน ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสองดูจะสนิทรักใคร่กันอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งยังเคยร่วมมือกันต่อสู้กับบางสิ่งที่แถวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอีกด้วย”
เป็นคำตอบที่มาลโลไม่อยากได้ยินมากที่สุด ตำนาน จารึกต่าง ๆ ที่เขาเคยอ่านมากลายเป็นเรื่องหลอกลวงไปเสียหมดสิ้นกลายเป็นว่าคู่สงครามอย่างอนาคิมและลิลิธกลายเป็นสหายรักกัน ความขัดแย้งระหว่างเผ่าเนฟิลิมและวาติกันเป็นเรื่องโกหก เขาที่รับฟังคำตอบพวกนี้แล้วก็ให้รู้สึกรับไม่ได้อย่างมาก
กานอซซ่าที่ยืนมองท่าทางที่ตกตะลึงตาค้างของมาลโลนั้นก็ย้อนถามกลับไปทันที “ลูกครึ่งมนุษย์ปีศาจที่อยู่มานานอย่างนาย ไม่ระแคะระคายเรื่องนี้เลยรึ?”
มาลโลที่พยายามตั้งสติตนเอง เขาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมากมายบนใบหน้าด้วความเครียดออก ก่อนที่จะตอบกานอซซ่าไป “ไม่เลย มันไม่มีอะไรที่บอกเล่าเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย จนตอนนี้ข้าเริ่มสับสนไปหมดแล้ว”
กานอซซ่าเลิกคิ้วแล้วมองมาลโลเล็กน้อย ก่อนที่จะหันหลังให้กับเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “เข้าใจแล้วสินะ...ว่าทำไมฉันถึงได้ต้องเตรียมกองทัพไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...ถ้าต้องการทำงานให้เป้าหมายของเราบรรลุอย่างใจหวัง อาจจะต้องเผชิญหน้ากับพวกนี้ก็เป็นได้...ดังนั้นยิ่งมีกองกำลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
เขากล่าวกับมาลโลที่ทรุดลงไปนั่งกับเก้าอี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านกระจกในห้องสมุดของเขาพร้อมกับรำพึงออกมา “อะไร ๆ ดูจะวุ่นวายกว่าที่เคยคาดไว้มากเลยเชียวล่ะ”
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
8 พ.ค. 53 12:49:25
|
|
|
|