+^เสือสาวพราวเสน่ห์(The Pretty Tiger)^+
|
|
แยกมาค่ะ เป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์เรื่องสั้นเดิม แต่เป็น'เขา' และ 'เธอ' อีกคู่หนึ่งที่จะไปป่วน 'เขา' คนนั้นในตอนต่อไปค่ะ
The pretty Tiger(เสือสาวพราวเสน่ห์)
...แม่เสือ...
ตั้งแต่เมื่อไรนะที่พวกผู้ชายเริ่มเรียกฉันด้วยคำนี้ พวกเขาคุยกันว่าฉันเร่าร้อน ยั่วยวน และร้ายกาจ ใช่...ฉันก็ยอมรับนะว่าฉันร้ายกาจ เป็นผู้หญิงที่ห่างไกลจากคำว่าดีงามไปไกลโขเลยละ แต่ใครละที่ให้นิยามคำว่าดีงามพวกนั้น มันน่าขันนะถ้าคุณจะเอาวัฒนธรรมของที่ใดที่หนึ่งมาใช้บอกว่าใครสักคนร้ายน่ะ
แต่ช่างเถอะ ฉันเคยใส่ใจเสียที่ไหนกันพวกเขาบอกว่าฉันร้ายก็จริง แต่เขาก็ชมนะ อย่างที่ว่าฉันสวย ฉันเซ็กซี่นั่นไง พวกนี้ฉันยอมรับด้วยความเต็มใจเชียวละ ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่นะ และนี่ละคือเหตุผลที่ทำไมพวกผู้ชายถึงยอมทนกับความร้ายกาจของฉันได้ พวกเขาทำตัวเหมือนเหยื่อที่ไร้ทางสู้ ถูกฉันล่อลวงให้ก้าวไปสู่ห้วงแห่งความลุ่มหลง ใช่...เขาว่ากันขนาดนั้นเชียวละ เขาบอกว่าฉันทำให้เขาหลง หลงจนไร้ทางสู้ ไม่อาจจะต้านทานต่อรอยยิ้มและคำขอร้องของฉัน
เหอะ...สำออยน่ะสิ สิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่ฉลาดพอมักรู้เสมอว่าเมื่อไรควรถอย และเมื่อไรควรก้าวไปข้างหน้า พวกนั้นจึงยอมทำตัวเป็นเหยื่อที่ไร้ทางสู้ให้ฉันขย้ำกิน เพราะความจริงแล้วคนที่ได้เปรียบทุกทางก็คือพวกเขานั่นละ
เรามีแค่ความพอใจ ความดึงดูดทางเพศ กับสัญชาตญาณที่ดึงดันให้เกิดความสัมพันธ์เพียงข้ามคืน แล้วทุกอย่างก็จะจบลง พวกเขาต้องรู้...ในฐานะคนที่เจนสังคมมานาน เราไม่เคยผูกพัน ไม่ควรมีใครคิดผูกมัดฉันเอาไว้ เพราะพวกเขาทราบดีถึงรสนิยมของฉัน
เรื่องก็คือ...ฉันชอบผู้หญิง...
ใช่...ฉันหลงรักเรือนร่างที่โค้งเว้าได้รูป และความอ่อนหวาน บริสุทธิ์ของผู้หญิง เหมือนดอกไม้สวย ๆ ที่มีไว้ประดับโลกนั่นละ แต่น่าเสียดาย...ฉันไม่พร้อมที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวกับพวกเธอด้วยความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างเต็มรูปแบบ
และยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้ฉันอยากจะหยุดและใช้ทั้งชีวิตอยู่ข้าง ๆ เธอ
ฉันเที่ยวสนุกไปเรื่อยกับความต้องการของตัวเองและผู้อื่น ไม่มีพันธะผูกพัน มีแค่ความพอใจที่เริ่มต้นและจบลงอย่างง่ายดาย
มันควรจะไปอย่างนั้นต่อไป ถ้าฉันจะไม่บังเอิญเดินเข้าไปยั่วผู้ชายคนนั้น
ฉันถอนใจอย่างเบื่อหน่ายทั้งที่ปกติแทบไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้ แต่ช่อดอกไม้ที่ถูกส่งมาเป็นวันที่เกือบสามสิบแล้วนี่ทำให้ฉันรำคาญและอดหงุดหงิดไม่ได้
ดูเถอะ...ช่อกุหลาบขาวแซมกับลิลลี่สีชมพูอ่อน หุ้มด้วยกระดาษสาสีขาวนวล ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่านี่เป็นช่อดอกไม้ที่สวยมาก แม้จะเป็นช่อแบบเดิมเกือบ ๆ ช่อที่ 30 ที่ฉันได้รับจากผู้ชายคนเดิมก็เถอะ ไม่ว่าอย่างไร ในฐานะผู้หญิง...ฉันปฏิเสธความสวยงามของดอกไม้ไม่ได้จริง ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหงุดหงิดคือความหมายของดอกไม้ที่ฉันเชื่อว่าเขาจงใจเลือกสรรมาให้ฉัน ต้องเป็นความจงใจเท่านั้น เพราะผู้ชายที่มีการศึกษาและชาติตระกูลดีอย่างเขา แถมยังได้ชื่อว่าเป็นคาสว่าคนหนึ่งในแวดวงสังคมชั้นสูงมีหรือจะไม่รู้ความหมายของดอกไม้ หนึ่งในอาวุธสำคัญที่ใช้มัดใจผู้หญิงโรแมนติก และเขาจงใจเลือกช่อดอกไม้นี้ให้ฉัน
...บริสุทธิ์และไร้เดียงสา...
ฉันแทบจะกระชากคอเขามาแล้วเอาเล็บข่วนหน้าให้เป็นแผลสักห้ารอยกับความหมายที่เขาส่งมากับช่อดอกไม้นี้
ตบหน้าฉันยังไม่โกรธขนาดนี้เลยนะ
ฉันสะบัดมือปัดช่อดอกไม้บนโต๊ะให้ร่วงลงบนพื้นด้วยความโกรธจัด เกือบเดือนแล้วนะที่ผู้ชายคนนี้วนเวียนมาตอแยกับฉันทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ดีว่าผู้หญิงอย่างฉันไม่เคยรักใครจริง โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นเป็นผู้ชายด้วยแล้ว ฉันแทบจะไม่ชายตาแลเสียด้วยซ้ำ
แต่เขากล้าดียังไงถึงส่งดอกไม้บ้า ๆ นี่มาให้ฉัน ทั้งยังคอยโทรศัพท์มาก่อกวนทุกบ่าย ตามด้วยการไปเฝ้าฉันที่ผับทุกคืน ประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉันจนไม่มีใครกล้าเฉียดกรายเข้ามาใกล้ฉันเกินสองฟุต
ฉันกัดริมฝีปากแน่น สูดลมหายใจเข้าออกอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงคำที่เขาเคยบอก
ไม่ใช่แค่ตัวคุณ...แต่ที่ผมต้องการคือทั้งหมดที่เป็นคุณ
เหอะ...น้ำเน่าสิ้นดี
แต่ที่ร้ายคือเขาทำได้จริง ๆ แค่เวลาไม่ถึงเดือนเขาก็กำลังจะมีสิทธิ์ในตัวฉันด้วยคำว่าคู่หมั้น
ฉันหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่เข้าใจความคิดของเขาเลยจริง ๆ เมื่อผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้มีค่ามากไปกว่าความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืน แล้วทำไม...เขาจึงคิดจะผูกมัดเราไว้ด้วยกัน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองแล้วคว้าเอาเครื่องมือสื่อสารเล็ก ๆ นั้นขึ้นมาดู ชื่อที่หน้าจอทำให้ฉันเหยียดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากอย่างนึกหยัน ก่อนจะกดรับสาย
เพื่อนคุณจะยกเลิกงานหมั้นหรือคะ
ว้าว...ทักกันด้วยข่าวดีอย่างนี้เลยนะครับ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อย่าฝันดีกว่าครับ เพื่อนผมคงไม่ปล่อยมือจากคุณหรอก
ฉันขบริมฝีปากตัวเองเบา ๆ พลางถอนใจยาว ทำไมเพื่อนคุณถึงวุ่นวายกับฉันนัก
มันเป็นพวกอยากได้อะไรแล้วต้องได้น่ะครับ...คุณก็ด้วย
คุณช่วยฉันไม่ได้หรือ ฉันเริ่มอ้อน มีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่จะปฏิเสธคำขอของฉันได้
น่าเสียดายที่เขาเป็นหนึ่งในนั้น ผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างเขาเคยทำให้ฉันต้องเดินเข้าไปหาถึง 2 ครั้ง ก่อนที่เราจะจบลงด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย แล้วเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของฉัน
ที่ร้ายคือเขาเป็นเพื่อนสนิทของผู้ชายคนนั้นด้วย ฮึ...เกลียดจริง ๆ พวกเพื่อนมากนี่
ไม่คิดว่าผมจะได้ยินคำนี้จากคุณ เขารู้จักฉันดีเกินไปนั่นละจึงกล้าหัวเราะกับคำขอของฉัน เพื่อนผมคงดีใจถ้ารู้ว่าคุณขอให้ผมช่วยอะไรแบบนี้
ฉันเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ เขารู้ทันฉันจนน่ากลัว เพราะอย่างนี้เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่ฉันเอ่ยปากขอไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขารู้ว่าการที่ฉันต้องขอร้องเขาเพราะฉันไม่สามารถตัดใจทำในสิ่งนั้นได้ และเป็นเพราะฉันเชื่อว่าเขาจะไม่ทำเช่นนั้นเพื่อฉัน
อย่าพูดเป็นเล่น...ฉันอยากให้คุณช่วยจริง ๆ นะ นี่ละฉัน...ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปากแข็งต่อไป
แย่จัง เขาแกล้งบอกเบา ๆ แต่เพื่อนผมคงไม่หยุดง่าย ๆ หรอก มันตั้งใจมากกับการจับคุณใส่กรง
น่าแปลกที่เรื่องที่เขาพูดทำให้หัวใจฉันกระจุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ
มันไม่เข้าท่าเลยนะคะที่ผู้ชายอย่างเขาจะมาจมปลักอยู่กับฉัน คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีวันรักผู้ชายคนไหนได้ ฉันยังย้ำถึงความจริงที่เคยประกาศต่อผู้ชายที่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตฉัน
อย่าคาดหวังความรักจากฉัน เพราะฉันไม่มีวันจะรักพวกเขาได้
ใช่...ฉันชอบผู้หญิง แต่การมีความสัมพันธ์กับพวกผู้ชายก็เป็นแค่การระบายอารมณ์ตามสัญชาตญาณของมนุษย์เท่านั้นเอง
เสียงหัวเราะ...ฉันได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นหูจากปลายสาย ก่อนที่อีกเสียงหนึ่งจะดังขึ้น
ไม่เป็นไร...ผมจะเป็นผู้ชายคนแรกที่คุณรัก เป็นผู้ชายหน้าด้านคนนั้นที่กล้าประกาศได้อย่างมั่นใจจนน่าหมันไส้
อย่าพูดดีเลย...คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ
ผมไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน...เรื่องคุณก็เหมือนกัน เขาอวดอ้าง
ถ้าคุณมีข้อมูลมากพอ...คุณก็ไม่ควรแม้แต่จะคิดผูกมัดฉันไว้
เพราะผมมีข้อมูลมากพอ...ผมจึงเห็นเหตุผลที่คุณกลัวการผูกมัด และคิดจะผูกมัดคุณไว้น่ะสิ เขาใช้คำของฉันมาย้อนกลับเสียเอง
ฉันเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่สามารถจะแย้งเขาได้
อย่ากังวลเลยคนสวย...ผมไม่โลภขนาดจะขังคุณไว้ในกรงหรอก เขาทอดเสียงอ่อนโยน และฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองชอบเสียงแบบนี้
ผู้หญิง...ไม่ว่าอย่างไรก็ยังอดจะพิสมัยความอ่อนโยนแบบนี้ไม่ได้
เราจึงคาดหวังให้พวกผู้ชายเป็นสุภาพบุรุษกับเรา ทั้ง ๆ ที่เราพยายามเรียกร้องหาความเท่าเทียมทางเพศไงละ
ฉันหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ปล่อยให้เขาพูดต่อ คุณอยากจะทำอะไรก็ตามใจคุณ...ผมต้องการแค่ให้เราหมั้นกันเท่านั้นเอง
คุณวางแผนอะไรไว้หรือเปล่า...หรือคุณต้องการบริษัทของฉัน คำถามโง่ ๆ ของฉันได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะ
บริษัทคุณก็น่าสนใจนะ แต่ไม่เท่าตัวคุณหรอก เขาบอกชัดเจนก่อนจะกล่าวลาและวางสายลง
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นฉันอาจจะคิดได้ว่าเขาต้องการบริษัทของฉัน แต่ไม่ใช่เขา ใช่...ต้องไม่ใช่ผู้ชายที่พรั่งพร้อมแบบเขา สิ่งที่เขามีมากเกินกว่าที่จะเอาบริษัทของฉันไปเทียบได้
แต่ฉันก็ยังหาไม่เจอว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน
ฉันหลับตานึกถึงภาพผู้ชายคนนั้น เพิ่งรู้ว่าตัวเองเผลอคุยกับเขาโดยไม่ตวาดใส่เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ นับแต่วันที่ฉันรู้ว่าเขาไปบอกพ่อฉันว่าเราจะหมั้นกัน
ในหัวของฉันปรากฏภาพผู้ชายผิวขาว รูปร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลา ใช่...เขาหล่อ เชื้อสายอิตเลียนกับสเปนนั่นผสมเข้ารวมส่วนที่ดีให้ผู้ชายคนนั้นดูโดดเด่นอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือดวงตาของเขา นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่สะกดฉันไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
ฉันชอบผู้หญิง แต่ฉันก็หลงรักนัยน์ตาคู่นั้นด้วย ดวงตาเขาเย้ายวนด้วยความรู้สึกประหลาดที่ดึงฉันเข้าไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน มีร่องรอยของความเศร้าบางอย่างอยู่ในดวงตาคู่นั้น กระตุ้นให้ฉันหลงใหล อยากค้นหา เหมือนลูกสุนัขป่าตัวน้อยที่ต้องการให้ใครสักคนยื่นมือไปคว้ามันขึ้นมากอดไว้ นั่นละ...ดวงตาที่ดึงดูดด้วยความเศร้าประหลาด แต่ยังปนไว้ด้วยความลึกลับ ทระนงจนน่าหวั่นใจ
เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ฉันจึงปฏิเสธผู้ชายคนนี้ไม่ได้เสียที เขาคล้ายฉันมากเกินไป เพราะอย่างนี้เขาจึงรู้ว่าฉันต้องการอะไร
คุณคิด...จะผูกมัดฉันไว้ด้วยอิสระจริง ๆ น่ะหรือ ฉันกระซิบถามเบา ๆ กับตัวเอง
หากเขาบังคับให้ฉันเป็นคู่หมั้นที่ดีของเขา ฉันคงไม่หนักใจเท่านี้ แต่เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นกลับบอกชัดเจนว่าฉันยังสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้อยู่ นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะทำอะไรก็ได้จริง ๆ หรอก แต่มันหมายความว่าฉันจะเลือกทำหรือไม่ก็อยู่ที่จิตสำนึกของฉันเองต่างหาก เขามอบอิสระและความเชื่อใจให้ฉันได้อย่างน่ากลัวจนกลายเป็นเครื่องมือผูกมัดที่เหนียวแน่นที่สุดที่จะทำให้ฉันต้องยอมรับด้วยตัวเอง
ร้ายกาจใช่ไหม...ผู้ชายคนนี้
ฉันเดินเข้าไปหยิบช่อดอกไม้บนพื้นขึ้นมา รอยยิ้มประหลาดยังอยู่บนหน้าเมื่อก้มลงสูดกลิ่นหอมหวานจากลิลลี่ดอกสวย
หัวใจยังเต้นรัวอยู่ในอกอย่างประหลาด ความไม่พอใจหรือหงุดหงิดอะไรนั่นอาจเป็นแค่กำแพงบาง ๆ ที่ฉันสร้างขึ้น
ที่รู้ ๆ ตอนนี้คือ ฉันชักจะพอใจกับการผูกมัดของเขา
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำตอบที่เขาเคยให้เมื่อฉันตวาดถามหาเหตุผลของการหมั้นหมาย
คุณจะยุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันทำไม
เพราะผมพอใจที่จะมีคุณอยู่ใกล้ ๆ เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ และผมพอใจที่จะปกป้องคุณ
ปกป้อง...ตอนนั้นฉันกรีดร้องใส่หน้าเขาโดยไม่สนใจคำคำนี้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเหตุการณ์นั้นจบลง ฉันรู้ว่าหัวใจตัวเองยังไหวแปลก ๆ กับคำนั้น
ผู้หญิง...ไม่ว่าจะแข็งกร้าวสักเท่าไร ก็ยังต้องการคนมาปกป้องไม่ใช่หรือ และฉัน...ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นหรอก
หึ...คุณมันร้ายจริง ๆ ด้วย ------------- จบแล้วค่ะ(แบบงง ๆ หรือเปล่า)
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ค. 53 15:46:01
|
|
|
|