ความคิดเห็นที่ 1 .......................... เราเคยเห็นหนังจีนกำลังภายในมามากต่อมากแล้ว ซึ่งเป็นหนังแนวที่ ไม่มีประเทศไหนลอกเลียนแบบได้ แม้แต่ประเทศเกาหลีเอง ก็ยังพยายามสร้างหนังในแนวนี้ ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังไงๆ เกาหลี ก็ไม่มีเอกลักษณ์มากพอ สร้างยังไง ก็เหมือนหนังจีนโบราณอยู่วันยังค่ำ แต่ของไทยนั้นต่างกัน ไทยมีเอกลักษณ์อยู่มาก หากว่าเราจะเอา ละครไทยพื้นบ้าน หรือที่เรียกว่า "หนังจักรๆวงศ์ๆ" มาตีกรอบความคิดใหม่ ไม่ให้เหมือนหนังอินเดีย มากจนเกินไปแบบทุกวันนี้ และเดินเรื่อง ให้น่าสนใจ เน้น ดำเนินเรื่องความรัก ให้ใกล้เคียงกับหนังเกาหลี และ เนื้อเรื่องน่าติดตามแบบหนังจีนจะดีไหม หรือว่า จะซื้อลิขสิทธิ์ นิยายจีนกำลังภายใน หรือหนังจีนเกี่ยวกับการการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก เอามาดัดแปลง โดยใช้นักแสดงไทยที่ใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดไทย และใช้พระบรมมหาราชวังไทยเป็นแบ๊คกราวด์ แค่นี้ก็แปลกใหม่มากแล้ว สำหรับวงการละครไทย แต่ถึงยัง เราก็จะต้องหาทางสร้างหนังของเรา ให้มีความแตกต่างจากหนังจีน และหนังอินเดียให้ได้ โดยเราจะต้องมาดูโครงสร้างของ "หนังไทยกำลังภายใน" ที่เราจะสร้างขึ้นมาใหม่กันก่อน โดยแยกเป็นข้อๆดังนี้ จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:42:26

ความคิดเห็นที่ 2 1.ช่วงเวลา และการปกกครอง ในช่วงสมัยนั้นๆของเรื่อง แยกได้เป็น 1.1 ช่วงก่อนสมัยสุโขทัย นั้นหมายความว่า ก่อนอาณาจักร ผู้คน จะอยู่รวมเป็นกลุ่มๆ ที่เรียกว่า "คุ้ม" ซึ่งย่อมากจาก "คุ้มครอง" ซึ่งแต่ละคุ้ม จะมี "เจ้าคุ้ม" ทำหน้าที่เป็น หัวหน้า ค่อยฝึกกำลังรบ เพื่อป้องกันผู้คนใน "คุ้ม" 1.2 ช่วงสุโขทัย และหลังสุโขทัย นั้น หมายความว่า มีอาณาจักร มีระบบการปกครองเรียบร้อยแล้ว และ "คุ้ม" ก็อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักร .................................... รูปนี้จากเรื่อง "สียามา" จินตานาการว่า เป็นนักรบไสยเวทย์หญิงด้านมืด จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:43:17

ความคิดเห็นที่ 3 2. เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เราจะยกมาจาก ละครพื้นบ้าน หรือจากหนังจักรๆวงศ์ๆ ซึ่งเป็นชุดที่มีเอกลักษณ์ และสวยงาม แต่ดูเรียบร้อย และสำอางเกินไปหน่อย โดยเฉพาะชุดของผู้ชาย ดังนั้น เราจึงต้อง เอารูปแบบของเครื่องแต่งกายจากภาพยนต์เรื่อง "สียามา" เอาไปผสม เพื่อเพิ่มความทะมัดทะแมง เพื่อให้นักแสดง สามารถต่อสู้เป็นนักรบไสยเวทย์ได้ด้วย และเราจะใส่ฟรั่งชั่นเพิ่มเข้าไปอีกนิดหน่อยเช่น 2.1 ระดับเลเวล ของชุด ซึ่งบ่งบอกถึง ความเก่ง ฐานะทางสังคม หรือวิชาอาคมของผู้สวมใส่ โดย เครื่องแต่งกายที่เด่นที่สุดก็คือ เครื่องประดับต่างๆที่ทำจากทองคำ โดยหากผู้ใส่ ใส่เครื่องประดับทอง นั่นแสดงถึงว่า คนๆนั่น เป็นคนชั้นสูง หรือมีอาคมเก่งกล้า ส่วนเครื่องประดับ เงิน ทองแดง ดีบุก หรือไม่ใส่อะไรเลย จะเป็นระดับรองๆลงไป ตามลำดับ 2.2 เครื่องแต่งกาย จะมีพลังในตัวของมัน เช่น หากผู้สวมใส่ ไม่มีวิชามากพอ ก็จะไม่สามารถใส่เครื่องประดับทองคำ ได้เป็นต้น 2.3 เสื้อผ้า ควรจะออกแบบเพิ่มเติ่ม เช่น ชุดผู้หญิง อาจจะออกแบบ ให้พร้อมสำหรับการต่อสู้เป็น "นักไสยเวทย์หญิง" ได้ด้วย โดยเฉพาะการฝึกยิงธนู ส่วนชุดเสื้อผ้าของผู้ชายก็เหมือนกัน ต้องออกแบบให้เซอร์ๆ กว่านี้นิด เพื่อไม่ให้ดูสำอางจนเกินไป แบบหนังจักรๆวงศ์ๆในปัจจุบัน มันดูเรียบร้อยเกินไป และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบไสยเวทย์ 3. อาวุธ ที่ใช้ ก็จะมีอาวุธ หลายระดับ เช่น อาวุธทองคำ อาวุธเงิน อาวุธทองแดง ฯลฯ และอาวุธแต่ละชนิด ระดับการใช้ไสยเวทย์ ก็จะแตกต่างกัน ซึ่งผู้ใช้ต้องควบคุมมันด้วย จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:44:01

ความคิดเห็นที่ 4 4.พลังเหนือ ธรรมชาติ แน่นอนว่า ในการต่อสู้กัน พลังเหนือธรรมชาติของหนังจีนคือ กำลังภายใน และวิชาตัวเบา ของฝรั่งคือเวทย์มนต์ (คล้ายๆพวกพ่อมด แม่มด) ของอินเดีย คือพลังจากพระเจ้าองค์ต่างๆที่เขานับถือ มีแสงๆ มียักษ์ มีหนุมาน แต่การจะสร้าง พลังเหนือธรรมชาติ ในรูปแบบไทยๆ ที่เหมาะที่สุดนั้นก็คือ ไสยเวทย์ หรือ ไสยศาสตร์ แต่เราต้องตีโจทย์ให้แตกว่า "ไสยศาสตร์" คืออะไรก่อน และไม่จำเป็นต้องยกมาทั้งดุ้น เอาแค่กลิ่นไอมันก็พอ "ไสยเวทย์" เราควรออกแบบให้พลังของมัน "ไม่มีที่มา และที่ไป" เป็นศาสตร์ ลึกลับ ที่ไร้เหตุผลรองรับ โดยเราจะต้องสร้างให้ผู้อ่าน จินตนาการเอาเอง (แต่ไม่ควรไปผูกโยงเกี่ยวกับเรื่องกับศาสนา หรือความเชื่อใดๆ ที่ชาวบ้านเขายึดถือเดียวมันจะยุ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง) แถม ไสยเวทย์ ยังแยกออกเป็น ไสยเวทย์ด้านมืด และไสยเวทย์ด้านสว่างอีกด้วย (ค้นหาเพิ่มเติมได้จากวิกิ) ซึ่งสามารถเอามาเป็นปมเรื่อง ในการต่อสู้กันระหว่าง คนดี กับคนไม่ดี ได้อีกต่างหาก ............................... รูปจากหนังเรื่อง "สียามา" จินตนาการว่า นักรบไสยเวทย์ 2 คน ฟันแบบแตะจริง ต่อยจริง เจ็บจริง ซึ่งเมื่อ ไสยเวทย์ ทั้ง 2 เข้าปะทะกัน จะทำให้พื้นที่รอบๆลุกเป็นไฟ ส่วน พลทหาร ไม่สามารถเข้าไปในเขตอาคมที่อันตรายนี้ได้ จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:45:03

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอย่างในเรื่อง เช่น ในการต่อสู้กันของ พระเอกกับตัวผู้ร้าย ให้ต่อสู้กันแบบแตะจริง ต่อยจริง ฟันจริง ไม่ใช้สลิง (พระเอกต้องเก่งการใช้ดาบ หรืออาวุธโบราณ และ ศิลปะการต่อสู้จริงๆ) แต่การใช้ไสยเวทย์ เมื่อ 2 ผู้มีอาคมมาปะทะกัน จะทำให้ พื้นที่รอบๆ ลุกเป็นไฟ หรือ ฝนตก ฟ้าผ่า ซึ่งจะเรียกพื้นที่รอบๆว่า "เขตอาคมที่อันตราย" ก็ว่ากันไป แต่ขอย้ำว่าห้ามมีแสงๆ ออกมาจากตัว จากฝ่ามือ หรือจากดาบ เพราะมันจะกลายเป็นหนังอินเดียไป หรือถ้าจะมี ก็ขอให้มีน้อยที่สุดๆๆๆๆ แต่หาก คนมีไสยเวทเก่งๆ สู้กับคนไม่มีไสยเวทย์ ต้องสู้ประมาณว่า สู้กันไม่ได้ เพราะ คนที่ไม่มี จะอ่อนแรง และไม่มีกำลังจะสู้ หรืออาจจะร้อน จนต่อสู้ต่อไม่ได้ เพราะการต่อสู้อยู่ในเขตอาคมที่มีความร้อนสูง หรือบางครั้ง คนที่มีไสยเวทย์ อาจจะเรียกซากศพมาร่วมต่อสู้ได้เช่นกัน และไอ้พลังที่เป็นแสงๆ ในหนังจักรๆวงๆของไทย ก็ขอให้เลิกซะ เพราะมันกำลังจะกลายเป็นหนังอินเดียอยู่แล้ว หากจะใช้จริงๆ ก็จะไม่มีเอกลักษณ์ (ถ้าจะใส่จริงๆ ก็ตามใจ) หรือเรื่อง เหาะ เหินเดินอากาศ นรก สวรรค์ ก็เช่นกัน ควรจะเลี่ยง เพราะถ้าใส่เข้าไป เรื่องมันจะสับซ้อน จนเกินความเข้าใจ และเป็นปมเรื่องของหนังอินเดียโดยแท้ (ถ้าจะใส่ก็ตามใจ ไม่ว่ากัน แค่เสนอไอเดียเท่านั้น) แต่เวทย์ ที่เราสร้างขึ้นใหม่นี้ พลังของมัน จะไม่มีตัวตน ไม่มีที่มาที่ไป แต่มันสามารถทำงานได้ โดยผลของพลัง จะเข้าไปสู่เป้าหมายโดยตรง โดยไม่ต้องทำอะไร และจะไม่มีแสงๆพุ่งออกไปจากตัว หรือจากผ่ามือ เราต้องการเพียงแค่ให้ผู้ดู จินตนาการเอาเอง แต่ถ้าหากว่าเป้าหมาย หรือศัตรู มีไสยเวทย์ที่แข็งแกร่งเหมือนกัน ไสยเวทย์ ที่ปะทะกัน จะไปมีผลกับพื้นที่ข้างๆ จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า "เขตอาคมที่อันตราย" ซึ่งภายในเขตอาคมนั้น อาจจะทำให้ใบไม้ ลุกเป็นไฟได้เองในระหว่างการต่อสู้แบบเตะจริงต่อยจริง แบบ "จาพนม" และคนที่อยู่ใกล้ๆ เขตอาคมนั้น ที่ไม่เก่งพอ จะร้อน จนต้องออกห่างจากเขตนั้น ............................ จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:45:46

ความคิดเห็นที่ 6 และต้องไม่ลืมว่า 2 สิ่งที่ ฟรีเซ็น(นำเสนอ) ได้ง่ายที่สุด และได้ผลที่สุดนั้นคือ 1.ความรักของหญิงชาย 2.ผู้หญิงสวยๆ ที่แต่งตัวสวยๆ ดังนั้น เนื้อเรื่อง ของ "หนังไทยกำลังภายใน" เรื่องนี้ น่าจะเป็น คล้ายๆ ขุนแผน ผสมๆ กับมังกรหยก ตอน กำเนิดเตียบอกี้ ที่มีผู้หญิงมาชอบเต็มไปหมด (เพื่อนำเสนอ ผู้หญิงสวยๆ ที่แต่งตัวสวยๆ ในชุดไทย) แต่พระเอกของเรื่อง ไม่ควรเป็นพวก "ฟันดะ" หรือ "คัสโนวา" แบบขุนแผน เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีได้ โดยเฉพาะกับเด็ก แต่พระเอก เอาเป็นแบบ ผู้ชายใจโลเล แต่มีเสน่ห์ และอาจจะมีรักแท้ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็น่าจะโอเคแล้ว จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:46:28

ความคิดเห็นที่ 7 5. ฉากสงคราม ระหว่าง 2 แคว้นใหญ่ ฉากสงคราม คงหนีไม่พ้น การต่อสู้ที่อลังการ เสื้อเกราะและอาวุธ สีทอง สีเงิน สีดำของเหล็ก ซึ่งแสดงถึง ฐานะ ระดับ และคาถาอาคมของ ผู้สวมใส่ แต่สิ่งที่จะเพิ่มเติมมาในเรื่องคือ การปะทะกับ แบบแตะจริง ต่อยจริง ของ แม่ทัพ และทหารระดับฝีมือขั้นสูง ที่จะต้องเป็นแนวหน้า ในการเข้าปะทะ และการปะทะกัน จะเกิด เขตอาคมที่อันตรายรอบๆการต่อสู้ จนใบไม้ลุกไหม้ จากกความร้อน ส่วนทหารระดับ "ลูกพล" จะไม่สามารถเข้าไปต่อสู้ใกล้ๆได้ เพราะทนต่อความร้อน ของเขตอาคมไม่ไหว จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:47:00

ความคิดเห็นที่ 8 6. ฉากโรงเรียนสอนไสยเวทย์ และฝึกอาวุธ เพื่อฝึกให้เป็นนักรบให้กับอาณาจักร เนื่องจาก เนื้อเรื่อง เป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ดั้งนั้น นอกจากเราจะต้องพัฒนาตัวละครแล้ว เรายังต้องพัฒนาวิชา "ไสยเวทย์" แขนงต่างๆ ซึ่งสามารถพัฒนาได้หลายวิชามาก แต่ต้องยึดแนวคิดแบบกฎเหล็กว่า ต้องไม่มีแสงๆ และตัววิชาไสยเวทย์ ต้องไร้ตัวตน ไม่มีที่มีที่ไป และต้องพัฒนาอาวุธแต่ละระดับ แต่ละชนิด รวมถึงระบบการปกครอง และการเป็นอยู่ของผู้คนในเนื้อเรื่องด้วย ดังนั้น ฉากโรงเรียนสอนไสยเวทย์และฝึกอาวุทธ จึงเป็นการเล่าเรื่องพวกนี้ได้ง่ายที่สุด โดยอ้างอิง ให้คล้ายกับระบบโรงเรียนในปัจจุบัน โดยมีตั้งแต่ ระดับอนุบาล ประถม มัธยม มหาลัย โดยเป้าหมายสูงสุดคือ เป็นนักรบที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องอาณาจักร นี้เป็น ตรีมหลักของเรื่องที่เราจะสร้าง เช่น "คุ้ม" ทุกคุ้ม ในอาณาจักรสุโขทัย จะต้อง ส่งลูกหลาน หรือประชาชนในคุ้มๆนั้น มาฝึกวิชาการต่อสู้ และวิชาไสยเวทย์แขนงต่างๆ เพื่อปกป้องอาณาจักร หรือแม้แต่ คุ้ม แต่ละ คุ้ม อาจจะแลกเปลี่ยนเด็กนักเรียนกันเอง เป็นลักษณะพัทธมิตร หรือ บาง คุ้ม อาจจะขัดแย้งกันเอง โดยที่อาณาจักร ไม่สามารถแทรกแทรงได้เป็นต้น และคุ้ม แต่ละคุ้ม จะมีวิชาการต่อสู้ อาวุทธ รวมถึงไสยเวทย์ เป็นของตัวเอง ซึ่งวิชาพวกนี้จะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ หรือทำให้หายสาปสูญ ได้ด้วย จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:47:33

ความคิดเห็นที่ 9 7. พล๊อตเรื่อง ที่ซื้อลิขสิทธิ์มา แล้วเอามาดัดแปลงเป็นละครพื้นบ้านไทย ทราบมาว่า ละครพื้นบ้านของเรา มีปัญหาเรื่อง การเขียนบท (เขาเล่ามาอีกที) ถ้าเป็นจริงตามนั้น เราก็หาวิธีลัด โดย ซื้อลิขสิทธิ์ พล๊อตเรื่องมาเลย แล้วเอามาดัดแปลง เช่น 7.1 องค์หญิงกำมะลอ โดยนางเอกเป็นสาวชาวบ้าน แต่ได้ไปเป็นองค์หญิง โดยมีแบล็คกราวเป็นพระบรมมหาราชวัง และนางเอก นางสนม องค์รัก ในวัง ใส่ชุดแนวหนังจักรๆวงศ์ๆทั้งหมด (ชุดหนังจักรๆวงศ์ๆ ชุดสวยมากๆๆๆ) 7.2 มหาราชินี ซอนต๊อก (กำลังดัง) ซื้อลิขสิทธิ์มาเลย โดยเป็นองค์หญิง ตกยาก แต่ได้กลับคืนตำแหน่ง มีการแย่งชิงอำราจกันภายใน 7.3 แดจังกึม เป็นนางกำนัลในวัง แทนที่นางเอกจะทำอาหารเกาหลี ก็เปลี่ยนมาเป็นทำอาหารไทยซะ รับรอง ดังแน่ ฮ่าๆ 7.4 มังกรหยก ทั้ง 3 ภาค ดัดแปลงโดย ให้พระเอก นางเอกใส่ชุดไทย ส่วนวิชากำลังภายใน ก็เปลี่ยนเป็นไสยเวทย์ ส่วนพรรคกระยาจก พรรคเสาหลิน ก็เปลี่ยนเป็น คุ้มไกรทอง คุ้มเหนือ คุ้มใต้ คุ้มอินทรีย์ ที่สอนวิชาการต่อสู้ และวิชาไสยเวทย์ 7.5 เจาะเวลาหาจิ๋นซี สรุป ถึงยังไงก็แล้วแต่ การคิดพล๊อตเรื่อง คนไทยสามารถคิดขึ้นมาเองได้แน่ๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อ เพราะคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก สู้ต่อไป อย่าให้หนังจักรๆ วงศ์ๆ ที่เราอุสาห์ พัฒนามาตั้งกว่า 40 ปี ต้องกลายเป็นแค่หนังแฟนตาซีที่ทำให้เด็กๆดูอย่างเดียวเท่านั้น อยากทำให้ ผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยทำงาน ดูด้วย คนกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานนี้ มีกำลังซื้อสูง และมีกำลังในสังคมมาก ซึ่งส่วนใหญ่สนใจเรื่องความรัก และถ้าเจาะคนกลุ่มนี้ได้รับรอง รวย และดีไม่ดี หนังแนวนี้อาจจะของบสร้างจากกระทรวงวัฒนธรรมได้อีกต่างหาก รับรองว่า ถ้าทำดีๆ จะดังกว่าหนังจีน หนังเกาหลีอีก ปล. บทความทั้งหมด เป็นแค่การนำเสนอไอเดีย ส่วนจะได้รับความสนใจหรือไม่ ผู้เขียนก็ไม่รู้ ผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่า จะเขียนบทความแบบนี้ไปทำไม งงตัวเอง จากคุณ : ruddy01 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 09:48:19

ความคิดเห็นที่ 10   ดี ด้วยความยินดีที่จะร่วมแรงร่วมใจด้วย หากต้องการสมาชิกทีมงานหรือพันธมิตร เดี๋ยวจักได้ร่วมประพันธ์บท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิต คาถา อาคม และบทสวดสรรเสริญต่างๆ จากคุณ : พนมวัลย์ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 19:21:41