ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-หลวงวัลลภ
|
|
หลวงวัลลภเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดปาดังเบซาร์ เป็นพระที่รูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร สักยันต์ ผิวสีน้ำตาลไหม้ ใบหน้ารูปไข่ พูดจาโผงผาง เป็นพระนักเทศน์ มักจะออกเดินสายเทศน์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีคนเชิญไป แกมักจะพาวิทยุที่สามารถขยายเสียงออกลำโพงได้ เวลาไปเทศน์พร้อมกับแกเสมอ โดยบอกว่าเป็นการอำนวยความสะดวก ให้กับเจ้าภาพไม่ต้องเสียเวลาหาไมค์หาลำโพง ได้สอบถามท่านได้ความว่า มีช่วงหนึ่งได้ไปเข้าพรรษาที่วัดสวนโมกข์ ของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุอยู่ช่วงหนึ่ง
หลวงวัลลภที่สนิทกันได้ง่ายเพราะ แกเป็นน้าชายของเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่า ครอบครัวของรุ่นน้องทำธุรกิจขนส่งสินค้าชื่อ ลมเย็น และมีบ้านติดกับบ้านครอบครัวอดิตรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนหาดใหญ่สมัยก่อน ก่อนที่จะแยกเป็นอำเภอบางกล่ำภายหลัง อำเภอหาดใหญ่ ก่อนจะแยกพื้นที่ออกไปอีกสามอำเภอคือ นาหม่อม บางกล่า คลองหอยโข่ง จะมีพื้นที่มากที่สุดในจังหวัดสงขลา แต่ตอนนี้เป็นอำเภอสะบ้าย้อย
ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ก็มักจะไปนั่งพูดคุยกับแกเสมอ หรือบางครั้งอยากหลบเหล้าขาวที่มักจะชวนไปกินเหล้า ก็มักจะหลบอยู่ในกุฐิของแแก แต่ก็หนีแกไม่พ้นเพราะในปาดังเบซาร์พื้นที่เล็ก สอบถามสักพักก็รุ้ว่าอยุ่ที่ไหนบ้าง แกก็มักจะมาตามไปกินเหล้ากับแก ตามประสาคนขึ้เหงาของเหล้าขาว วันไหนไม่อยากกินเหล้าจริง ๆ ก็มักจะรีบขึ้นรถเมล์กลับหาดใหญ่ก่อนหกโมงเย็น แต่ต้องตื่นประมาณตีห้าเศษ เพื่อให้ทันรถเมล์เช้าสุดคือหกโมงเช้า ถึงจะทันเวลาเข้าทำงาน เลยส่วนมากมักจะพักที่บ้านพักพนักงาน ที่เช่ารวมกันไว้ที่ปาดังเบซาร์มากกว่ากล้บหาดใหญ่
มีครั้งหนึ่งหลวงวัลลภไปขนไม้จากนาทวี ที่ชาวบ้านตัดจากป่าไม้และขายบางส่วนถวายบางส่วน เมื่อนำขึ้นรถบรรทุกเพื่อขนมาไว้ที่วัดปาดังเบซาร์ ก็ไม่มีใบขนไม้ตามกฎหมายแต่อย่างใด ตำรวจแถวนาทวีเจอก็เลยจับข้อหาค้าไม้เถื่อน แกก็เลยโวยวายทะเลากับตำรวจวุ่นไปหมด บอกว่าทีเรื่องอื่นมากมายที่ผิดกฎหมายไม่จับ อาตมาจะนำไปใช้สร้างโรงเรือนที่วัดทำไมต้องจับ ตำรวจก็บอกว่าเป็นกฎหมายต้องจับแต่อย่างเดียว ชาวบ้านร้านช่องต่างมามุงดูกันเต็มไปหมด ตำรวจก็เสียหน้าในเรื่องนี้เลยไม่ยอมแต่อย่างเดียว ถึงขั้นจะถอดจีวรจับสึกกันแล้วในเรื่องนี้
ดีที่แกได้โทรศัพท์ตามหลานชายแกมาเคลียร์เรื่องนี้ ก็มีการใช้สายสัมพันธ์ทางเครือญาติทางกำนัน ซึ่งใหญ่กว่าผู้ใหญ่หรือตำรวจท้องที่อยู่แล้ว ให้ยุติเรื่องดังกล่าวลงแบบไทย ๆ คือ ให้ท่านกลับวัดไปแบบมือเปล่า ส่วนไม้ก็ยึดไว้ไม่ปรากฎเจ้าของ แล้วค่อยขายทอดตลาดในราคามิตรภาพ ให้ท่านซื้อกลับไปได้แต่ผู้เดียวในภายหน้า
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ค. 53 10:56:54
|
|
|
|