Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กุอ้วน กุเกย์ แล้วไง? เรื่องจริงกับสิ่งที่ผมต้องเจอ ตอนที่ 7  

กุอ้วน กุเกย์ แล้วไง? เรื่องจริงกับสิ่งที่ผมต้องเจอ ตอนที่ 6

ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9212879/W9212879.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9217018/W9217018.html
ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9225644/W9225644.html
ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9232159/W9232159.html
ตอนที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9237751/W9237751.html
ตอนที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9251458/W9251458.html
****************************************
****************************************



...หลังปีใหม่ ผมได้รับการปรับตำแหน่งให้ไปเป็น Supervisor ซึ่งเป็นผู้ช่วยพี่น้อย มีหน้าที่ในการ monitor พนักงาน(เป็นดักฟังการสนทนาระหว่างลูกค้ากับพนักงานและช่วยเหลือพนักงานใหม่ที่กำลังจนมุมครับ) ส่วนฤทธิ์ ได้ปรับไปเป็นพนักงานที่ดูแลลูกค้ากลุ่ม VIP ซึ่งตำแหน่งของฤทธิ์จะได้เข้าเวรเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น..ส่วนผม..พี่น้อยมักจะแย่งเวลากลางวันไป โดยแกให้เหตุผลว่า...กรูต้องอยู่ทำการบ้านกับเมียโว้ยยย...

...ซึ่งมันก็ดีตรงที่ว่าผมจะสามารถไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งานได้โดยที่ไม่ต้องลางาน...แต่ก็แย่ตรงที่เวลาไม่ตรงกับฤทธิ์เลย เราจะได้เจอกันก็ตอนที่ถึงเวลาเปลี่ยนกะ...แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อผมออกเวรตอน 8 โมงเช้าแล้วผมก็จะกลับไปนอนที่หอพักจน 11 โมง ผมจะตื่นขึ้นมาเพื่อมากินข้าวเที่ยงกับฤทธิ์ทุกวัน...วันไหนที่ผมเพลียจัดนอนจนลืมเวลาไป วันนั้นก็จะเป็นวันที่บรรยากาศมาคุมาเยือน...

...หลังจากเวลาในการทำงานกลายเป็นแบบนี้...ทำให้ฤทธิ์โกรธผมบ่อยมากขึ้นทีเดียว...ผมพยายามขอพี่น้อยให้ได้มีวันหยุดตรงกันกับฤทธิ์ แต่ก็ยาก...เพราะฤทธิ์ไปอยู่ในสังกัดยัยเจ๊จูแทน...ซึ่ง she จะใช้ความพยายามราวกับเป็นสิ่งที่องค์การสหประชาชาติมอบหมายให้ทำ ในการที่จะให้เวลาของฤทธิ์สวนทางกับผมอยู่บ่อยๆ...อีนี่โรคจิตจังแฮะ!

...เพื่อนๆคงเข้าใจนะครับ เวลาที่คนเราอดนอนจากเวลาปกติที่เคยนอน ถ้าแค่คืนเดียวก็ยังพอไหว แต่นี่ติดๆกันทุกวันจนกลายเป็นเวลานอนปกติของผม...ตอนเช้าเลิกงานแล้วกลับห้องไปนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องตื่นเพื่อกลับมาที่ทำงานกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งรถเมล์กลับไปนอนต่อ

...ผมเคยเสนอว่าก็รอฤทธิ์เลิกงานตอนเย็นแล้วเจอกัน กินข้าวเย็นกันก็ได้นี่ เพราะผมเข้างานก็ตั้ง 5 ทุ่ม...แต่ฤทธิ์กลับร้องไห้ ?? แล้วตัดพ้อกับผมว่าผมเริ่มไม่แคร์ฤทธิ์อย่างที่เคยพูดเอาไว้...ผมก็อดไม่ได้อีกที่เห็นฤทธิ์ร้องไห้..ผมรู้สึกว่าตัวผมเองทำตัวได้แย่มาก...ยิ่งวันไหนที่ผมตื่นเอาเที่ยงแล้วนั่งรถมาหาฤทธิ์ก็เหลือเวลาอีก 20 นาทีจะต้องเข้างาน..ฤทธิ์ก็จะนั่งรออยู่ตรงชั้นล่างของตึกโดยที่ไม่ยอมไปหาอะไรกินก่อน...บางวันหนักเข้าไปอีกก็ถึงขั้นปวดท้อง ผมดูแล้วฤทธิ์ท่าทางจะเป็นหนักมากเหมือนกัน ผมกลัวว่าผมจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฤทธิ์เป็นโรคกระเพาะ...บางวันถ้าผมไม่ได้มา ฤทธิ์ก็จะไม่ยอมกินอะไรเลย จนกระทั่งเย็น ซึ่งก็แน่นอน...อาการปวดท้องมันดูรุนแรงถึงกับทำให้ฤทธิ์ทรมานจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว...ทำไมผมเป็นคนแบบนี้นะ!!! เฮ้อออออ....ปากก็บอกว่าแคร์ บอกว่าใส่ใจ...แต่ทำให้ฤทธิ์เจ็บอยู่ร่ำไป...

...แต่แล้ว....ในเช้าวันหนึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์จากสายการบินต่างชาติแห่งหนึ่งให้เข้ารับการสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง Legal Co-Ordinator หรือผู้ประสานงานฝ่ายกฎหมาย ซึ่งก็คุณสมบัติที่เขาต้องการก็ตรงกับสายที่ผมเรียนมา และต้องใช้ skill ทางรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาโทของผมด้วย ผมจึงตอบตกลงไปสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้...ซึ่งเป็นวันหยุดของฤทธิ์ และในช่วงกลางวันเป็นเวลาที่ผมว่างตรงกัน..เรานัดกันไว้ว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นที่มาบุญครอง... เย็นวันนั้น ผมได้คุยเรื่องนี้กับฤทธิ์ตอนกินข้าวเย็นที่ร้านเกาเหลาเลือดหมูเจ้าประจำตรงประดิพัทธ์ และขอผลัดอาหารญี่ปุ่นไปเป็นวันหลัง...ฤทธิ์โกรธมาก...
“นี่ตกลงแล้วเราไม่มีความหมายอะไรในสายตาแทนเลยใช่ไหม?” ฤทธิ์เริ่มส่งสัญญาณอำมหิต

“ไม่ใช่นะฤทธิ์ ใจเย็นๆก่อนดิ คือว่างานนี้เราอยากทำจริงๆนะ ของสายการบินด้วยล่ะ” ผมอธิบายถึงความจำเป็น และพยายามชี้ให้เห็นว่าองค์กรที่ผมจะไปสัมภาษณ์มีชื่อเสียงขนาดไหน

“แล้วฟูจินี่แทนเป็นคนนัดเราเองนะ เราไม่ได้เป็นคนเริ่มนัดก่อนนะ”ฤทธิ์แย้ง

“ก็...ใช่...แต่ว่า...............เดี๋ยวคราวหน้าเราเลี้ยง 2 มื้อละกันน๊า” ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเลวอีกแล้วววกรู

“ก็แล้วแต่นะ...ถ้าเห็นว่านัดของเราไม่สำคัญก็ไปเถอะ เราเกลียดคนผิดคำพูด!!” คำสุดท้ายพร้อมน้ำเสียงกระแทกใจอย่างจัง...แล้วฤทธิ์ก็หยิบพริกป่นในแก้วเทคว่ำลงในชามเกาเหลา..วางเงินไว้ 100 บาท...แล้วเดินออกจากร้าน ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มกินสักคำ...

...ผมรีบลุกขึ้นตาม คนขายมองเรา 2 คนอย่าง งงๆ เพราะเขาเพิ่งเอาอาหารที่เขาภาคภูมิใจมาเสิร์ฟให้ไม่ถึงนาที...นี่ถ้าเขาไปเห็นว่าพริกป่นของเขากลายเป็นที่ระบายโทสะแบบนั้นเขาคงไม่ให้ผมเข้าร้านเขาอีกเลยตลอดชีวิต...ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนเกือบจะทันฤทธิ์ แล้วฤทธิ์ก็เรียกแท็กซี่กลับหอทันที...นี่ถ้าฤทธิ์เป็นผู้หญิง ผมคงกล้าที่จะตามง้อให้คนอื่นมองแล้วล่ะ...แต่ดันเป็นผู้ชายทั้งคู่..ผมอายเกินกว่าที่จะดึงประตูรถไว้แล้วยืนเคลียร์กันตรงนั้น...

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

...ผมพยายามโทร.หาและส่ง sms ไปขอโทษอยู่หลายครั้ง...จะตามไปก็ไม่ได้ เพราะผมต้องกลับไปหอเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเข้าเวร...จะลาก็ไม่ได้ เพราะวันนี้มีผมเป็น Supervisor แค่คนเดียว...

...หลังส่ง sms ไปเกือบ 10 ข้อความ......เงียบ.......ไม่มีอะไรตอบกลับมาจากฤทธิ์เลย...ตอนเช้าผมเลิกงาน 8 โมงเช้า..ผมก็นั่ง update ข้อมูลตามปกติ แล้วบังเอิญไปเห็นในตารางเข้างานว่ามีคนมาขอแลกเวรกับฤทธิ์ในวันนี้ คิดว่าจะอยู่รอเพื่อคุยแต่คงไม่ทันเพราะผมก็ต้องเดินทางไปยังที่ทำการของสายการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิทันที เพราะนัดสัมภาษณ์เอาไว้เวลา 9.30 น. ซึ่งทำให้ผมไม่ได้เจอกับฤทธิ์แน่นอน

...การสัมภาษณ์ใช้เวลาในการสัมภาษณ์ไม่นานนัก แต่ใช้เวลาในการนั่งรอเพื่อเข้าสัมภาษณ์นานมากๆ..เกือบบ่ายโมงผมจึงได้เข้าไปสัมภาษณ์ ดีหน่อยที่ผมสังเกตเห็นผู้สมัครคนอื่นๆมีบุคลิกภาพที่ค่อนข้างเนี้ยบ ดูเป็นนักธุรกิจที่คล่องแคล่วว่องไว..แต่ผมจะเป็นประเภทเซอร์ๆ ถึงขั้นซกมก!..ผมเดินเข้าออกห้องน้ำเป็นว่าเล่นเพื่อเช็คเครื่องแต่งกายและพยายามเอาน้ำลูบผมที่ชี้โด่ชี้เด่เพราะเพิ่งออกเวรดึกมา หนวดบางเส้นก็สะเออะงอกออกมาเด่นกว่าชาวบ้าน..ก็ต้องเอาเหรียญบาท 2 เหรียญใช้แทนแหนบถอนขน ทำการกำจัดมันออกซะตรงนั้นเลย..ตรงพุงที่มันยื่นๆก็ต้องแขม่วแล้วรัดเข็มขัดเอาไว้ถึงรูที่ 3 ...จากปกติที่ผมจะใส่อยู่รูสุดท้าย!!!

...การสัมภาษณ์ก็เป็นการถามในเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้เน้นความรู้ด้านกฎหมายที่ผมพยายามทบทวนมาเลย เขาถามเรื่องครอบครัว การงานของพ่อแม่ ถามเรื่องงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยให้อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ...อ่ะ!..พอได้...เขียนสคริปมาแล้ว ก็นั่งนึกไล่ไปตามที่จดมาเลย....555+ ...นั่นไง ตาลุงนั่นพยักหน้าด้วย...ทึ่งในสำเนียงกรูอ่ะดิ เหอๆ...A ถึง Z กรูท่องถอยหลังยังได้เล้ยยยยย...ไม่อยากจะคุย...สักพักตาลุงนั่นก็หยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่งแล้วให้ผมอ่านออกเสียงให้ฟัง....Your business is moving on with our Internet Wi-Fi... หูยยย ยากกว่านี้มีอีกมะเพ่!

“ยัวร์ บิซซิเนส อีส มูฟวิ่ง ออน วิธ เอาเอ้อ อินเตอร์เน็ต วีฟี่”ป๊าดดดดดด...แม่นยังกะภาษาพ่อภาษาแม่กรูเล้ยยย

“OK, If we accept you, we will call you back today”อ้อ เขาบอกว่าถ้ากรูผ่าน เขาจะโทรหาใน 2 วัน....................................ใช่มั๊ยอ่ะ?

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

...สัมภาษณ์เสร็จออกมาขึ้นรถเมล์ ไอ้นนท์โทร.เข้ามาพอดี

“สัมภาษณ์ยังเมิง เป็นไงบ้าง ไม่ผ่านใช่มั๊ย?”ไอ้นนท์ถามเหมือนจะห่วงใย

“ไม่รู้ว่ะ เขาก็ถามทั่วๆไป ถามว่าพ่อแม่กรูทำงานไร ถามถึงกิจกรรมตอนเรียน ถามถึงงานปัจจุบันว่าทำเชี้ยไรมั่ง กรูก็เล่าๆไปตามมีตามเกิด อ้อ!เขาทดสอบภาษาอังกฤษด้วยว่ะ เหอะๆ”ผมเล่าให้มันฟัง

“เชี้ย..สายการบินนะเว้ย ถ้าไม่ test ภาษาอังกฤษแล้วเมิงจะให้เขา test ภาษาแม้วเรอะ แล้วเมิงพูดได้ป่ะ”ไอ้นนท์ไม่วายเหน็บกรู

“ได้ดิ มีให้กรูอ่านด้วย แต่ดีที่ไม่ให้แปล...เออ ว่าแต่ไอ้ อินเตอร์เน็ตวีฟี่นี่แปลว่าไรวะเมิง”เหอะๆ ต้องถาม guru

“อะไรของเมิงวะ อินเตอร์เน็ตวีฟี่ สะกดยังไง” อะๆ ไอ้โง่ เรียนตั้งปริญญาโท..คำแค่นี้ก็สะกดไม่เป็น

“ควายยยยยย แค่นี้ก็ต้องถึงมือกรู...ไอ-เอ็น-ที-อี-อาร์-เอ็น-อี-ที เว้นวรรค ดับบลิว-ไอ-เอฟ-ไอ”ต้องสะกดให้มัน

“อีวัว! ดับบลิว-ไอ-เอฟ-ไอ เขาอ่านว่า ไวร์ไฟร์ โว้ยยยยยย..อินเตอร์เน็ตไวร์ไฟร์ หมายถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ต่อสัญญาณแบบไร้สาย...อีวัว!...วีฟี่!พี่สาวน้าเมิงสิ” ง่ะ -_-‘ไอ้นนท์ทำเสีย self..พี่สาวน้า? แม่กรูนี่หว่า?

“มั่วป่าวเมิง ทีไอ้คำว่า เค-ไอ-ดับบลิว-ไอ (kiwi) ยังอ่านกีวี่เลยนะเว้ยยย..เคยแดกป่ะเมิงน่ะ”ผมยังเถียง

“สาดดดดด กีวี่ก็กีวี่สิวะ..ไม่งั้นไอ้สเตอริโอไฮไฟ (Stereo HiFi) ที่มันติดอยู่ตามเครื่องเสียงทำไมเมิงไม่อ่าน สเตอริโอฮีฟี่ ซะเลยล่ะ...อีวัว!”ไอ้นนท์มอบวัวตัวที่ 3 ให้ผม... -_-‘ ก่อนจะวางสายไป ทิ้งวัว 3 ตัวให้อยู่กับผม

...ถ้าผมเก่งภาษาได้สักครึ่งนึงของฤทธิ์ก็คงดี ฤทธิ์สื่อสารพูดคุยกับฝรั่งได้ไหลลื่นสุดๆ...คิดถึงฤทธิ์แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้จะหายโกรธหรือยังนะ...นี่ก็บ่าย 3 โมงแล้ว ผมรู้สึกง่วงนอนและมึนหัวมากๆ แต่คงยังนอนไม่ได้ อีกแค่ 2 ชั่วโมงฤทธิ์ก็จะเลิกงานแล้ว...ไปรอฤทธิ์ที่หน้าตึกดีกว่า...เผื่อเรื่อง wi-fi จะทำให้ฤทธิ์ยิ้มออกมาได้บ้าง...

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
...มาถึงหน้าตึก...ผมไปรออยู่ตรงมุมประจำที่ผมมักจะมานั่งเวลารอฤทธิ์...เพิ่งสังเกตว่าตึกที่ผมทำงานมีเด็กผู้ชายหน้าตาดีๆหลายคนเลยทีเดียว...ยิ่งแฟชั่นชุดทำงานในปัจจุบันที่กางเกงผู้ชายจะเน้นที่เป้ากางเกงสั้นและแคบ..ดูแล้วเพลินไม่น้อยทีเดียว อิอิ ^^... อย่างผมนี้คงหมดสิทธิ์ใส่ เพราะแทบจะหาเป้าด้วยตาเปล่าไม่เจอแล้ว เหอะๆ... นั่งมองดูคนนู้นทีคนนี้ที..ฤทธิ์ก็เดินลงมา...ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง..เลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปก่อน ดูท่าทีฤทธิ์ก่อนดีกว่า...ผมชวนฤทธิ์ไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อฝั่งตรงข้ามตึก...ฤทธิ์ไม่พูดอะไรแต่เดินนำผมไปที่ร้าน...

...หลังสั่งอาหารเสร็จ...ผมก็เล่าให้ฤทธิ์ฟังเรื่องการสัมภาษณ์เมื่อเช้าที่ผ่านมาว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...ฤทธิ์ก็ดูตั้งอกตั้งใจฟังดี บางทีก็ขำในสิ่งที่ผมเล่า...แต่!...เป็นการขำที่ดูเหมือนไม่เต็มใจเท่าใดนัก...ผมก็รู้สึกแปลกๆ เพราะปกติถ้าเป็นเมื่อตอนที่เริ่มคบกันใหม่ๆ ฤทธิ์จะยินดีกับทุกสิ่งที่ผมรู้สึกดี...คือผมไม่ได้หวังจะให้ฤทธิ์เข้าข้างผมในทุกเรื่องหรอกนะครับ แต่ช่วงหลังๆมา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมชอบหรือรู้สึกดีดูเหมือนฤทธิ์จะเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ผมกำลังทำแทบทุกอย่าง....สงสัยฤทธิ์จะเหนื่อยกับงานล่ะมั้ง...ย้ายไปแผนก VIP คงเครียดน่าดู...

...ขณะที่ผมกำลังบดขยี้แค็ปหมูถุงที่ 2...โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น...สายการบินเมื่อเช้านั่นเอง...เขาโทร.มาแจ้งว่าตกลงรับผมเข้าทำงาน!!!..ไหนว่าผลจะออกมาอีก 2 วันง่ะ...เอ๊ะ!นี่กรูฟังเป็น two day หรือ today วะ??? งานเข้าอีกแล้วกรู!!
..................................................................................

แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 53 15:42:02

แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 53 15:41:20

แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 53 15:39:46

จากคุณ : icebeach
เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 15:14:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com