ความคิดเห็นที่ 1 |
ราตรีที่ 14
มายาบรรเลง [1/4]
ในช่วงเวลาใกล้สิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิบนแผ่นดินต้าหลงเจี๋ย วันหนึ่ง... สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาตั้งแต่เช้ามืด...
ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกปกคลุมด้วยสายฝนโปรยปราย บรรยากาศรายรอบล้วนมืดครึ้มด้วยเมฆฝนและหยาดน้ำจนมองแทบไม่เห็นสิ่งใด ตลอดสองฟากฝั่งถนนเห็นเพียงแสงไฟสีนวลดวงกลมๆ จากภายในตัวอาคารบ้านเรือนส่องแสงฝ่าม่านน้ำฝนอยู่เป็นระยะ
ณ ย่านถนนการค้าแห่งหนึ่ง... แสงไฟจากห้องครัวในภัตตาคารเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากหัวมุมถนนไปสองสามช่วงตึกกำลังสาดแสงวูบวาบฝ่าสายฝนเยียบเย็นออกมานอกหน้าต่าง ในห้องนั้น สตรีร่างโปร่งบางในชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบพอดีตัวกำลังสาละวนอยู่หน้าเตาไฟอย่างแคล่วคล่อง รอบกายนางเต็มไปด้วยหม้อไหจานชามที่บรรจุเครื่องปรุงหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ และเบื้องหน้าของนางเป็นหม้อทองเหลืองใบใหญ่บรรจุน้ำแกงผสมสมุนไพรไว้กว่าค่อนภาชนะ
ไฟในเตากำลังส่งความร้อนจนได้ที่ น้ำแกงในหม้อเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนน้ำลายสอ
เซี๊ยะฟ่งจ้องมองหม้อไก่ตุ๋นน้ำแกงที่เพียรพยายามเคี่ยวมาหลายชั่วยามอย่างคาดคะเนเวลา มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบทัพพีบรรจงตักน้ำแกงในหม้อเทใส่ถ้วยใบเล็กแล้วยกขึ้นจิบชิมรสด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพอใจ...
นี่...จะยืนตากฝนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย อาอวี้!
ในที่สุด... เซี๊ยะฟ่งก็แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยถึงการมีอยู่ของ ใครบางคน ที่ลอบเข้ามาแฝงเร้นกายเงียบเชียบข้างนอกหน้าต่างไม่ได้ แม้ว่า...การลุกขึ้นมาทำอาหารแต่เช้าจะเป็นความเพลิดเพลินสำหรับเซี๊ยะฟ่ง หากตัวตนแท้จริงของนางที่เป็นจอมยุทธ์สาวผู้เชี่ยวชาญวรยุทธ์ชนิดซึมซับเข้าสายเลือดก็มิอาจตัดขาดประสาทการรับรู้เหนือคนทั่วไปได้อยู่ดี
เสียงฝนตกคลอเคล้าด้วยเสียงจังหวะน้ำในหม้อเดือดคงอยู่เป็นคำตอบได้มินาน...ที่ขอบหน้าต่างพลันมีเสียงระบายลมหายใจเบาๆ พร้อมกับเสี้ยวหน้าของใครบางคนค่อยยื่นมาให้เห็น
สวัสดี อาฟ่ง
เป็นราชองครักษ์อวี้เสวียนแห่งฮ่องเต้มังกรทองนั่นเอง! หากในขณะนี้เขาแสดงตัวเป็นเพียง อาอวี้ บ่าวรับใช้คนสนิทของ คุณชายจ้าว หรือก็คืออีกตัวตนหนึ่งของฮ่องเต้ผู้สูงส่งยามออกมาตะลอนอยู่นอกวัง
เข้ามาก่อนก็แล้วกัน อย่าให้ใครเห็นล่ะ
เซี๊ยะฟ่งเบ้ปากพลางแค่นเสียงในลำคอ สองตาก็กวาดมองไปยังชายหนุ่มในชุดตัวยาวสีดำที่เปียกน้ำฝนชุ่มโชกพุ่งตัวเข้ามาในห้องโดยไร้เสียงขยับอาการอย่างนึกหงุดหงิดใจ ตามประสาคนค้าขายต้องนับว่าขาดทุนแล้ว... เพราะ การขายข่าว ครั้งนี้ของนาง คุณชายจ้าวที่นางแสนชื่นชมเป็นหนักหนาไม่ได้มารับข่าวด้วยตนเองแต่กลับส่ง...บ่าวรับใช้หน้าตายยังกับรูปปั้นเทพพิทักษ์เช่น อาอวี้ มาแทนเสียนี่!
ร่างสูงองอาจแห่งบุรุษที่คงมีพลังยุทธ์อยู่ไม่น้อยยืนนิ่งเฉยอย่างสงบรอคอย... หยาดน้ำฝนเยียบเย็นพราวพร่างไปทั่ววงหน้าเคร่งขรึม ระเรื่อยไปทั้งเรือนกายหนาหนั่นที่สวมใส่เสื้อผ้าเปียกชุ่มน้ำแนบเนื้อผิวจนเห็นมัดกล้ามสีคร้ามแดดเล็ดรอดผ่านเสื้อตัวในสีขาวอยู่รำไร หากทว่าเซี๊ยะฟ่งกลับปรายตามองเขาอย่างค่อนขอด...เฮอะ! ต่อให้อาอวี้มีอะไรน่ามองกว่าบุรุษใดๆ ยิ่งกว่านี้ ก็หาได้สู้คุณชายจ้าวผู้เพียบพร้อมของนางไม่
ข้ามารับ สินค้า แทนเจ้าชีวิตของข้า
อวี้เสวียนยังคงทำหน้าตายอย่างไม่สะทกสะท้านต่อสายตากึ่งตำหนิกึ่งค่อนขอดนั้น... แม่ค้า ก็คือแม่ค้า จะให้หาญบังอาจเทียบเคียงกับบุปผางามแห่งวังหลวงทั้งหลายแหล่ได้อย่างไรเล่า? ยิ่งบุปผางามแห่งราชันด้วยแล้ว... อาฟ่งคนนี้คงแทบไม่เห็นฝุ่น
แทนคำตอบในเรื่องข่าวสารของสินค้า...พริบตา ผ้าผืนใหญ่จากมือของเซี๊ยะฟ่งก็โยนใส่ร่างแกร่งของเทพพิทักษ์หน้าตายคนนั้นอย่างจงใจ!
ก็เพราะเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของคุณชายจ้าวหรอกนะ ข้าจึงเวทนาแถมผ้าเช็ดตัวให้เจ้า!
มือใหญ่ข้างหนึ่งจากร่างสูงคว้าผ้าฝ้ายผืนใหญ่ไว้ในกำมือก่อนล่วงหน้ามาแตะต้องผิวกายด้วยความว่องไวยิ่ง ใบหน้าเคร่งขรึมพลันปิดเปลือกตาลง เริ่มต้นนับหนึ่งถึงสิบอยู่ภายใน ไม่นึกเลย...ในฐานะราชองครักษ์แห่งองค์ฮ่องเต้ และหนึ่งในคนตระกูลแม่ทัพใหญ่ผู้ปกป้องจักรวรรดิมังกรทองเฉกเช่นอวี้เสวียน จะมีวันต้องฝืนทนให้แม่ค้าจอมเจ้าเล่ห์เฉกเช่นเซี๊ยะฟ่งค่อนขอดอย่างไม่ไว้หน้า
ขอบคุณ แม่นางฟ่ง
เสียงทุ้มราบเรียบกล่าวตามมารยาทอย่างเสียไม่ได้ คำขานชื่อนางปรากฏความห่างเหินไม่ปิดบัง หากสำหรับเซี๊ยะฟ่งกลับทำหูทวนลมอย่างมิใคร่สนใจ ใบหน้าผ่องใสเชิดขึ้นน้อยๆ ขณะทิ้งตัวลงนั่งกับขอบโต๊ะจัดวางเครื่องปรุงนั้น... ในเมื่อคนที่อยากพบกลับมิได้พบ จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องรักษากิริยาอาการต่อหน้าบ่าวรับใช้ที่เห็นแวบแรกก็รู้ว่า กันท่า นางให้ถอยห่างจากนายของตนด้วยเล่า?!
คุณชายของข้ามีงานล้นมือยิ่งนัก ในระยะนี้จึงมิอาจปลีกตัวออกมารับสินค้าด้วยตนเองได้ จึงส่งข้ามาเป็นตัวแทน
เซี๊ยะฟ่งเบ้ปากพลางแค่นเสียงเฮอะในลำคอระหง...สวรรค์! นางเกลียดสายตารู้ทันของอาอวี้คนนี้เสียจริงเชียว!
อวี้เสวียนก้มมองผ้าผืนใหญ่ในมืออย่างนึกลังเลว่าควรทำสิ่งใดกับมันต่อหน้าเจ้าของผ้าดี...ผ้าฝ้ายสีพื้นคุณภาพปานกลางผืนนี้เป็นชนิดเดียวกับผ้าที่ใช้ประดับตกแต่งภัตตาคารเล็กๆ ของนางใช่หรือไม่?
ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายเจ้าสำราญอย่างเขาจะมีการงานให้ทำวุ่นวายอย่างคนทั่วไปเสียด้วย?
ใบหน้างามสดใสไร้การตกแต่งเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาเรียวยาวสุกใสแวววาวจ้องมองตรงมาอย่างค้นหาคำตอบในดวงตาสีเทานิ่งสงบของอวี้เสวียน...แม้กาลก่อนหน้านางเคยบอกตัวเอง ไม่สนใจสืบซักประวัติตัวตนแท้จริงของคุณชายจ้าว ทว่าการที่บุรุษเจ้าสำราญท่าทางสูงศักดิ์ต้องการซื้อข่าวสารลับอันพัวพันกับด้านมืดในยุทธภพอย่างเช่นพรรคมารชิงหลวน ทำให้นางนึกเป็นห่วงอยู่มิน้อย
ข้ารอ สินค้า ของนายข้าอยู่ แม่นางฟ่ง
รอยยิ้มเย็นชาอย่างรู้เท่าทันความคิดนางปรากฏเจือจางบนดวงหน้าเคร่งขรึมดุจรูปสลักเทพพิทักษ์ ความนัยในแววตาราวจะบอก...ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องตอบข้อสงสัยอะไรก็ตามของนาง
เซี๊ยะฟ่งเบ้ปากพลางแค่นเสียงเฮอะในลำคออีกครั้ง ใบหน้างามสดใสหันมองไปทางอื่นยังมิใคร่สบอารมณ์สุดแสน...ถ้าไม่คิดว่าเห็นแก่หน้าคุณชายจ้าวที่นางชื่นชมแล้วล่ะก็ ต่อให้อาอวี้คนนี้เก่งกาจสักแค่ไหน นางก็จะไม่ปล่อยให้เขากลับไปในสภาพปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเป็นแน่...
ข้าส่งคนไปสืบเรื่องของสำนักชิงหลวนตามคำขอของคุณชายจ้าวแล้ว เท่าที่รู้ ณ ตอนนี้ สำนักชิงหลวนกำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ คนกลุ่มหนึ่งที่ถูกคัดเลือกถูกส่งให้เดินทางไกลไปที่ยังใดสักแห่ง ก็คง...เป็นภารกิจลับของราชสำนักต้าหลู่เหลียงตามเคยกระมัง
เซี๊ยะฟ่งบอกเล่าข่าวสารตามข้อสัญญาซื้อขายข่าวจากในยุทธภพตามที่ได้ตกลงไว้กับจ้าวหลงซีเจี๋ยเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ตามปกติแล้วการไล่ล่าหาข่าวภายในเกี่ยวกับพลพรรคทุกสำนักทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะพรรคมารที่เป็นซุ้มทหารนักฆ่าอย่างชิงหลวนที่เข้าถึงยาก หากนางก็สามารถหาข่าวมาจนได้เพื่อบริการลูกค้าระดับพิเศษสุดเช่นคุณชายจ้าวเท่านั้น
แล้วคนเหล่านั้นเข้ามายังแผ่นดินต้าหลงเจี๋ยหรือไม่
มีความเป็นไปได้สูง แต่พวกนักฆ่าชิงหลวนล้วนมีฝีมือสูงส่งมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการแปลงโฉมเพื่อปิดบังอำพรางในทุกภารกิจ การลอบติดตามข่าวจึงมิใช่เรื่องง่ายเลย ทางข้ากำลังเร่งหาข่าวเพื่อยืนยัน
อวี้เสวียนนึกครุ่นคิดติดตามข่าวสารจากปากของเซี๊ยะฟ่ง ใบหน้าที่ไม่ใคร่แสดงอาการเรียบตึงขึ้นอย่างหนักใจ... ฤๅจะเป็นดั่งที่ราชันมังกรทองนึกคาดการณ์ หากภาพเบื้องหน้าของต้าหลู่เหลียงคือความนิ่งสงบไร้การเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากการตระเตรียมกองทัพอยู่ภายใน ทว่าพรรคมารที่รับใช้ราชสำนักแดนพยัคฆ์กลับมีการเคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่นอย่างลับๆ ย่อมหมายความถึงสิ่งผิดปกติที่น่าจักเป็น แผนการร้าย กับต้าหลงเจี๋ยในหนทางใดสักทางเป็นแน่
ใช่แต่อวี้เสวียนที่ลอบใคร่ครวญในความคิดคำนึงของตนเอง หากเซี๊ยะฟ่งก็มิต่างกัน...ในสายตาของชาวยุทธ์ที่มีสัมผัสว่องไวกอปรกับความช่างสังเกตในทุกสิ่งที่น่าสนใจ ตัวตนแท้จริง ของคุณชายจ้าวผู้ว่าจ้างคนในยุทธภพให้หาข่าวเสี่ยงตายเช่นนี้ ย่อมมิใช่ ความอยากรู้ เฉกเช่นคนสามัญธรรมดาอย่างแน่นอน
เอาเถิด...ต่อให้เขาคือผู้สูงศักดิ์ที่สุดมาจากไหน จะเป็นขุนนางหรือท่านอ๋องแห่งแคว้นแดนใด หากเซี๊ยะฟ่งก็ตัดสินใจแน่วแน่จะรักษาสถานะความเป็นสหายต่อกันให้คงอยู่ยาวนานที่สุดดุจดั่ง สายสัมพันธ์อันตัดไม่ขาด กับคุณชายจ้าวคนนั้นเพียงคนเดียวตลอดไป...
ก่อนยามซื่อจะเริ่มต้นอีกครั้ง พายุฝนหนักหน่วงที่มีมาก่อนรุ่งอรุณพลันหยุดโปรยปราย...
ทั่วทั้งเมืองหลวงเริ่มต้นยามสายของวันด้วยบรรยากาศชุ่มชื้นเย็นระรื่น แสงแดดอ่อนเล็ดรอดฝ่าม่านเมฆฝนดุจดั่งม่านมายาแห่งโรงละครขยับเปิดฉากให้ใครก็ตามก้าวออกมาผจญวิถีชีวิตประจำวันของตนเองอีกครั้ง หมู่เมฆามืดครึ้มในยามเช้ามืดค่อยเจือจางเหือดหายแทนที่ด้วยท้องฟ้าสว่างสดใส ในขณะต้นไม้หลายต้นบนแผ่นดินสละใบทิ้งตามแรงวายุฝนตกกระจายเกลื่อนกลาด คั่นด้วยกลีบดอกไม้บางหลากสีที่ถูกน้ำขังพัดพามาทับถม
ณ ที่ลานกว้างหน้าตัวอาคารหลังใหญ่ตระกูลเฟิ่งที่อยู่ในเขตชานเมืองหลวง บ่าวรับใช้มากมายกำลังจัดการเก็บกวาดกองใบไม้ดอกไม้อย่างขะมักเขม้น ขณะคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้าออกตึกรับรองไปมาเพื่อจัดเตรียมขบวนเสด็จกลับวังของพระสนมเอกเฟิ่งกุ้ยฟางอย่างเร่งรีบ เกี้ยวงดงามประณีตถูกจัดวางไว้รอท่าพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประกอบขบวนหลากสีประจำตำแหน่งพระสนมเอกดูสวยงามน่าชื่นชม ตามหมายกำหนดการที่ให้ไว้กับราชสำนักฝ่ายใน เฟิ่งกุ้ยฟางจะเดินทางกลับพระราชวังมังกรทองในวันนี้ หากทว่าสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุด ทำให้การจัดเตรียมขบวนมีความล่าช้าลงไปอย่างช่วยไม่ได้
ที่ทางเดินระเบียงอันมีรั้วแขนงไม้กั้นขนาบหนึ่งด้านประกอบด้วยหลังคาไม้ปกคลุมเห็นเป็นแนวยาว สตรีงดงามสองนางในชุดอาภรณ์สูงค่าหากต่างฐานันดรศักดิ์เดินระเรื่อยเคียงกันมาแต่ไกล ทิ้งให้เหล่านางกำนัลรับใช้ที่มีหัวหน้านางกำนัลคนหนึ่งเดินนำติดตามเป็นขบวนอยู่ห่างๆ สตรีนางแรกแต่งกายหรูหราสมฐานะพระสนมเอกของนาง ขณะสตรีอีกนางที่อ่อนวัยกว่าแต่งกายอย่างเรียบง่ายหากแฝงด้วยความประณีตสวยงามชนิดที่เห็นเพียงแวบแรกก็รู้แล้วว่า ฐานะทางสังคมของนางคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
โอสถของหมอหลวงที่พี่กุ้ยฟางนำมารักษาฮูหยินเฟิ่งใช้ได้ผลดีมากจริงๆ เพียงไม่กี่วันนางก็อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่าชื่นชมเหลือเกิน
หวังไป่เหอจ้องมองสตรีผู้เป็นสหายสนิทต่างวัยของนางด้วยสีหน้ายิ้มสดใส เฟิ่งกุ้ยฟางยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ หากมิใช่เพราะองค์ฮ่องเต้ที่นางรักและเคารพอย่างหมดใจ ยาล้ำค่าหายากเฉกนี้คงมิได้นำมารักษาอาการป่วยรุนแรงของมารดาได้ทันท่วงทีเป็นแน่
เป็นเพราะฝ่าบาททรงประทานเมตตาสกุลเฟิ่ง นอกจากประทานอนุญาตให้ข้ากลับบ้านมาดูแลอาการท่านแม่เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูในฐานะบุตรสาวแล้ว ยังทรงให้หมอหลวงจัดยามาให้ข้าอีก
สีหน้าของนางอ่อนหวานละมุนยามกล่าวถึงฮ่องเต้มังกรทอง ทั้งแววตาและน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังจนหวังไป่เหอที่จ้องมองทุกอาการหัวเราะเบาๆ นับแต่เฟิ่งกุ้ยฟางรับบุรุษผู้นั้นเข้ามาภายในหัวใจ ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใด นางก็ดูจะชื่นชมในทุกสิ่งเสมอมา
ข้าดีใจที่ได้รู้ว่าองค์ฮ่องเต้ทรงโปรดพี่กุ้ยฟางเสมอ
เฟิ่งกุ้ยฟางพยักหน้ารับ จะเสียก็แต่อย่างเดียว นอกจากพระเมตตาสูงสุดแล้ว... ฮ่องเต้หนุ่มไม่เคยรักนาง หากมันจะสำคัญอย่างไรเล่า ในเมื่อสตรีทุกนางแห่งตำหนักในล้วนเป็นเฉกเดียวกัน...ฮ่องเต้มิทรงโปรดใครถึงขั้น รัก นั่นยอมหมายความว่าพวกนางยังมีหนทางครอบครองหทัยแห่งราชันใช่หรือไม่?
ฉะนั้น...นอกจากฮองเฮาที่ได้ครอบครองอำนาจสูงสุดแห่งตำหนักในตามหน้าที่แห่งราชบัลลังก์ ทว่าพระสนมเอกคนใหม่จากต้าเยี่ยนจะเป็นที่ทรงโปรดกว่านางใดๆ เป็นพิเศษ จะหาควรได้อย่างไร?
--- มีต่อค่ะ ---
แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 53 22:10:30
จากคุณ |
:
WriterZZ (นู๋ครีมสด)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 พ.ค. 53 21:38:57
|
|
|
|