ความคิดเห็นที่ 1 |
บทที่ ๑ ผู้หลบหนี
อาเมียร์พายเรือลัดเลาะหลบใต้เงาสะพานมาจนถึงฝั่งในไม่ช้า แอชลีนน์เห็นว่าที่ที่ทั้งสามมาถึงน่าจะเป็นท่าเรือในเขตเมืองชั้นนอก เพราะมีเรือขนาดตั้งแต่กลางไปจนถึงใหญ่ที่ดูเก่าโทรมเทียบท่าอยู่มากมาย และมีอาคารไม้หลายหลังตั้งอยู่ กระนั้นที่นี่กลับร้างเงาผู้คนอย่างสิ้นเชิง
“นี่ยังไม่เช้าหรือ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลย”
เด็กหนุ่มกลับมีความเห็นอีกอย่าง
“นี่น่าจะเป็นสุสานเรือ เรือพวกนี้ดูเก่าเกินกว่าจะใช้ออกทะเลเสียอีก”
“แล้ว...พอเรือมันเก่าเกินก็เอามาทิ้งไว้ดื้อๆ อย่างนี้น่ะหรือ” เด็กสาวตั้งคำถาม “ทำไมไม่เอาไปทำอย่างอื่นล่ะ”
“บางทีเจ้าของเรือก็ไม่รู้จะเก็บเรือผุๆ ไว้ให้เปลืองที่ของตัวเองทำไม แล้วก็เสียเวลาจะกำจัดเรือเอง เลยลากมาทิ้งไว้ที่สุสานเรือ ถ้าข้าจำไม่ผิด คงมีคนมารื้อเรือเอาส่วนที่ใช้การได้ไปปรับปรุงใหม่ เหล็กเอาไปหลอม ส่วนอื่นอย่างไม้ก็พอทำเชื้อเพลิงได้ แต่มันก็เป็นงานหนักอยู่ ดูอย่างเรือนั่นสิ” เขาชี้ไปยังเรือลำหนึ่งซึ่งไม้หายไปจนเห็นแต่โครงเหล็กเปล่าๆ อยู่ครึ่งลำ ก่อนจะเปรย “แต่ถ้าเป็นที่นี่ก็ดี น่าจะใช้ซ่อนตัวได้ชั่วคราวจนกว่าข้าจะจัดการธุระจำเป็นเสร็จ”
“ธุระจำเป็น?” แอชลีนน์ทวนคำ
“ก็เรื่องเสบียง เสื้อผ้า ม้ากับรถเดินทาง แล้วก็เราจะออกนอกเมืองได้อย่างไร”
“อ๋อ”
อาเมียร์นำเรือเล็กมาจอดที่ท่าไม้เล็กๆ ที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง แต่เมื่อผู้โดยสารอีกสองขึ้นฝั่งหมดแล้ว เด็กหนุ่มกลับสาวเชือกขึ้นมาเก็บ ปล่อยเรือเล็กให้ลอยออกไป
แอชลีนน์ลองถามดู ก็ได้ความว่าทำอย่างนี้ทางการจะตามตัวได้ยากขึ้น เด็กหนุ่มคุมตัวชาลัวห์เหมือนเดิม แล้วก็พาทั้งสามไปตามแนวโกดังที่ดูรกร้างและผุโทรมไม่ต่างจากเรือข้างนอก
ถึงหน้าโกดังหลังหนึ่งที่มีกุญแจกับโซ่มัดแน่นหนา อาเมียร์ก็เข้าไปรื้อมันออกแล้วเปิดเข้าไป
เด็กสาวย่นจมูกกับกลิ่นอับในนั้น ขณะที่เด็กหนุ่มจุดตะเกียงขึ้น เผยให้เห็นอาคารที่เต็มไปด้วยลังไม้และถังไม้เก่าๆ ฝุ่นจับเขรอะ หยากไย่บนมุมเพดานสะท้อนแสงเห็นเป็นตาข่ายเรืองๆ
“แอชรออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าจะออกไปซื้อของ” อาเมียร์พูดอย่างนั้น แต่กลับตรงไปเอาเชือกมัดแขนทั้งสองของชายอีกคนไพล่หลัง อีกฝ่ายไม่พูดคัดค้านอะไรแม้จะร้องออกมาเบาๆ ในทีแรก “มีมีดสั้นอยู่ใช่ไหม เก็บไว้ให้ดี”
“อื้อ” แอชลีนน์มองเด็กหนุ่มดึงตัวชายหนุ่มไปยังเสาไม้กลางโกดัง แล้วมัดปลายเชือกที่เหลือจากการมัดมืออีกฝ่ายรอบเสา
“อย่าเข้าใกล้เจ้านี่มากไป แล้วถ้าเกิดอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจมัน รีบหนีออกไปแล้วทิ้งมันไว้อย่างนี้แหละ มีเรื่องอะไรให้พยายามไปหาข้า...แถวหน้าโบสถ์ใหญ่ที่สุดของเมืองชั้นนอกก็แล้วกัน ถ้าข้าเห็นว่าเกิดเรื่องที่นี่จะไปตรงนั้นแทน”
“ได้” เด็กสาวรับขณะมองอาเมียร์ถอดชุดเกราะของทหารยามออกไป คงไว้เพียงเสื้อและกางเกงธรรมดา
“เดี๋ยวขอยืมช้องผมด้วย”
แอชลีนน์ถอดผ้าคลุมออก ตามมาด้วยสิ่งที่เขาร้องขอ เส้นผมของเธอทิ้งตัวลงมาคลุมบ่าอย่างไม่เรียบร้อยนัก แต่เด็กสาวก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มโดยไม่คิดจะหวีหรือปัดมันก่อน
“ขอบใจ” อาเมียร์เอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกมา แต่เธอกลับบอก
“หันหลังมา”
“ข้าใส่เองได้”
“เดี๋ยวก็เก็บผมไม่หมดหรอก”
เด็กหนุ่มจึงยอมหันหลังให้ตามคำบอก ถึงอย่างนั้น แอชลีนน์ก็แหงนมองเรือนผมของเขาที่สูงเลยศีรษะของเธอขึ้นไปก่อนจะพูดต่อ
“ย่อตัวหน่อยสิ”
เส้นผมสีดำของอาเมียร์ยังรวบมัดไว้เหมือนที่เห็นจนชินตา ทีแรกเธอคิดจะคลายผมออกมามัดใหม่ แต่พอสัมผัสดูก็พบว่าผมของเขาจับเหนียวเป็นกระจุก
ก็ไม่ได้สระผมมานานมากนี่นา... เธอคิดอย่างเห็นใจ
“หลังจากนี้ ไปหาที่ล้างผมหน่อยก็ดีนะ” เด็กสาวเปรยขณะใส่ผมหางม้าของเขาลงไปในคอเสื้อ
“ข้ารู้...เดี๋ยวก่อนออกไปคงต้องโกนหนวดก่อนด้วย ผมน้ำตาลแต่หนวดดำนี่คงดูประหลาดพิกลใช่ไหม”
แอชลีนน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตั้งคำถามอย่างสงสัย
“แล้วจะใช้อะไรโกน”
“มีดสั้นทหารที่ฉกมาก็พอใช้ได้นั่นล่ะ”
“ก็ดี รีบโกนล่ะ ข้าชอบอาจารย์ตอนไม่มีหนวดมากกว่า”
ครั้งนี้เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร เด็กสาวเองก็เพิ่งนึกถึงเรื่องอะไรขึ้นมาได้เกี่ยวกับช้องผม
“แล้ว...อาจารย์...”
“เรียกอาเมียร์เฉยๆ ก็ได้ ข้าไม่ได้เป็นอาจารย์ของใครๆ ทั้งนั้นแล้วนี่” คำพูดของเขาทำให้เธอประหลาดใจ “ว่าแต่มีอะไรหรือ”
“เอ้อ...ข้าแค่อยากถามว่า...จะให้ข้าปลอมตัวเป็นผู้ชายเหมือนเดิมดีไหม แต่...ไม่รู้สินะ” เธอแตะช้องผมเบาๆ แก้ประหม่า “แต่งตัวเป็นผู้หญิงเหมือนเดิมคงไม่มีพิรุธใช่ไหม ช้องผมนี่ข้าจะได้ยกให้อาจารย์...เอ้อ...อาเมียร์ไปเลย หรือ...หรือแต่งตัวเป็นผู้หญิงจะรุ่มร่ามเกินไป”
“ก็คงไม่กระมัง ข้าตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะใช้รถม้าเดินทางไปจนถึงยาร์ลาธ ไม่ต้องเดินทางสมบุกสมบันนักหรอก”
“แล้ว...ท่านจะพูดอย่างไรล่ะ เวลาไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง”
“ไม่เห็นจะยากเลย ก็บอกว่าซื้อให้น้องสาวอย่างไรล่ะ ข้าเคยตามแม่ไปซื้อเสื้อผ้าให้นาสิรากับฟาร์ฮานาห์เหมือนกัน—โอ๊ย!”
“ขอโทษ” แอชลีนน์บังคับเสียงของตนไม่ให้ห้วนขึ้น มือของเธอเพิ่งปาดเก็บผมของเขาแรงเกินไปจนเล็บเผลอโดนเนื้อของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้
“...ม...ไม่เป็นไร” อาเมียร์เว้นช่วงก่อนตอบเหมือนลังเล
“แต่ท่านไม่เคยซื้อเสื้อรัดทรงกับเสื้อผ้าชั้นในแน่ๆ ล่ะ มีพี่ชายที่ไหนเขารับซื้อของแบบนั้นให้น้องสาวตัวเองบ้าง” เด็กสาวนึกเรื่องมาติงด้วยอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว
“เอ่อ...” เด็กหนุ่มรับ “นั่นสินะ”
“แล้วก็คงเลือกสีเสื้อผ้ากับลายที่ถูกใจผู้หญิงที่โตแล้วไม่เป็นด้วย เพราะฉะนั้น ซื้อเสื้อผ้าผู้ชายมาให้ข้าแทนก็แล้วกัน ซื้อช้องผมเพิ่มด้วย เอาสีคล้ายๆ อันนี้ล่ะจะได้ดูเป็นพี่น้องกันได้” เด็กสาวพูดต่อ “ข้าแต่งเป็นผู้ชายจนชินตาท่านแล้วนี่ เสร็จละ”
เธอคลายมือจากช้องผมของเขา ก่อนจะถอยไปปัดๆ ฝุ่นบนลังไม้ใบหนึ่งแล้วนั่งลงบนนั้น
“รีบกลับมาล่ะ”
“อ...อือ” อาเมียร์พยักหน้า
เด็กสาวมองเขาหยิบมีดสั้นกับถุงเงินออกไปนอกโกดังร้างก่อนที่ประตูจะปิดลง มีเสียงดึงโซ่มาพันที่จับประตูให้เรียบร้อยเหมือนเมื่อก่อนหน้า
พอไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วนั่นเองเธอถึงได้ระบายลมหายใจดัง ‘ฮึ’ แล้วแกว่งขาจนกระทบกับลังไม้ดังกึกๆ
แต่แล้วเธอก็เลิกขยับขา เสหลบไปแล้วนิ่งเงียบไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อตระหนักได้ว่าสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังลอบมองตนเอง อย่างสงสัยจากบริเวณเสากลางโกดัง
เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา แอชลีนน์จึงรีบลุกย้ายไปยังลังอีกใบ ซึ่งอยู่ค่อนไปทางด้านหลังของชายที่นั่งอยู่หน้าเสาโกดัง แล้วก็นึกตัดพ้อใครอีกคนอยู่ในใจต่อไป
* * * * *
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
21 พ.ค. 53 20:37:13
|
|
|
|