Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นอนดูดาว เท้าหยุดนิ่ง  

แต่ไหนแต่ไรมา เราก็นอนดูดาวกันมาตลอด



ถ้าตัดสินกันด้วยความรู้สึกส่วนตัว

การนอนน่าจะเป็นท่าที่สบายที่สุดในการดูดาว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่อยู่ท่ามกลางลมหนาวบนเขาสูง

ที่ที่ดาวแลดูมีขนาดใหญ่โตกว่าที่เคยรู้จักในเมืองใหญ่

และท้องฟ้าก็ดูใกล้จนแทบจะเอื้อมสัมผัสได้ไม่ยาก



ในช่วงยามที่ได้นอนดูดาวในที่โล่งๆ

จนกรอบสายตาทั้งซ้ายและขวาปราศจากสิ่งรบกวน

ปล่อยให้ท้องฟ้าตรงหน้า ปกทั้งคลุมกายและใจ

ยิ่งให้รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก



ถ้าจะให้ดี ให้ลองเพ่งไปที่ดาวดวงไหนสักดวง

จับสายตานิ่งๆ อย่างนั้นสักพัก โดยไม่ตรงคิดอะไรให้หนักหัว

บางทีจะเริ่มรู้สึกหวิวกาย โหวงเหวงใจ เหมือนหลุดออกไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า

พลันให้รู้สึกตัวว่า มนุษย์ช่างเป็นสิ่งที่เล็กน้อยเหลือเกินถ้าเทียบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ความต้องการ ความกังวล ภาระต่างๆที่อุตสาห์แบกขึ้นบ่าขึ้นหลังติดมา

ก็กลับหายไปอย่างไม่รู้ตัว



ลองพิจารณาตัวเรากับท้องฟ้าให้ดี

คงไม่ต่างอะไรกับฝุ่นผงสักอณูบนผืนโลก

ไร้ความหมาย และหาได้มีความสำคัญใดๆไม่

ปัญหา ความทุกข์ร้อน ความยิ่งใหญ่ อำนาจ บารมีต่างๆ

ก็น่าจะยิ่งเล็กลงไปมากกว่านั้นอีกด้วยซ้ำ



ซึ่งก็อาจจะเป็นด้วยอากัปของการนอนดูดาวด้วยก็ได้

ที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น

ยามที่หลังติดพื้นดิน ทำให้ร่างกายไม่ต้องเคลื่อนไหว

ขาไม่ต้องรับน้ำหนัก เท้าไม่ต้องเดิน มือไม่ต้องไขว่คว้าหาอะไรอีก

ร่างกายหยุดนิ่ง หัวใจไม่ไหวตามสิ่งรุมเร้า



แต่แล้วอยู่ๆมาวันดีคืนดี

ก็กลับมีคนมาบอกให้เราลุกขึ้นยืน แหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อมองดาว

หลายคนในเวลานั้นก็ลองทำตามกันยกใหญ่

และอีกหลายคนก็รู้สึกดี กับการเปลี่ยนแปลง

อันเกิดจากมุมมองที่มีต่อท้องฟ้าซึ่งเปลี่ยนไป

ทำให้ได้เห็นภาพใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ตามสองเท้าที่ก้าวย่าง

และตามกระแสความนิยมของการคิดใหม่



จนในที่สุดท้องฟ้าที่เคย แม้จะยังคงเป็นผืนเดิม เชกเช่นเมื่อวันวาน

แต่ความรู้สึกข้างในเรากลับเริ่มเปลี่ยนไป

สายตาที่มองดาว ในขณะที่สองเท้าก้าวย่ำไปตามพื้นดิน

กลับทำให้เราไม่รู้จักหยุด ทำความรู้จักกับคำว่าเพียงพอ

คอยแต่ย่างก้าวไปหาดวงดาวใหม่อยู่เรื่อยๆ

แขนที่เคยวางราบให้อยู่นิ่งข้างตัว ยามเมื่อครั้งนอนดูดาว

กลับไขว่คว้า หวังจะเอื้อมไปให้ถึงดวงดาว

ความรู้สึกถึงการเป็นส่วนเสี้ยวเล็กๆของจักรวาล

แปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่จะครอบครองในสิ่งที่เกินไขว่คว้า

จนหลงลืมไปในที่สุดว่าตัวของเรานั้นเล็ก และไร้ตัวตนเพียงใด



ถึงตอนนี้คนคนนั้น คนที่เคยบอกให้เราลุกขึ้นมองดาว

หลบลี้หายหน้าไปอยู่ที่ไหน  ก็ยากที่จะล่วงรู้



แต่ที่แน่ๆ การแหงนหน้ามองดาวนานๆ

และการพยามยามเอื้อมมือไปไขว่คว้าให้ถึงดวงดาว

ก็น่าจะทำให้เขาต้องเมื่อยและเหนื่อยอยู่ไม่น้อย

สายตาที่คอยจับจ้องมองแต่ดวงดาว

ก็น่าจะทำให้สองเท้าที่ก้าวติดไปตามพื้นดิน

ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายเพียงลำพัง



เอาเป็นว่าถ้าใครได้พบเจอ หรืออยู่ใกล้ๆกับเขาคนนั้น

ลองหาโอกาสเข้าไปสะกิดบอกเขาดูสักหน่อยก็ได้ว่า



หากสองตาคู่นั้นยังคงอยากจะจับจ้องไปที่ดวงดาว

ก็คงจะพอทำได้เหมือนดั่งที่ผ่านมา

แต่จะมีความสุขมากกว่าไหม

ถ้าจะลองเอนกาย ยอมให้แผ่นหลังได้เป็นฝ่ายสัมผัสกับผืนโลก

แล้วนอนมองดาวอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ดูบ้าง

ไม่แน่ในคืนนี้ ในสักเสี้ยววินาทีหนึ่ง

เขาอาจจะมีโอกาสได้ทำความรู้จัก และซึมซับกับคำว่า“พอ”เสียที

จากคุณ : คนรักในวันหยุด
เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 22:18:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com