Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สัญญารัก พิงคนคร : บทที่ ๑  

+++ สวัสดีค่ะ หลังจากที่ลงบทนำไปแล้ว บทที่ ๑ ก็ตามมาติดๆ ความจริงตั้งใจว่าจะลงตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว แต่เนตที่ทำงานเน่าค่ะ พอดีออกมาทานข้าวข้างนอก เลยแวบมาอัพเสียเลย

การเปลี่ยนมาเขียนแนวปัจจุบันหน่อยๆ ของอินคราวนี้ อาจยังมีข้อบกพร่องอยู่ในหลายๆ จุด โดยเฉพาะเรื่องภาษา ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ และอินพร้อมรับคำติชมเต็มที่ค่ะ (อันนี้รู้ตัวดี และให้สัญญาว่าจะพัฒนาการเขียนฉากปัจจุบันให้ดีขึ้นค่ะ ^^V +++


บทที่ ๑


ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒


รถญี่ปุ่นสีบรอนซ์ทองแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถของศาลจังหวัดอย่างรวดเร็ว แทบว่าจะชนขอบกั้นอยู่รอมร่อ รปภ.ประจำศาลได้ยินเสียงล้อรถบดพื้นถนนแล้วก็ชะโงกหน้าออกมามองที่ประตู พอเห็นว่าเป็นรถของใครแล้วก็ผลุบกลับเข้าไปด้วยสีหน้าขันๆ ท่าทีนั้นบ่งบอกให้รู้ว่า รปภ.รู้จักเจ้าของรถเป็นอย่างดีทีเดียว และออกจะเคยชินกับภาพที่เห็นจนชินตาแทบทุกเช้าวันจันทร์และอังคาร ขนาดที่ว่า เช้าวันไหนไม่มีเสียงนี้ ลานจอดรถของศาลถึงขั้นเงียบเหงาไปถนัดทีเดียว

เสียงประตูรถปิดดังปัง พร้อมกับเสียงรีโมทสัญญาณกันขโมยปิดล็อครถ เจ้าของรถเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง วงหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าของเธอนั้นไม่ใช่คนสวยจัด แต่ก็น่ารักน่ามองอยู่ไม่น้อย ผมสีน้ำตาลยาวรวบเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อย มือข้างหนึ่งหอบเอกสารสำนวนคดีที่ศาลนัดปึกใหญ่ ส่วนอีกข้างหนึ่งถือกระเป๋าสะพายใบเล็ก และพาดเสื้อครุยเนติบัณฑิตไว้กับแขน ร่างบางเดินเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ทั้งที่วันนี้มุ่งตรงมาที่ศาล โดยไม่ได้แวะเข้าสำนักงานก่อนแท้ๆ ก็ยังสายอีกจนได้ วูบหนึ่งที่เธอคิดอยากถอดเจ้ารองเท้าคัทชูส้นสูงที่สวมอยู่ออก แล้วหิ้วมันไปแทน แต่ก็แค่คิดเท่านั้น ไม่กล้าทำจริงๆ หรอก ขืนทำเข้าสิ คนทั้งศาลเห็นจะมองเธอเป็นยายบ้าแน่ๆ ทุกวันนี้บอกใครไปก็แทบไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว ว่าอจิราภาคนนี้ คือคนคนเดียวกับทนายความสาวที่ลูกความเอ่ยกันปากต่อปากว่า ว่าความได้เก่งนัก และเถียงชนิดที่ผู้พิพากษาสิทธา 'ท่าน' ที่ทนายความและอัยการทุกคนรู้ดีว่าดุหนักหนา ยังต้องยอมแพ้

อจิราภาแทบไม่ได้มองทางเลย อาศัยความเคยชินเท่านั้นที่นำทางจนพ้นบันไดศาลขั้นสุดท้ายมาได้ หันไปยิ้มจืดๆ ให้คุณลุงรปภ.นิดหนึ่ง ก็รีบจ้ำตรงแน่วไปที่บันไดทางขึ้นชั้นสองทันที แต่เพราะความรีบร้อน ทำให้ร่างบางปะทะเข้ากับใครคนหนึ่งที่จงใจเดินเข้ามาขวางทางเข้าเต็มรัก

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยปากขอโทษโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ตั้งใจให้ชนสักนิด ซ้ำยังทำท่าจะไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดอีกด้วย วินาทีนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ต้องรีบไปห้องพิจารณาคดีให้ทันก่อนที่ท่านจะขึ้นบัลลังก์อีกแล้ว แต่คนถูกชนดูเหมือนจะไม่ยอมให้เรื่องจบลงแค่คำขอโทษ เพราะร่างนั้นยังขยับเข้ามาขวางทางเธอไม่ยอมหลบ จนอจิราภาชักเคืองเงยหน้าควับขึ้นมองคู่กรณีด้วยสีหน้าท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ เสียงใสตวัดห้วนอย่างไม่พอใจ

“เอ๊ะ! คุณนี่ ฉันขอโทษแล้ว จะเอายังไง...”

เสียงท้ายประโยคแผ่วลงเมื่อเห็นชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนหล่อเข้ม สวมชุดสูทสีดำผูกเนคไทสีเดียวกันยืนมองเธอยิ้มๆ อยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเป็นประกายพราวด้วยความขบขัน พลางเอ่ยล้อ

“จะเอายังไงดีล่ะคะ คุณทนายคนเก่ง สายอีกตามเคยนะเรา”

“โห พี่ภีมน่ะ ก็เพราะรู้ว่าสายไงคะ ภาถึงได้รีบอยู่นี่ แล้วพี่ยังจะมาแกล้งภาอีก”

สาวเจ้าบ่นหน้ามุ่ย แล้วทำท่าจะวิ่งขึ้นบันได แต่ภีษมะรั้งแขนเจ้าหล่อนเอาไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ เมื่อกี้พี่เดินไปดูที่ห้องพิจารณาแล้ว ตั้งแต่บัลลังก์ที่ ๑ ยันบัลลังก์ที่ ๕ ท่านยังไม่ลงเลยสักบัลลังก์ มิหนำซ้ำนะ ที่ห้อง ๒ ของน้องภาน่ะ คู่ความยังมาไม่ครบเลย ดูท่ากว่าจะเริ่มก็ ๑๐ โมงโน่นล่ะ”

ได้ยินคำบอกเล่าของอีกฝ่ายแล้ว อจิราภาก็ค่อยผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ พร้อมกับภีษมะ พลางถามต่อไปว่า

“แล้วลูกความของภาล่ะคะ เขามาหรือยัง”

“ใคร ลุงสีทนน่ะเหรอ”

“ค่ะ”

“เอ! ไม่เห็นนะ พี่เห็นแต่ฝ่ายจำเลยมาเท่านั้นเอง เดี๋ยวนะ นัดก่อนก็ไม่มาไม่ใช่เหรอคะ”

“สองนัดติดแล้วค่ะ ติดต่อก็ไม่ได้ สงสัยโดนท่านจำหน่ายคดีแน่เลย จะยื่นขอเลื่อนคดีอีกเป็นครั้งที่สามก็ยังไงอยู่ สงสารฝ่ายโน้นเขาด้วย”

“อ้าว! ไหงงั้นล่ะ เป็นทนายโจทก์มาสงสารจำเลยได้ไง” ภีษมะแกล้งทำเสียงดุ

“มีมาตราไหนห้ามไม่ให้ทนายโจทก์สงสารจำเลยหรือคะ คุณทนายภีษมะ ลองว่ามาให้ดิฉันได้เข้าใจกระจ่างแจ้งดุจแสงตะวันหน่อยเป็นไร เฮ้อ! จะว่ากันตามจริงแล้ว ฝ่ายเราเองก็ใช่จะดีเสียเมื่อไหร่”

ภีษมะมองทนายสาวรุ่นน้องอย่างพอเข้าใจความรู้สึก จริงอยู่ว่าโดยหน้าที่ทนายความนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับลูกความของตัวเองเป็นอันดับแรก ต่อให้ลูกความคนนั้นจะทำผิดมาเท่าไรก็ตามที ทนายจะต้องว่าความแก้ต่างและทำทุกวิถีทางให้ลูกความของตัวนั้นชนะคดีให้ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ ทำทั้งที่บางครั้งรู้อยู่แก่ใจว่าลูกความคนนั้นไม่น่าเห็นใจหรือน่าให้ความช่วยเหลือเลยจนนิดเดียว บางคดีสืบไปสืบมาแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเสียอีกที่ควรได้รับความเห็นใจ บางคดีลูกความก็ยียวนอย่างเหลือร้าย ไม่ยอมให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้ทนายต้องตามพยานหลักฐานเอาเอง เจอลูกความประเภทนี้เข้า คนเป็นทนายก็แทบอยากเข้าขย้ำคอ ไม่ก็อยากถอดเสื้อครุยเนติบัณฑิตออกทิ้งหน้าบัลลังก์ แล้วตะโกนให้ลั่นว่าขอถอนตัวจากคดีเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะหน้าที่ทนายความที่ค้ำคออยู่ ทำให้ต้องกดกลืนความรู้สึก ไม่สามารถแสดงออกอย่างที่ใจคิด เพราะพอดีพอร้ายทนายความเองนั่นล่ะที่จะถูกร้องไปที่สภาทนายความฐานทำผิดมรรยาททนายความ


“ทนเอาอีกนิดละกันน้องภา ช่วงนี้เก็บคดีไปก่อน พอสอบเนติผ่านหมดเมื่อไหร่ก็ไปสอบผู้ช่วยดีกว่า”

“คงอีกนานค่ะพี่ภีม ภาเริ่มทำใจแล้วล่ะ สอบมาตั้งสองสามปีแล้ว คะแนนก็แป้กอยู่ที่ ๔๘-๔๙ ตลอด ไม่ยักข้ามฝั่งนทีสีทันดรไปถึง ๕๐ ซักที ว่าแต่พี่ภีมเถอะค่ะ มาชวนภาคุยอย่างนี้ ไม่ไปว่าความเหรอคะ”

อจิราภาเพิ่งนึกได้ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพิจารณาคดี ภีษมะส่ายหน้าพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ

“โฮ้ย! ของพี่เสร็จแล้วค่ะ ห้องพี่ท่านลงมาไว แถมพี่สืบพยานแค่ปากเดียวเอง พี่เลยมารอน้องภาอยู่นี่ไงคะ กะว่าจะมาขออาศัยรถกลับสำนักงานซักหน่อย”

“ชิ! ไอ้เราก็นึกว่ามาดักรอทำไม ที่ไหนได้รถอีแก่ตายอีกแล้วล่ะสิ เปลี่ยนคันใหม่ได้แล้วค่ะพี่ภีม”

อจิราภาดักคอ ภีษมะยิ้มเจื่อนๆ พลางพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี หญิงสาวยิ้มขันๆ เมื่อนึกถึงเจ้ารถยุโรปบุโรทั่งสามวันดีสี่วันร้ายของภีษมะคันนั้น รถวอลโว่รุ่นเก่าคันยาวเท่าบ้านมรดกตกทอดจากคุณป๋าที่เจ้าตัวตั้งชื่อเสียเพราะพริ้งว่า 'แองเจลิน่า' ที่เขาใช้มันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนทำงานก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนคันใหม่ ชายหนุ่มทำหน้าอ้อนๆ แกมวิงวอนชวนน่าสงสารเมื่อเอ่ยปากขอ

“อย่าเลย พี่รักแองเจลิน่าของพี่ ถึงมันจะเป็นอีแก่ในสายตาน้องภาก็เถอะ ซ่อมเสียหน่อยก็ยังใช้ได้ นะคะ น้องภาคนดี พี่ขอติดรถไปด้วยนะ นะคะ”

“ภาก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ แต่พี่ภีมจะอาศัยรถภาเปล่าๆ ไม่ได้น้า ต้องจ่ายค่าโดยสารภาด้วย”

“โหดจัง” ชายหนุ่มแกล้งพ้อ

“โอเคค่ะ ภาโหด งั้นก็เชิญพี่ภีมถ่อสังขารหารถกลับสำนักงานคนเดียวละกันค่ะ ภาไปดีกว่า”

ร่างบางว่าแล้วก็จะเดินหนีเข้าห้องพิจารณาคดีไปเสียดื้อๆ ร้อนถึงชายหนุ่มต้องรีบรั้งแขนเอาไว้

“ค่ะๆ พี่ไม่ว่าแล้ว น้องภาจะเอาอะไรเป็นค่ารถ พี่ภีมยินดีหามาจ่ายตามใจน้องภาทู้กกกกอย่างเลย”

ภีษมะลากเสียงยาวจนอจิราภาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ถามกลับเพื่อยืนยันความแน่ใจ

“แน่นะคะ แพงนะ พี่ภีมจ่ายไหวเหรอ”

“แพงด้วยเหรอ ตายละวา วันนี้พี่มีตังค์ติดตัวแค่พันเดียวเอง เช็คค่าทนายขอแรงออกตั้งวันมะรืนแน่ะ”

“งั้นก็จบข่าวค่ะ คิดซะว่าเราไม่เคยพูดเรื่องนี้แล้วกันนะคะ”

“ใจร้าย” ทนายความหนุ่มบ่นอุบอิบ แต่พออีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาดุๆ ก็รีบฉีกยิ้มเอาใจ


***มีต่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 12:59:20

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 13:00:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com