 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
“พ่อค้าหรือ”
“ขอรับ” อาเมียร์ตอบคำถามทหารที่หน้าประตูเมืองหลวง ซึ่งไม่ปิดบังสีหน้าเหนื่อยหน่ายงานเลย
ทหารคนนั้นไม่ถามชื่อ ความสัมพันธ์ พื้นเพ หรือกระทั่งจุดหมายของชาย ‘สอง’ คนที่นั่งเกวียนมาด้วยกันเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มคิดกระทั่งเตรียมชื่อเมืองเล็กๆ ในอุลทูร์ซึ่งได้ยินจากพ่อค้าดาบไว้เป็นบ้านเกิดของทั้งสอง และพอจะจำคำบ่นของพ่อค้าถึงฤดูหนาวอันทารุณในเมืองเมื่อปีที่แล้วมาตอบได้หากถูกถามละเอียดกว่านั้น
“มีอาวุธไหม”
“ดาบกับมีดสั้นอย่างละสองเล่มขอรับ ข้ากับน้องชายพกไว้ป้องกันตัว” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับส่งดาบและมีดสั้นที่แขวนไว้ที่เข็มขัดตนให้ดู ทั้งสองอย่างเป็นของเก่ามือสองที่ราคาถูกพอสมควรและไม่สะดุดตานัก แต่พอใช้การได้
ทหารคนนั้นมองอาวุธของสองพ่อค้าหนุ่มอีกแวบก่อนจะส่งกลับ แล้วหันไปทางหลังเกวียนที่ยังไม่ได้ขึ้นโครงประทุนและคลุมผ้าบ้าง
“แล้วสินค้า?”
“ชาดานแซร์หกถังขอรับ นอกจากนั้นเป็นเสบียงและเครื่องนอนของพวกเรา”
คนฟังย่นจมูกทันที แต่ยังไม่วายตอบตามที่อาเมียร์คาดไว้
“ขอตรวจดูของหน่อย”
เด็กหนุ่มกระวีกระวาดขึ้นกระบะเกวียนไปเปิดถังใบแรกให้เขาดูปลาหมักที่เรียงอยู่จนเต็มถัง กลิ่นฉุนเฉียวโชยคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้นโดยเร็ว กระทั่งทหารที่ตรวจคนออกจากเมืองยกมือขึ้นป้องจมูก
พอเห็นสีหน้าทหารคนนั้นบอกความรังเกียจในกลิ่นได้ที่แล้ว อาเมียร์จึงปิดถังใบนั้น และเอื้อมมือจะไปเปิดอีกใบ
แต่แล้ว...เขาก็ชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบมาแต่ไกล และเห็นทหารคนหนึ่งบนหลังม้าควบมาจากถนนที่ตัดตรงผ่านตลาด เป็นเหตุให้ชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายซื้อของอยู่รีบหลบเข้าข้างทางกันจ้าละหวั่น
ธงเล็กที่ทหารบนหลังม้าชูโบกอยู่น่าจะเป็นธงแจ้งข่าวด่วน นั่นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มกังวลขึ้นมา แต่ทหารคนนั้นกลับไม่ใส่ใจคนแจ้งข่าวนัก
“พอแล้ว ใบเดียวก็พอ” เขาบอก “เรียบร้อย พวกเจ้าออกไปได้”
“ขอบคุณขอรับ” อาเมียร์ค้อมศีรษะรับก่อนจะลงจากกระบะเกวียนไปนั่งอยู่ด้านหน้ากับแอช แล้วกระตุ้นม้าให้เริ่มเดินออกไป
ดูเหมือนทหารผู้ถือธงแจ้งข่าวด่วนจะมาถึงในตอนนั้น
“ทางการมีคำสั่งให้ตรวจคนออกจากเมืองอย่างละเอียด เพื่อหาชายสองคน และหญิงอีกคนที่มีลักษณะตามนี้” อาเมียร์ได้ยินเขาพูดกับทหารคนก่อนหน้าแว่วๆ “อย่าเพิ่งปล่อยให้เกวียนเล่มนั้นผ่านไป”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ข้าตรวจเกวียนเล่มนั้นเรียบร้อยแล้ว มีแค่พ่อค้าชาดานแซร์สองคนพี่น้อง ไม่มีผู้หญิงมาด้วย ในถังพวกนั้นก็มีแต่ปลาหมักขอรับ”
เด็กหนุ่มค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทหารผู้แจ้งข่าวรับแค่ว่า “อย่างนั้นหรือ” เหมือนไม่ติดใจอะไร แล้วก็กำชับให้ตรวจคนเดินทางคนต่อไปอย่างเข้มงวดเพื่อหาคนสามคนนั้นให้ได้
“พวกนี้เป็นใคร อาชญากรสำคัญหรือขอรับ” ทหารคนเดิมถามไล่หลังมา
“ชายสองคนนั่นคือลูกเจ้ามณฑลชอร์ซาที่สั่งฆ่าพระคู่หมั้นของเจ้าหญิง กับคนทรายอีกคนที่ร่วมมือกับมัน ผู้หญิงเป็นใครไม่รู้แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เดี๋ยวคงมีประกาศจับออกมาติดทั่วเมืองแน่ๆ”
“อะไรกัน ไม่กี่วันก็หนีออกมาจากคุกหลวงได้หรือนี่ อย่าบอกนะว่าเจ้าคนทรายนั่นมีเวทมนตร์จริงๆ...”
อาเมียร์ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองเพียงเท่านั้น เพราะพวกเขาออกนอกประตูเมืองมาไกลพอจะเริ่มบังคับม้าให้วิ่งเหยาะๆ ได้แล้ว
แอชถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ข้างๆ เขา
“ข้านึกว่าจะแย่แล้วเสียอีก ยังดีที่ทหารที่ตรวจเราอยู่ก่อนไม่สงสัยอะไร” เด็กสาวพูดเบาๆ “กลิ่นชาดานแซร์นี่เยี่ยมจริงๆ เชื่อท่านเลย”
“ตอนร่วมทางกับขบวนพ่อค้า ข้าได้รู้ว่าในบรรดาสินค้าต่างๆ ชาดานแซร์เป็นของที่พวกทหารตามด่านผ่านแดน ‘เหม็นเบื่อ’ ที่สุดในเวลาตรวจ...นี่ข้าไม่ได้เล่นคำนะ”
คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ว่าแต่...ข้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปแล้วหรือนี่ แถมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ไม่รู้ตัวตนอีก คนสั่งให้ประกาศข่าวคิดอะไรอยู่นะ”
“อย่างน้อยมันก็ดีกว่าเปิดเผยให้ประชาชนรู้ว่าเจ้าหญิงของเขาไม่เพียงแต่ช่วยนักโทษหนี แต่ยังหนีไปกับนักโทษด้วยนั่นล่ะ” อาเมียร์เปรยเรียบๆ ก่อนจะรีบออกตัวเมื่อตระหนักได้ “ข้าไม่ได้ว่าที่ท่านทำเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ ต้องขอบคุณท่านต่างหากที่ช่วยข้าออกมา ถ้าไม่ได้ท่าน...ข้าคงจะยอมถูกประหารอยู่ในนั้นจริงๆ แน่”
“ท่านยังคิดว่าตนเองผิดอยู่อีกหรือ” เด็กสาวกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เด็กหนุ่มมองตรงไปยังทางด้านหน้าขณะค่อยๆ เรียบเรียงคำตอบ
“ข้าคิดว่า...การฆ่าคน...ไม่ว่าจะในกรณีไหนมีความผิดเสมอ จะให้คิดว่าตัวเองไม่มีความผิดคงไม่ได้”
“...ก็คงใช่” แอชรับ “แต่...แต่ท่านก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ ถึงจะต้องรับโทษ...ก็ต้องไม่ใช่โทษร้ายแรงที่สุดสิ แล้วถึงท่านจะมีเวทมนตร์ ข้าก็ยังเชื่อว่าท่านเป็นคนดี...อย่างน้อยก็ดีกว่าใครๆ อีกหลายคน”
“ไม่รู้สินะ” อาเมียร์เอ่ยลอยๆ “แต่ถ้า...เทพเจ้าหรือชะตากรรมเห็นว่าข้ามีความผิด ก็คงจะลงโทษข้าให้สมกับสิ่งที่ทำในสักวันนั่นล่ะ”
“อย่าคิดแบบนี้สิ!” เด็กสาวเอ็ดเบาๆ “คิดแบบนี้ก็เท่ากับว่า...เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรกับท่าน ท่านจะยอมรับมัน...คิดว่าตัวเองสมควรยอมรับความทุกข์นั้นเพราะท่านเคยทำบาปมาก่อนน่ะหรือ ข้าไม่ชอบความคิดแบบนี้เลย!”
“แอช...” เด็กหนุ่มตกใจกับน้ำเสียงที่ฟังขมขื่นของอีกฝ่ายจนได้แต่เรียกชื่อของเธอ แต่ไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านั้น
“เสด็จพ่อ...ถูกปลงพระชนม์เพราะส่งทหารไปกวาดล้างเผ่าอัสลาน ท่านคงทราบเรื่องนี้แล้ว” เขาเหลือบเห็นเด็กสาวก้มหน้าลง สองมือกำแน่นบนตัก “ท่านคงมองว่าการถูกชาวเผ่าที่เหลือรอดมาฆ่าตายอย่างทารุณเป็นผลกรรมที่เสด็จพ่อทรงทำไว้...ใช่ไหม แต่ข้ายอมรับไม่ได้ เสด็จพ่อทรงเป็นคนอ่อนโยน ไม่ใช่กษัตริย์ที่เลวร้าย ที่ต้องกวาดล้างพวกเผ่าอัสลานก็เพราะพวกนั้นทำความเดือดร้อนให้เราก่อน ข้าไม่มีวันยอมรับได้เด็ดขาดว่าพระองค์สมควรถูกฆ่าแบบนั้น แล้วเสด็จแม่กับเสด็จพี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยซ้ำ...”
อาเมียร์ได้แต่ฟังเงียบๆ เขาไม่กล้า...แล้วก็คงไม่มีวันบอกแอชได้หรอกว่าเหตุผลเบื้องหลังการกวาดล้างเผ่าอัสลานมีผลประโยชน์ทางการเมืองเกี่ยวข้องมากกว่าที่เธอได้รับคำบอกมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าสิ่งที่พระราชาอาร์กาดทรงกระทำเป็นความผิดมหันต์ ในเมื่อเสด็จพ่อเคยตรัสต่อเขาแท้ๆ ว่าหากต้องการเป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็ง ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำอันเลือดเย็นได้
นอกจากนี้ เด็กหนุ่มก็เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียพระราชบิดา...รวมทั้งพระญาติคนอื่นๆ ไปด้วยน้ำมือของคนจากชาติศัตรูดี
“ข้า...เสียใจด้วย” เด็กหนุ่มตัดสินใจพูด
เด็กสาวไม่ตอบอะไร เธอนิ่งเงียบไปนาน จนเขาลังเลว่าควรจะพูดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
แต่แล้วแอชก็พูดขึ้นอีกเสียเอง
“นี่ ถึงอย่างไร...เราก็ได้มาเดินทางด้วยกันอย่างไม่คาดฝันแล้ว น่าจะทำให้ช่วงเวลานี้สนุกที่สุด...ดีไหม ตอนเด็กๆ เสด็จพี่ไอลีชเคยตรัสกับข้าว่าถ้าโตแล้วจะปลอมพระองค์เป็นนักรบพเนจร เดินทางไปทั่วธีร์ดีเรเพื่อเรียนรู้ชีวิตประชาชน ข้าเคยขอไปด้วย แต่เสด็จพี่กลับตรัสว่า...เจ้าหญิงที่ไหนเขาออกพเนจรกัน มีแต่ต้องอยู่เฝ้าวังรอเจ้าชาย” เด็กสาวหัวเราะน้อยๆ แต่ก็เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงความเศร้า “ข้า...อยากให้เราสองคนเดินทางกันในบรรยากาศแบบนั้น เพราะฉะนั้น...เรามาพูดแต่เรื่องที่สนุกสนานกันดีกว่า ข้ารู้หรอกว่าหลังจากไปถึงยาร์ลาธแล้วคงมีเรื่องยุ่งยากมากมายรออยู่ แต่ตอนนี้...ขอแค่พูดถึงเรื่องที่มีความสุขกันในตอนนี้เถอะ...นะ”
“ได้สิ” อาเมียร์รับแล้วก็หันมา พยายามส่งยิ้มน้อยๆ ให้เธอ “เดี๋ยวเราจะหยุดพักรับประทานอาหารเช้ากัน อยากลองอาหารที่ทำจากชาดานแซร์ดูไหม”
“หือม์?” เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ
“ข้าคงไม่ซื้อมันมาตั้งหลายถังแค่เพื่อปลอมตัวออกจากเมืองหรอก แต่ใช้เป็นเสบียงอย่างดีด้วย ถึงมีกลิ่นอย่างนั้น แต่รสชาติมันก็ดีใช้ได้นะ...ถ้าลองแล้วชอบ”
“เอ...ลองดูก็ได้...มั้งนะ” แอชรับอย่างไม่สู้แน่ใจนัก
“ถ้าอย่างนั้นไปพักกันที่ร่มไม้ข้างหน้าเถอะ” เขาพยักพเยิดไปยังแนวต้นไม้ริมทางเบื้องหน้า
ความรู้สึกผิดในใจของเขาที่ทำให้เฟลิมต้องตาย...และฆ่าราชมัลเฒ่าไปไม่ว่าจะด้วยเหตุใดหรือวิธีใดก็ตามยังฝังลึกอยู่ ความกังวลต่อความปลอดภัยของครอบครัวก็ยังไม่อาจคลาย แอชคงรู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน แต่ถึงอย่างไร...เด็กหนุ่มก็เห็นจริงตามที่เธอพูด ท่ามกลางเรื่องเศร้าและเรื่องไม่ดีมากมายที่รุมล้อมอยู่ การพูดเล่นหรือทำสิ่งใดก็ตามที่น่ารื่นรมย์ในเวลาที่ไม่อาจจัดการเรื่องพวกนั้นได้...ก็ช่วยให้ไม่ต้องจมจ่อมกับความรู้สึกด้านลบจนเกินไปไม่ใช่หรือ เวลาที่มีปัญหาหรืออุปสรรคใหญ่หลวงอะไร แม่ยังคอยพูดให้กำลังใจ ‘พ่อ’ และช่วยให้ทุกๆ คนในบ้านรู้สึกเหมือนไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นได้เลย โดยเฉพาะกับน้องๆ
ตอนนี้แม่ก็คงทำหน้าที่นี้อยู่ และถ้าเป็นไปได้...เขาก็อยากให้แอชได้มีเวลายิ้มและหัวเราะ ชดเชยกับที่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองหรือไม่สบายใจก่อนหน้านี้ และตอบแทนที่เธออุตส่าห์เชื่อใจและช่วยเหลือเขาถึงเพียงนี้
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ชดเชยหรือตอบแทน...ถึงเขาจะไม่เคยทำเรื่องไม่ดีให้กับเธอ หรือเธอจะไม่ทุ่มเทช่วยเหลือเขาอย่างนี้ เขาก็รู้สึกขึ้นมาว่าตนเองยังอยากเห็นแอชยิ้มและหัวเราะเหมือนที่เคยเห็นในวันลูคนาซัธ...ในวันที่เธอดูมีความสุขจริงๆ
แต่เดี๋ยวก่อน...
อาเมียร์ชะงักไปครู่หนึ่ง จนได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมทาง
“อาเมียร์ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“อ...เอ่อ...ไม่มีอะไร” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ชะลอม้า
เป็นไปไม่ได้หรอก เขาหรือจะรู้สึกแบบนั้น...กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แท้ๆ
...นั่นเป็นแค่เรื่องที่เผลอคิดไปครู่เดียวเท่านั้น...
* * * * *
คุยกับคนเขียน
ชาดานแซร์ ได้ต้นแบบจาก Surstromming ที่เป็นปลาเฮอร์ริ่งหมักของสวีเดนครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Surstr%C3%B6mming
ส่วนชื่อ ชาดาน (scadan) เป็นภาษาไอริชแปลว่าปลาเฮอร์ริ่ง แซร์ (searbh) แปลว่าเปรี้ยว เสียงอ่านเทียบจากในเว็บ พอให้อ่านได้ง่ายหน่อย...มั้ง? ^^a
ปล. ภาคแรกฉบับรีไรท์ ลงในเว็บเด็กดีจนจบแล้ว หลักๆ ที่เปลี่ยนไปมีตามนี้ เผื่อตามอ่านครับ
- เพิ่มบทนำ - เปลี่ยนเหตุการณ์บางช่วงในตอนที่ 8 (ลูกศิษย์ใหม่ - แอชพบอาเมียร์ครั้งแรก), 12 (กำเนิด), 13 (เคว้งคว้าง), 14 (เรื่องของหัวใจ), 16 (ผู้ควรเป็นราชัน - เพิ่มฉากพ่อลูกคุยกัน), 22 (เสร็จสิ้นพิธีสยุมพร - ฉากอาเมียร์พบแอชอีกครั้ง) - ปรับช่วงการทดสอบรอบสองให้กระชับขึ้น
ตอนเก่า
บทนำ - บทที่ 1 (ครึ่งแรก) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9280262/W9280262.html บทที่ 1 (ครึ่งหลัง) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9290547/W9290547.html
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ค. 53 22:20:19
|
|
|
|
 |