Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงคราม บัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 2 - พ่อค้าชาดานแซร์  

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

* * * * *

ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ Mnemosyne - งั้นลงเต็มตอนนะครับ แต่ถ้าตอนที่ยาวกว่า 10 หน้า อาจจะแบ่งครึ่งให้ไม่ยาวเกินบ้างครับ :)

คุณ scottie - แหะๆ หวังว่าเรื่องต่อจะฟื้นความจำได้นะครับ ^^a

อันเนื่องจากเดือนนี้ตัวเองแจกกิฟท์ดุเดือดไปหน่อย เลยหมดพอดี แล้วจะให้กิฟท์แทนน้ำใจคราวหน้านะครับ m[_ _]m

* * * * *

บทที่ ๓๒
พ่อค้าชาดานแซร์


เสื้อผ้าผู้ชายที่อาเมียร์ซื้อมาให้แอชลีนน์ตัวค่อนข้างหลวม และเนื้อผ้าหยาบกว่าที่เธอเคยสวม แต่ก็ไม่นับว่าเลวร้ายอะไร เด็กหนุ่มยังรอบคอบถึงขนาดหาแถบผ้าพันแผลม้วนยาวมาให้เธอพันอก และแถมเชือกเส้นเล็กๆ มาให้ผูกผมเพื่อให้สวมช้องผมได้สะดวกๆ ด้วย

คนนำเสื้อผ้ามาให้กลับมาเคาะประตูถามว่าเธอแต่งตัวเรียบร้อยหรือยังเมื่อเหลือแต่ช้องผมที่ยังไม่ได้แต่ง เธอจึงบอกให้เขาเข้ามาได้ตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ให้เขาช่วยสวมช้องผมและดูความเรียบร้อยให้

ดูเหมือนชาลัวห์เองก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าคล้ายๆ กัน เพียงแต่ไม่มีช้องผม ไรหนวดหร็อมแหร็มของเขายังคงอยู่ แต่เส้นผมสีทองที่เคยหยักศกยาวเลยคางลงมาแต่ยังไม่ถึงบ่าถูกกล้อนเสียสั้นกุด

แต่จะว่าไป ตัดผมอย่างนี้เห็นจะดีกว่าปล่อยให้ผมยาวแล้วเป็นสังกะตังต่อไป ผมของชาลัวห์ที่ไม่ได้สระมานานพอๆ กับอาเมียร์นั้นไม่มีเค้าของผมหยักศกที่ดูเป็นประกายมีน้ำหนัก มองออกว่าจัดแต่งทรงอย่างดีแม้จะเห็นแต่ไกล ก่อนหน้ายังไม่ถูกจับเข้าคุกกรงน้ำเลย

“เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้วไปที่รถม้ากัน ข้าเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้ว” อาเมียร์บอก “เราคงต้องหยุดพักกินอาหารเช้าหลังออกนอกประตูเมือง ไม่ก็กินกันตอนนั่งรถม้า”

เด็กหนุ่มคุมตัวชาลัวห์ออกไปจากโกดัง โดยมีแอชลีนน์เดินตาม ไม่นานก็ถึงรถม้าที่จอดหลบไว้ในร่มเงาอาคารใกล้สุสานเรือ

เธอเห็นม้าสีเทาตัวหนึ่ง ไม่ใช่ม้าพันธุ์ที่ดูสูงใหญ่ ปราดเปรียว สง่างามเหมือนม้าสำหรับคนชั้นสูงใช้ขี่เล่น ล่าสัตว์ หรือพวกทหารใช้รบ แต่เป็นม้ารูปร่างเตี้ยล่ำ ลำตัวตัน ขาอวบ ซึ่งเป็นม้าที่มักใช้สำหรับงานขนส่งหรือทำไร่มากกว่า มันถูกเทียมรถม้า...หรือที่ถูกควรจะเป็นเกวียนประทุนที่ยังไม่ได้คลุมผ้าใบ บนเกวียนมีกระสอบเล็กๆ สองสามใบวางพิงอยู่พร้อมกับถังไม้ใบค่อนข้างใหญ่อีกหกใบ

รอบๆ เกวียนดูเหมือนจะมีกลิ่นแปลกประหลาดบางอย่าง กลิ่นนั้นทำให้แอชลีนน์ย่นจมูกและตั้งคำถาม

“ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ไหม”

อาเมียร์ดึงแขนชาลัวห์ที่ยังถูกบิดไพล่หลังอยู่ไปใกล้พานท้ายเกวียน แล้วก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบพานท้ายไว้ก่อนจะยืดตัวไปเปิดฝาถังไม้ใบหนึ่ง

“คงเป็นกลิ่นเจ้านี่”

กลิ่นนั้นยิ่งโชยแรงกว่าเดิมจนเด็กสาวผงะ กระนั้นเธอก็ยกมือขึ้นปิดจมูกไว้ก่อนจะเข้าไปดูใกล้ๆ

ที่อยู่ในถังนั้นไม่ใช่...สิ่งปฏิกูลหรืออะไรจำพวกนั้นที่เธอคิดไว้ในทีแรก แต่เป็นปลาตัวยาวราวฝ่ามือที่ถูกตัดหัว วางเรียงแช่น้ำสีน้ำตาลขุ่นจนแทบถึงปากถัง

“ปลาอะไรเหม็นจัง” แอชลีนน์พูดอู้อี้ “ไม่ใช่ว่าบูดแล้วหรือ”

“ชาดานแซร์มีกลิ่นอย่างนี้เป็นธรรมดา” อาเมียร์รับรอง

ชาดานแซร์เป็นชื่อที่เด็กสาวพบว่าคุ้นติดหู แต่ก็ไม่เคยสัมผัสของจริง ปลาชาดานเป็นปลาทะเลขนาดไม่ใหญ่นัก มีทั่วไปในน่านน้ำธีร์ดีเร แน่นอนว่ามีมากในแถบเมืองหลวงซึ่งเป็นอ่าว ส่วนแซร์หมายถึงเปรี้ยว...แต่ก็พ้องเสียงกับคำว่าโกรธหรือฉุนเฉียวด้วย

เธอเชื่อว่าชาดานแซร์หมายถึงปลาชาดานเปรี้ยว เพราะนี่เป็นชื่อเรียกปลาชาดานหมัก ทว่าพอได้กลิ่นใกล้ๆ อย่างนี้ก็ชักไม่แน่ใจว่าที่จริงคนตั้งชื่อต้องการสื่อความหมายหลังหรือเปล่า

“แล้วซื้อปลาหมักมาทำไม”

“เมืองหลวงเป็นเมืองประมง สินค้าที่น่าจะออกไปตามเมืองที่ไม่ได้ติดทะเลน่าจะเป็นปลา แต่ปลาสดจะเสียง่ายเวลาเดินทางไกลๆ เขาเลยนิยมถนอมโดยการตากแดดหรือดองน้ำเกลือ”

“แต่...ทำไมดองน้ำเกลือกลิ่นยังแย่ขนาดนี้” แอชลีนน์ถามต่อ “ของดองอย่างอื่นที่ข้ารู้จักไม่ยักเป็นเลย”

“ก็เพราะชาดานแซร์เป็นของที่ชาวบ้านที่ไม่ได้อยู่ริมทะเลทั่วไปกินกันมากกว่า ต้นทุนมันต่ำเพราะใช้ปลาท้องถิ่นที่หาง่าย และเกลือปริมาณน้อยกว่าการถนอมอาหารอย่างอื่น แค่พอไม่ให้ปลาเน่า แต่มันจะเปลี่ยนสภาพจนมีรสเปรี้ยวและกลิ่นแรงอย่างนี้”

เด็กสาวฟังคนซื้อปลาหมักถังเบ้อเริ่มอธิบายด้วยความทึ่ง

“อาเมียร์รู้ดีจัง เพิ่งเข้าธีร์ดีเรแค่ปีเดียว ยังรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าข้าเยอะเลย”

“ก็...บ้านข้าแค่เคยเดินทางไปกับพวกพ่อค้าบ้าง” เด็กหนุ่มออกตัว ก่อนจะตัดบท “เอาเป็นว่าพวกเราเป็นพ่อค้าขายชาดานแซร์สองพี่น้อง พื้นเพมาจากอุลทูร์และกำลังจะไปอุลทูร์ก็แล้วกัน”

“แล้ว...หมอนี่ล่ะ” แอชลีนน์บุ้ยใบ้ไปทางชายหนุ่มที่ยังถูกเขาดึงแขนอยู่

“อ๋อ” อาเมียร์ก้าวขึ้นไปบนเกวียนก่อนจะกระตุกแขนของเขาเบาๆ “ขึ้นมา”

ชาลัวห์ทำตามโดยไม่พูดอะไร และเด็กหนุ่มก็เคาะฝาถังอีกใบ

“เดี๋ยวมันจะไปกับเราในนี้”

“ย...อย่าเอาข้าไปแช่ปลาพวกนี้นะ” ชายหนุ่มกลับอุทธรณ์ “มือข้าได้เน่าแน่ๆ”

“ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่เอาไปทำเรื่องชั่วๆ อีก” เด็กหนุ่มย้อนจนคนฟังคนหนึ่งสะดุ้งเฮือก ส่วนอีกคนตกใจพอดูแม้จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร

“ล้อเล่นน่ะ” อาเมียร์พูดต่อพร้อมกับเปิดฝาถังอีกใบที่อยู่ลึกกว่าสองใบแรก “ถังของเจ้าน่ะใบนี้ ไม่เคยได้ยินหรือ...ปลาเน่าตัวเดียวทำเอาเหม็นไปทั้งถัง ข้ายังไม่อยากให้ชาดานแซร์ดีๆ มันเสีย ถึงจะเป็นแค่ปลาเล็กปลาน้อย พวกมันก็ยังมีประโยชน์เลี้ยงปากท้องคนได้ผิดปลาเน่า”

แอชลีนน์รู้ว่าการพูดกระทบกระเทียบคนอื่นอย่างนี้เป็นเรื่องไม่ดี แต่เธอก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าคนอย่างชาลัวห์สมควรโดนใครพูดแบบนี้ต่อหน้าสักครั้ง

เด็กหนุ่มสั่งให้ชายหนุ่มลงไปนั่งในถังใบนั้นก่อนจะขยุ้มผ้าผืนหนึ่งล้วงลงไป เขาขอมีดสั้นที่มีตราประจำราชวงศ์ของเธอไปใส่ไว้ในถังด้วย และแอชลีนน์ก็มอบไปแต่โดยดี...แม้จะไม่อยากให้มันเดินทางไปในถังใบเดียวกับคนอย่างชาลัวห์นัก

แล้วอาเมียร์ก็ปิดฝาถังลง

“ทีนี้ก็เรียบร้อย ไปนั่งกันเถอะ” เด็กหนุ่มลงจากที่หลังเกวียนก่อนจะพยักพเยิดไปทางม้านั่งยาวตรงหน้าเกวียน

“เดี๋ยวก่อน” แอชลีนน์กลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“ทำไมหรือ”

“แล้วชื่อล่ะ”

“ชื่อ?”

“ก็...ชื่อที่จะใช้ปลอมตัวอย่างไรล่ะ” เด็กสาวขยายความ

“ทหารของด่านเมืองชั้นนอกไม่ถามชื่อคนเข้าออกไม่ใช่หรือ” อาเมียร์แย้ง

“ก็ใช่ แต่...ระหว่างเดินทางเราจะไม่ต้องบอกชื่อกับใครเลยหรือ” แอชลีนน์ให้เหตุผล “เผื่อ...ถ้ามีใครถามชื่อขึ้นมา เราทั้งคู่เกิดอึกอักไปจนมีพิรุธจะเป็นอย่างไร”

คนฟังพยักหน้ารับ

“ก็จริง แต่ข้าคิดว่าถ้าออกจากด่านแล้วจะเดินทางไปตามถนนเรื่อยๆ จนเข้ายาร์ลาธ ไม่แวะพักที่ไหนเลย เสบียงเราก็มีเหลือเฟือสำหรับเดินทางรวดเดียวถึงแล้ว”

“เผื่อไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่” เด็กสาวยังยืนกรานความคิดเดิม “ข้าจะใช้ชื่อแอชเหมือนเดิมนั่นล่ะ แต่ท่านคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อของธีร์ดีเร”

“อือม์...” อาเมียร์คิด “ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้จักชื่อคนธีร์ดีเรมากด้วยสิ ท่านนึกชื่ออะไรออกไหม”

แอชลีนน์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองต้องแสดงตัวเป็นพี่น้องกัน อาเมียร์เป็นพี่ชายของเธอ เพราะฉะนั้น...

“ชื่อ...ไอลีชล่ะ”

เด็กหนุ่มกลับมีสีหน้าไม่เห็นด้วย

“นั่นชื่อ...พระเชษฐาของท่านไม่ใช่หรือ”

“แล้วทำไมหรือ”

“คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าใช้ชื่อไอลีช ข้าว่ามันสะดุดตาเกินไป”

“...นั่นสิ” เด็กสาวจำใจรับ “ถ้าอย่างนั้นท่านนึกชื่ออื่นออกไหม”

“อือม์...เกล็นล่ะ”

“เกล็นก็...ฟังดูธรรมดาดี ว่าแต่นี่ชื่อใครหรือ”

“เพื่อนสนิทข้าที่กลาสเดล”

“...สามีของลีชาที่ถูกฆ่าตายหรือเปล่า”

“...ใช่”

ทั้งสองเงียบกันไปครู่หนึ่ง ก่อนแอชลีนน์จะพูดขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นข้าว่าอย่าเลย เอาชื่อคนตายมาตั้งมันรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างไรก็ไม่รู้” เด็กสาวย่นคิ้วขณะให้เหตุผล แล้วก็เพิ่งระลึกได้ว่าชื่อของเสด็จพี่ที่เธอเสนอให้ก็เป็นชื่อคนตายเหมือนกัน

เธอเลยพยายามนึกชื่อที่ใกล้เคียงกับทั้งอาเมียร์และแอชซึ่งฟังดูพื้นๆ บ้าง

อาเมียร์...อาเมอร์...เอลม์...

“เอลม์ล่ะ” เด็กสาวรีบเสนอ

“เอลม์...ออกเสียงยากนะ” อาเมียร์ติง

“ไม่ยากสำหรับข้า แล้วท่านก็ไม่ต้องพูดชื่อตัวเองบ่อยๆ ข้าต่างหากที่ต้องเรียกท่าน เอาชื่อนี้ล่ะ” เธอสรุป “ตกลงนะพี่เอลม์ ชื่อเราเข้ากันพอดีด้วย ก็ต้นเอลม์กับต้นแอชอย่างไรล่ะ”

“เอ้อ...ก็ได้” เด็กหนุ่มรับก่อนจะเร่งอีกครั้ง “รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวข่าวมาแล้วประตูเมืองจะปิดเสียก่อน”

“อื้อ” แอชลีนน์รีบขึ้นไปนั่งบนม้านั่งหน้าเกวียนโดยเร็ว แล้วก็ถามอาเมียร์ที่ขึ้นมานั่งตาม จับบังเหียนให้อยู่มือก่อนจะบังคับม้าให้เดินไป “ว่าแต่...เจ้านั่นต้องมีชื่อไหม”

“เจ้านั่น?”

“ชาลัวห์นั่นล่ะ ข้าขี้เกียจเรียกชื่อจริงๆ เขา”

“อือม์...รูอาร์คเคยเรียกเขาว่ากะหลั่ว”

เด็กสาวหัวเราะคิก กระนั้นก็ไม่วายโคลงศีรษะ

“แต่กะหลั่วเป็นชื่อคนไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ ชา...ดาน”

“ชาดาน? ชื่อปลานี่นะ?”

“ไม่เติมเป็นชาดานแซร์ก็ดีแล้ว”

เด็กสาวต้องอมยิ้มกลั้นหัวเราะในครั้งนี้ เพราะทั้งสองเข้ามาถึงบริเวณตลาดพอดี เธอเห็นพ่อค้าแม่ค้าขายผักและเนื้อตามแผงไม้อย่างคับคั่ง และได้กลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ โชยมา หอมเนยสดจนท้องที่ยังไม่ได้รับอาหารเช้าทำท่าจะอุทธรณ์ทันควัน

แต่ถ้าขอหยุดซื้อก็คงจะเสียเวลามากไปอีก ทนไปอีกสักพักเถอะนะ ก็รับรองกับเขาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่สร้างปัญหาให้เขา

แล้วหลังจากนี้...หลังจากที่เขาไปอยู่ในที่ปลอดภัย เธอก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับธีร์ดีเรอีกเช่นกัน ตามที่สัญญากับตนเองไว้แล้วว่าจะอุทิศทั้งชีวิตชดเชยให้กับอาณาจักรอย่างเต็มที่...

...ขอแค่หลังจากนี้เท่านั้น...

* * * * *

แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 00:02:23

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 22:16:00

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 22:15:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com