ความคิดเห็นที่ 1 |
Chapter 17+18
“สรุปว่าคุณคาเรนไปกับท่านรัฐมนตรีป้องกันความปลอดภัยแห่งชาติ ว่างั้นเถอะ”
มอเฟียชกล่าวกับริชาร์ดด้วยสีหน้าหนักใจเล็กน้อย เขาเองที่เพิ่งกลับจากวอชิงตันดีซีได้ไม่นานนักก็ได้รับมอบหมายให้สอบถามคาเรนเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นจากทางผู้ใหญใน FBI หากแต่ดูท่าเขาอาจจะไม่ต้องถามมากเสียแล้ว ด้วยการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันความปลอดภัยแห่งชาติจะมาเรียกตัวคาเรนด้วยตนเองเช่นนี้ นั่นย่อมหมายความว่าทางเบื้องบนคงจะลงมาจัดการเองแน่นอน แม้ดูเหมือนว่าจะถูกก้าวก่ายการทำงานมอเฟียชไม่ได้บ่นสิ่งใดให้ริชาร์ดได้ยินด้วยเพราะเขาคิดว่ากรณีเช่นนี้สามารถโยนให้เป็นความรับผิดชอบของทางเบื้องบนไปได้
ใจของมอเฟียช ณ เวลานี้ออกจะสงสัยในตัวคาเรนพอสมควร ด้วยเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ซึ่งได้ปฏิบัติงานและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงขนาดไม่ต้องเขียนรายงานส่งแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าคาเรนนั้นต้องมีเส้นใหญ่มากทีเดียว หรือไม่ก็ได้รับคำสั่งตรงในการปฏิบัติงานจากใครอีกที แต่กระนั้นความสงสัยของเขาไม่ได้ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ เพราะอย่างไรเสียเธอยังทำงานได้ตามเป้าที่พวกเขาต้องการ ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นเป็นผู้ที่เหมาะสมในการต่อกรกับเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้
เขาเหลือบมองริชาร์ดที่ยังคงยืนนิ่งตรงหน้าเขาเพื่อรอว่าเขามีสิ่งใดจะสอบถามอีกรึไม่ ดูท่าทางริชาร์ดจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างพอสมควรแต่ก็ปกปิดไว้ จะด้วยเพราะสาเหตุอันใดก็แล้วมันอาจจะส่งผลเสียต่อตัวริชาร์ดเองในอนาคต แต่เขาไม่ได้คิดจะเค้นอะไรจากริชาร์ด เพราะเป้าหมายของเบื้องบนเล็งมาที่คาเรนเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง
สำหรับริชาร์ดนั้นบรรยากาศในห้องที่ดูอึมครึมมันออกจะทำให้เขาเกร็งพอสมควร ยิ่งตัวเขาที่รู้ความลับของคาเรนยิ่งต้องพยายามไม่ให้มีพิรุธจนโดนมอเฟียชสอบเอาได้ จริง ๆ แล้วเขาจะบอกไปก็ได้บางทีถ้าทุกคนในหน่วยรู้การทำงานอาจจะดีมากกว่าเวลานี้ก็ได้ แต่เขาก็กลัวว่าผลตอบรับจะไม่เป็นแบบที่เขาคิด มันอาจจะกลายเป็นเหมือนภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หลาย ๆ เรื่องที่ตัวละครเอกซึ่งมีพลังพิเศษกลายเป็นเป้าถูกล่าโดยองค์กรที่ตนเองเคยทำงานอยู่ แต่ชีวิตจริงอาจจะน่ากลัวกว่าในภาพยนตร์ก็เป็นได้
บรรยากาศอันอึมครึมนั้นดำเนินไปอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่ง
“สวัสดีค่าทุกคน~”
เสียงอันสดใสของคาเรนดังออกมาจากข้างนอก น้ำเสียงเช่นนี้ช่างบ่งบอกเหลือเกินว่าเธอกำลังสบายอกสบายใจขนาดใหน และที่ด้านนอกนั้นดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจการมาถึงของคาเรนอย่างมาก ด้วยวีรกรรมของเธอที่จัดการเจ้า D-1 ดูจะเป็นหัวข้อสนทนาของ FBI ทั้งหน่วยงานเลยก็ว่าได้ คนในสำนักงานจึงสนใจที่จะเข้าไปไถ่ถามคาเรนอย่างมาก
“คุณริชาร์ด ช่วยตามคุณคาเรนมาหาผมที”
“ครับ!” ริชาร์ดตอบด้วยเสียงอันหนักแน่น ในใจเขารู้สึกเหมือนกำลังจะได้พ้นจากห้องทรมาน แต่คนที่จะต้องเข้ามาในห้องทรมานต่อคือคาเรน เขาเดินออกจากห้องไปแล้วถอนหายใจที่หน้าห้องเล็กน้อย ก่อนที่จะมองภาพของคนในสำนักงานที่กำลังฟังคาเรนยืนโม้อย่างเมามัน ดูท่าทางเธอไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยว่าใครจะมาคุ้ยหาความจริงกับเธอ สิ่งที่เธอโม้ออกไปก้คือเธอใช้ระเบิดที่พกไปจัดการเจ้า D-1 แต่ริชาร์ดรู้ดีว่าของแบบนั้นทำอะไรมันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะก่อนที่คาเรนจะเข้ามายิงกับ D-1 มันโดนระเบิดจำนวนมากพอจะถล่มสาขา FBI ที่นิวยอร์คให้เป็นจุลได้เลยทีเดียว ทว่ามันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เรื่องแบบนี้คงหลอกลินดาที่ไปด้วยกันกับพวกเขาไม่ได้แน่
“โห...มีระเบิดแบบนั้นด้วยรึคะเนี่ย แบบนั้นกับเจ้า D-2 ต้องใช้แบบนั้นอีกรึเปล่านะ” ลินดาดูจะคล้อยตามคาเรนไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนริชาร์ดที่เห็นท่าทางของลินดาได้แต่กุมขมับ อย่างว่าลินดานั้นไม่ใช่ตำรวจหรือ FBI ภาคสนาม เธออยู่แต่ในห้องแล็บทำให้ความรู้เรื่องด้านอาวุธชนิดต่าง ๆ คงไม่ได้มีมากนัก แต่ปัญหาคือเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ดูจะเชื่อคาเรนไปหมดนี่สิ
“อ้ะ คุณริชาร์ด” คาเรนที่หันมาพบริชาร์ดยืนกุมขมับอยู่เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ริชาร์นั้นยกนิ้วโป้งแล้วแกว่งมือของเขาไปทางห้องของมอเฟียชด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ซึ่งคาเรนนั้นพอจะเข้าใจภาษากายของ ริชาร์ด เธอจึงเดินไปทางห้องของมอเฟียชในทันที
“ผมว่าบรรยากาศดูเครียด ๆ นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หัวหน้าสกินเนอร์ในซีรี่ส์ก็เครียดอย่างนี้ทุกที” คาเรนกล่าวแบบติดตลก ท่าทางของเธอไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใดเลยจริง ๆ จนริชาร์ดถอนหายใจให้กับทีท่าของคาเรน ภาพพจน์ของเธอนั้นดูจะเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตอย่างมาก ขัดกับอดีตของเธอที่ดูจะมีแต่เรื่องเศร้า ๆ
คาเรนยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วจึงเปิดประตูเข้าห้องมอเฟียชไป “เจ้าหน้าที่คาเรน คราวเรนรายงานตัวเจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะ…” มาเฟียชทวนคำทิ้งท้ายที่ดูจะทะเล้น ๆ ของคาเรน เขายิ้มที่มุมปากด้วยความรู้สึกขบขัน แต่ไม่กล้าแสดงออกมามากเกินไปด้วยเพราะอยู่ ๆ หัวหน้าหน่วยงานจะมาหัวเราะสนุกสนานในขณะที่กำลังจะคุยเรื่องงานเช่นนี้มันดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนักในความคิดของเขา
“หัวหน้าสกินเนอร์มีอะไรรึคะ?” คาเรนเป็นฝ่ายยิงคำถามไปแบบกวน ๆ ก่อนที่มอเฟียชจะเปนฝ่ายเอ่ยถาม ท่าทางของเธอดูจะสงสัยอย่างยิ่งว่ามอเฟียชต้องการทราบเรื่องอะไร ทั้งที่เธอนั้นน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าเขาต้องการทราบเรื่องอะไร ทีท่าเช่นนี้ออกจะเหมือนคนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ว่าได้
“ผมว่าคำถามที่ผมจะถามคงคล้าย ๆ กับคำถามของท่านรัฐมนตรีเชอร์ทอฟนั่นล่ะครับ คุณคาเรนจะสามารถตอบคำถามพวกนั้นอีกสักรอบได้รึเปล่าล่ะครับ” มอเฟียชกล่าวด้วยทีท่าที่ดูจะสบาย ๆ ไม่ได้เคร่งเครียดเช่นที่ริชาร์ดเตือนคาเรนแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้คาเรนคิดอย่างหนักพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยอาของเธอนั้นไม่ได้ถามอะไรมากนัก มีแต่เธอที่จ้อไม่หยุดเสียมากกว่า เธอจึงถามย้ำมอเฟียชออกไป
“จะให้ดิฉันตอบอีกครั้งจริง ๆ เหรอคะ”
“ครับ ผมอยากทราบ” มอเฟียชกล่าวพลางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจต่อการถามย้ำของคาเรน
“เช่นนั้นเรื่องแรก...ดิฉันไม่ได้คบกับริชาร์ดนะคะ” คาเรนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างมาก
“...” มอเฟียชที่ฟังคำตอบของคาเรนดูจะอึ้งอย่างมาก ด้วยไม่คิดว่านั้นจะเป้นคำตอบที่ดูเป็นเรื่องเป็นราวเกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด
“อย่างที่สอง...ดิฉันขอสเต็กเป็นของทานระหว่างคุยค่ะ”
“ผมว่าเอาคำถามคำตอบที่ดูเป็นสาระกว่านี้ก็จะดีมากเลยนะครับคุณคาเรน” มอเฟียชที่ทำหน้าหนักใจต่อสิ่งที่คาเรนกล่าว เอ่ยออกไปด้วยใจเขาอยากจะได้อะไรที่ดูเป็นสาระจริง ๆ
คาเรนยืนนิ่งมองหน้ามอเฟียชพลางกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่จะบอกมอเฟียชออกไป “ก็...คุณอา เออ...ท่านรัฐมนตรีเชอร์ทอฟเขาไม่ได้ถามอะไรที่เป็นสาระสักเท่าไหร่เลยนะคะ ส่วนมากก็เรื่องส่วนตัวดิฉันตามประสาอาหลานทั้งนั้นล่ะค่ะ”
“หืม...คุณกับท่านรัฐมนตรีเป็นญาติกันงั้นรึ” สิ่งที่คาเรนอธิบายมานั้นทำให้มอเฟียชต้องถามออกไปอย่างประหลาดใจ ด้วยเขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าคาเรนนั้นจะมีญาติเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้
“ค่ะ..” คาเรนตอบรับเรียบ ๆ พลางกระพริบตาปริบ ๆ อีกครั้ง
มอเฟียชนิ่งเงียบไป เวลานี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคาเรนถึงได้อยู่ในระบบราชการได้ทั้งที่ปฏิบัติงานแหกฎอยู่เป็นนิจ และในครั้งนี้ก็ไม่ต้องได้รับการสอบสวนแต่อย่างใด เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยให้กับตนเองที่พลาดในเรื่องข้อมูลด้านประวัติของบุคลากรในหน่วยงานเช่นนี้ ดีที่คาเรนนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อหน่วยงาน และหน่วยงานของเขาไม่ได้ไปไล่ล่าพวกผู้ค้ายาหรือค้าอาวุธ ไม่เช่นนั้นการที่ผิดพลาดในเรื่องการรับบุคลากรมาอยู่ในหน่วยงานอาจจะนำมาซึ่งความล้มเหลวในการปฏิบัติงานก็เป็นได้
“หัวหน้าสกินเนอร์อย่าเพิ่งเครียดสิคะ” คาเรนที่กระพริบตาปริบ ๆ เรียกมอเฟียชที่ดูจะนิ่งเงียบไปนาน ด้วยเธอเกรงว่าความสัมพันธ์ของเธอกับรัฐมนตรีเชอร์ทอฟอาจจะทำให้มอเฟียชลำบากใจในการทำงาน ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลอดมาเธอจึงไม่บอกใครว่าเป็นญาติกับรัฐมนตรี แต่กระนั้นก็มักได้รับความช่วยเหลือจากเชอร์ทอฟอยู่เป็นประจำ
คำปลอบของคาเรนที่ให้กับมอเฟียชนั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าคาเรน ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปากแล้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นจึงตอบคาเรนไปด้วยน้ำเสียงและประโยคที่ดูไม่ได้หนักใจอย่างที่คาเรนคาดไว้ “ผมว่าท่านรัฐมนตรีอาจจะเป็นสโมกแมนที่ชอบโผล่มาช่วยงานของ FBI เสียมากกว่านะครับ”
คาเรนที่ได้รับคำตอบยิ้มแหย ๆ ออกมาด้วยนึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วมอเฟียชก็ยังรับส่งมุกกับเธอได้โดยที่ไม่มีอาการตึงเครียดให้เห็นแม้แต่น้อย จะด้วยเพราะเหตุใดก็ตามแต่เธอคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันที่เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเชอร์ทอฟจะไม่ทำให้การปฏิบัติงานของเธอยุ่งยาก
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
วันวิสาขบูชา 53 01:43:31
|
|
|
|