Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักเธอต้องวัดใจ - 12  

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9285108/W9285108.html

บทที่ 12

รถกระบะมุ่งตรงมาอย่างช้าๆ บนทางสายเล็กแคบและขรุขระ แพขิมยังคงวิ่งเข้าไปหาอย่างมีความหวัง

สองขาเริ่มล้าลงทุกขณะ ในขณะที่เธอร้องบอกตัวเองว่า ‘เหนื่อยมาก’

แต่เสียงฝีเท้าของเหล่าจิ๊กโก๋ ยังดังไม่ห่างอยู่ข้างหลัง

เธอจึงไม่อาจหยุดพัก นอกจากวิ่งตื๋อหน้าตั้งเพื่อเอาตัวรอด

“นั่นมันน้องแพหรือเปล่าวะ”

ทับทิมถามขึ้นอย่างลังเล หลังจากที่เพ่งอยู่นาน

“ฉันก็มองว่าใช่ ทำไมน้องเขามาวิ่งหน้าตื่นอยู่แถวนี้วะ”

แปรถนอมไม่เชิงตอบคำถาม แต่ปรารภแปลกใจแกมหวั่นใจเสียมากกว่า

เขาเป็นคนขับ และตอนนี้ก็ชะลอความเร็วลง เพื่อจอดรับแม่บ้านหน้าซื่อ

ยังไม่กล้าคาดเดาชะตากรรมว่า จะโดนจารวีเล่นงานหนักแค่ไหน เพราะเจ้าตัวก็นั่งอยู่หลังกระบะนี่เอง

“เอาไงดีวะ”

คราวนี้ แปรถนอมถามเหมือนหารือขอความช่วยเหลือ

“ไม่เอาไง ขวางได้ก็ขวางเว้ย”

ทับทิมก็ตอบแบบรู้ใจ แล้วรีบลงจากรถทันทีที่แปรถนอมจอดกึก

จารวีเลิกคิ้วแปลกใจที่เพื่อนจอดรถกะทันหัน จึงลุกขึ้นมองหาสาเหตุ

แล้วเจอแม่สาวหน้าซื่อล้มฟุบคลุกฝุ่นพอดี เสียงหอบถี่รัว ดังแรงจนเขายืนตรงนี้ ก็ยังได้ยินถนัด

พอทับทิมรีบถลันไปช่วยพยุง เจ้าตัวก็ทำท่าลิงโลดเหมือนพระมาโปรด

ตัวสั่นเทาก็รีบโผกอด มือชี้ส่งไปข้างหลังด้วยกิริยาขวัญเสียจัด

หัวหน้าทีมทอดตาคมดุตามมือเล็ก เห็นกลุ่มจิ๊กโก๋วิ่งมาเบรกตัวโก่งชนกันเอง แล้วค่อยถอยหลังวิ่งย้อนกลับ

คงเห็นว่าฤกษ์ไม่ดีเสียแล้วกระมัง ฝ่ายโน้นจึงยอมละทิ้งเหยื่อ ทั้งที่ท่าทาง ก็เหมือนว่าจะไล่กวดกันอยู่นานแล้ว

หนุ่มดุกระโดดลงจากท้ายกระบะ สืบฝีเท้ายาวๆ ไปพยักพเยิดแทนคำถาม

ทับทิมจึงรีบโบกมือเป็นเชิงปรามว่า ‘ค่อยถาม’ แล้วรีบอุ้มสาวตัวสั่นหมดแรงไปขึ้นรถ

ทุกอย่างดูเหมือนราบรื่นตามแผนกระหยิ่มที่ไม่ซับซ้อนนักของเกี่ยวก้อย แต่ก็มาพลาดในวินาทีสุดท้าย

เพราะบังเอิญว่า อิฐที่ต้องใช้ในงานมีปัญหาเล็กน้อย

นายตุ่ม คนงานก่อสร้างในทีมลุงชุลี จึงอาสาพาจารวีมาสอบถามรายละเอียดที่โรงอิฐ

ระหว่างนั้น ป้าเตือนก็โทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือละล่ำละลัก ทำนองว่า สามีอาการทรุดหนัก หมดสติไปแล้ว

นายตุ่มก็เลยขอปลีกตัวกลับก่อน จารวีก็เลยถือโอกาสมาดูอาการเสียด้วยกัน

และเส้นทางนี้ ก็คือทางลัดที่นายตุ่มเป็นคนแนะนำว่า ‘ถึงวัดได้เร็วกว่าย้อนกลับทางถนนใหญ่สายเดิม’

ทับทิมย้ายไปนั่งกระบะหลัง เพื่อให้จารวีกับแพขิมนั่งข้างหน้า

สาวแม่บ้านยังอยู่ในอาการขวัญเสีย เธอกอดจารวีแน่น ขณะร้องไห้ปนสะอื้นหอบในอกชื้น

พอรถแล่นมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็รีบชี้ให้ดู หนุ่มดุหรี่ตาวาววับขึ้น

เพราะคะเนแล้วว่า ระยะทางจากตรงนี้ไปจนถึงจุดที่เธอล้ม มันไกลโขอยู่

ดังนั้น เวลานี้ หัวใจมันจึงคละเคล้าไปด้วยความรู้สึก 'สงสารเวทนา' และ 'เคืองจัด'

“โน่นแน่ะ ไอ้ก้อยหรือเปล่าครับหัวหน้าเจีย นอนคว่ำข้างรถของมันน่ะ”

นายตุ่มอุตส่าห์โน้มกายยื่นหน้ามาตะโกนบอกจากท้ายกระบะ จารวีพยักหน้าแล้วสั่งแปรถนอมจอดรถ

คนขับรีบลงไปช่วยยกร่างระทวยของเกี่ยวก้อย หล่อนคงโดนทำร้าย รถจักรยานยนต์คู่ชีพ ก็ล้มคลุกฝุ่นข้างๆ นี่เอง

นายตุ่มลงมาช่วยยกรถจักรยานยนต์ แล้วอาสาขับนำทางให้เอง จารวีจึงย้ายไปนั่งท้ายกระบะดังเดิม

เพื่อให้สองสาวได้นั่งข้างหน้าสบายๆ แต่ก็ไม่วายทิ้งวาจาเฉียบเข้มก่อนกระแทกประตูรถปิดโครม

“กลับถึงบ้าน เราคงชำระความกันยาวนะแพขิม”

“เจีย แกก็อย่าเพิ่งด่วนโทสะนักน่า"

ทับทิมรีบปราม

"เด็กมันคงมีเหตุด่วนอะไรสักอย่าง มันถึงกล้าขัดคำสั่งแก ฟังเด็กมันอธิบายก่อนเว้ย เอะอะหัวเสียใส่ สมองเด็กมันจะฝ่อหมด"

“เออ เรื่องแค่นี้ ฉันคิดเองเป็น ต้องให้แกสอนหรือไง เงียบไปเลย”

ทับทิมรีบหุบปาก ไม่อยากแหย่อารมณ์หนุ่มฉุนเฉียว

เจ้าตัวก็เลยได้นั่งเงียบ ทิ้งตาคมดุสังเกตสองข้างทางแบบเก็บรายละเอียด กระทั่งมีข้อสรุปว่า 'แถวนี้เปลี่ยวมาก'

หนุ่มดุจึงยิ่งแปลกใจระคนโกรธ ที่สองสาวเลือกใช้เส้นทางนี้ เหมือนหาเรื่องใส่ตัวเป็นบ้า

คอยดูเถอะ หากแม่สองสาว ไม่มีเหตุผลหนักแน่นมากพอ มาอธิบายหักล้างละก็

เขาจะเอ็ดตะโร กับอาละวาดให้บ้านแตกทีเดียว

มันเป็นความบังเอิญ ที่แผนสาปแช่งบิดาของตัวเองสัมฤทธิ์ผลผิดคาดไปหน่อย

เกี่ยวก้อยเลยต้องมารับรู้ว่า บิดาหมดสติ เพราะแผลที่แขนติดเชื้อจนอักเสบ

ต้องส่งเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์

ป้าเตือนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำอะไรไม่ค่อยจะถูก เพราะตกใจและเป็นห่วงความปลอดภัยของสามี

นางได้แต่ตำหนิบุตรสาว ที่ไม่รู้จักอยู่โยงเฝ้าอาการ ลำพังนางคนเดียว จึงดูแลไม่ทั่วถึง




แล้วความวุ่นวายทั้งหมด ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันสิ้นสุดลงตรงที่ลุงชุลีต้องนอนในโรงพยาบาล

ป้าเตือนนอนค้างที่นั่น แต่เกี่ยวก้อยยังต้องกลับมาบ้านพัก เพื่อสะสางคดี

ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยสำหรับสาวเจ้าเล่ห์ ที่จะแก้ตัวว่า

“ก็พ่ออาการสาหัสนี่ ไอ้ส้มมันรีบมาบอก ฉันก็ห่วงพ่อ จนทำอะไรไม่ถูก ก็เลยขอร้องให้พี่แพไปเป็นเพื่อน พี่แพเขาก็ไม่อยากไปหรอกนะ แต่คงสงสารฉันนั่นแหละ ตอนนั้นฉันร้องไห้ด้วยนะ แล้วดูซิ เห็นไหม พ่ออาการหนักมาก จนต้องนอนค้างโรงหมอเลย นี่จะให้ฉันกลับไปเฝ้าพ่อได้หรือยัง”

“แล้วทำไมเธอเลือกกลับวัดด้วยทางสายนั้น รู้ทั้งรู้ว่ามันเปลี่ยวและอันตราย”

“ก็มันเป็นทางลัด”

เกี่ยวก้อยทำเสียงแข็งตอบข้อสงสัย แต่ไม่กล้าสบตาคมดุ ได้แต่หลบต่ำเรี่ยพื้น

“จากบ้านพักไปถึงวัด ใช้ทางสายตรงก็ไม่เกินสิบนาทีอยู่แล้วนี่ จะตัดเข้าทางรกเหมือนไปอ่อยเหยื่อให้ไอ้พวกจิ๊กโก๋รุมโทรมทำไม”

“เจีย แกก็พูดดีๆ หน่อย อ่อยเหยื่ออะไรวะ เกี่ยวก้อยมันยังเด็ก น้องแพก็ไม่ใช่สาวไวไฟอย่างนั้นนะเว้ย”

“ฉันก็ว่าไปตามสถานการณ์”

จารวีแย้งทับทิมกลับทันควัน

“แพขิมยังไม่เท่าไหร่นะ แต่เกี่ยวก้อยนี่สิ คุยว่าใหญ่โตในย่านนี้ รู้จักที่ทางทุกซอกทุกมุม จึงน่าจะรู้ดีที่สุดว่าทางสายนั้นไม่ควรไป”

“ก็.. ก็.. “

เกี่ยวก้อยอึกอัก เม้มปากส่อพิรุธ ไม่นึกว่าจารวีจะคาดคั้นหนักขนาดนี้

“ก็ฉันห่วงพ่อ ตอนนั้น ฉันก็คิดแค่ว่า จะทำยังไงให้ไปถึงวัดเร็วที่สุดนี่ แล้ว.. แล้วทางลัดสายนั้น ฉันก็.. ก็ใช้ออกบ่อย”

“รู้จักไอ้พวกจิ๊กโก๋นั่นหรือเปล่า”

“เอ้อ เคย.. เคยเห็นหน้ามันสองสามครั้งในตลาด แต่ไม่ค่อยได้คุยกับพวกมันหรอกนะ ไม่อยากยุ่งน่ะ”

“รู้จักชื่อไหม”

“โอ๊ย”

เกี่ยวก้อยเริ่มรำคาญปนหวั่น อีกฝ่ายซักละเอียดยิบเหลือเกิน

“จะซักเอาอะไรนักหนาพี่เจีย ฉันเจ็บท้องนะ โดนไอ้พวกนั้นมันต่อยเอาๆ ท้องช้ำไปหมดแล้ว มันไม่ลากฉันไปโทรมก็บุญเท่าไหร่แล้ว แทนที่จะดีใจที่ฉันกับพี่แพปลอดภัย นี่อะไร ซักเหมือนเราแอบหนีเที่ยว”

“ไม่ต้องมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ”

ทุกคนสะดุ้งโหยงกันหมด จารวีตบโต๊ะปังแล้วตวาดดุร้ายออกมาสยบเสียงกร้าวของสาวแก่น

หล่อนกับแพขิมผิดพอกัน โทษฐานที่ขัดคำสั่ง โทรศัพท์ก็มี ทำไมไม่โทรบอกกันก่อน

เรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ ขอเพียงเขาทราบเข้าละก็ มีหรือจะนิ่งเฉยไม่จัดการอะไรเลย

ดีไม่ดี จะจัดการได้รวดเร็วกว่าเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่ถ้าหากวันนี้ เขาไม่ผ่านไปทางสายนั้น

เหตุที่มันจะเกิดกับแพขิม หรือกับหล่อน จะเลวร้ายแค่ไหน เคยคิดหรือเปล่า

ยังมีหน้ามาทำอวดกล้า กระชากเสียงใส่เขาอีกหรือ

“เอ้อ พอก่อนเถอะค่ะ หนู.. หนูผิดเองที่.. “

“ผิด”

จารวีหันขวับมาตวาดเข้มใส่คนที่ทำท่าจะออกรับแทน

“เธอต้องผิดอยู่แล้วล่ะ สมองมีหรือเปล่า ปัญญาอ่อนใช่ไหม เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังคิดจัดการกันเอง ลำพังตัวเองยังลูกผีลูกคน ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ทุกวันนี้ ก็ยังต้องอาศัยใบบุญชาวบ้านซ่อนหน้าซ่อนตัว แต่กลับสุขุมรอบคอบไม่เป็น ไปไกลๆ ไม่ต้องมาเสนอหน้า”

“ไอ้เจีย พอที แกจะ.. “

“แกเงียบไอ้ทับทิม ฉันกำลังสะสางคนในปกครอง อย่าสะเออะ”

“ก็น้องมันไม่ตั้งใจเว้ย ติติงกันดีๆ ก็ได้นี่หว่า”

แปรถนอมช่วยออมชอมอีกแรง

“ฉันถามหน่อยซิ ถ้าวันนี้เราไม่ผ่านไปทางนั้น มันอาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง หลังจากวันนี้ไปสักวันสองวัน เราอาจต้องไปยืนดูแพขิมมันนอนตายในสภาพเปลือยกาย หรือไม่ก็เจอศพของเกี่ยวก้อยนอนแผ่หลาให้มดไต่อยู่ในพงหญ้า ส่วนไอ้รถคันนั้น ก็คงโดนยกไปชำแหละขายเป็นเศษเหล็ก ไหน แกลองบอกมาซิว่า ถึงตอนนั้น ฉันจะติติงใครได้อีก เอาแบบดีๆ ด้วย อย่างที่แกว่ามาน่ะ”

“เอ้อ อันนั้นก็.. “

“เงียบไปเลย จะไปไหนก็ไป ฉันเคยบอกแล้วว่า รักจะอยู่ด้วยกัน มันก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งกันบ้าง ถ้าไม่เห็นหัวเห็นคำ ก็อย่ามาอยู่ร่วมชายคา ฉันไม่ชอบปกครองคนแข็งข้อดื้อด้าน กลับไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล แล้วไม่ต้องกลับมาทำงานที่นี่อีก”

“พี่เจีย”

เกี่ยวก้อยหน้าเสีย

“ไปเลย ไม่ต้องมาพูดมาก บอกว่าออกไปเลย ไป”

เกี่ยวก้อยสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เมื่อโดนตวาดก้อง เสียงตบโต๊ะก็ดังกว่าเดิม

หล่อนกลืนความเจ็บแค้นไว้ใต้สีหน้าแห้งเจื่อน คิดในใจว่า ‘ต้องทวงแค้นครั้งนี้คืนมาให้สาสม’

ขณะยอมคลานเข่ากลับลงมายืนกัดปากกัดฟันอยู่ในความมืดข้างล่าง




สาวแก่นโดนตัดสินโทษสถานหนักไปเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกหนึ่งสาวที่ยังนั่งพับเพียบตัวสั่นข้างทับทิม

พี่ใหญ่ในทีมสบตาด้วยรอยยิ้มนุ่ม คงจะปลอบประโลมทำนองว่า ‘ใจเย็นไว้ เดี๋ยวพี่ช่วย’

“ทีนี้ก็เป็นเธอ”

จารวีเริ่มเล่นงาน

“โทรศัพท์มีไว้ทำไม บูชาหรือ ใช้ไม่เป็นทำไม่ไม่บอก ฉันจะได้สอนให้ก่อน เธอเก่งหรือ คิดว่าเมื่อไปถึงวัดแล้ว จะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย ในเมื่อเก่งขนาดนี้ แล้วจะมาพึ่งพิงฉันทำไมอีก ออกไปอวดกล้าตามลำพังได้แล้วนี่ ใช่ไหม”

แพขิมไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เธอร้องไห้และกลั้นสะอื้นจนเหนื่อย

คงไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายว่า เธอได้พยายามที่จะโทรศัพท์บอกเขาแล้ว

แต่เป็นเพราะเกี่ยวก้อยใจร้อนห่วงใยบิดา จึงเร่งหน้าเร่งหลัง จนทำให้เธอไม่สามารถทำอย่างที่ตั้งใจ

แต่เธอก็ไม่เคยมีเจตนาอวดกล้าขัดคำสั่งเฉียบของเขา เธอเทิดทูนบูชาเขาเป็นเจ้าชีวิตออกอย่างนี้

แล้วมีหรือ จะฝ่าฝืนคำสั่งที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของเขาได้

“ไม่ร้ายแรงอย่างนั้นน่าเจีย เด็กมันไม่มีเจตนา เกี่ยวก้อยมันก็ห่วงพ่อนา น้องแพของเรา มันก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่นักหนา ยามฉุกละหุกแบบนั้น ก็อาจจะคิดอะไรไม่เป็นเหมือนเราๆ ผู้ใหญ่ น่า.. แกก็.. ถือเสียว่าเป็นบทเรียนให้น้องมันไปก็แล้วกัน สักครั้งเถอะ เอาไว้หากมีคราวหน้า.. “

“ยังคิดจะให้มีคราวหน้าอีกหรือ ไอ้บ้า โว้ย ให้ท้ายกันเข้าไปเถอะ อีกหน่อยมันคงขึ้นมาขี่คอฉัน จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไม่ต้องมาเสนอหน้าให้ฉันเห็น ยัง.. ยังไม่ไปอีก ยังอีก.. “

แปรถนอมรีบลุกไปประคองร่างน้อย ที่ยังดึงดันจะนั่งรับโทษต่อไปให้ได้

เธอไม่เคยอยู่กับอารมณ์ดุเดือดของจารวีน่ะสิ

จึงไม่ทราบว่า ไอ้การกระชากเสียงเหมือนโกรธจะเป็นจะตายแบบนั้นล่ะ ที่เรียกว่า ‘ยกโทษ’

แต่ก็ต้องรีบไปให้พ้นรัศมีสายตาเสียก่อน เพราะพ่อคุณยังไม่พร้อมจะยล

แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 53 11:36:19

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 11:34:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com