Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระต่ายกับเต่าในแบบฉบับ ของมนต้นไม้  

พอดีแต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อส่งเป็นการบ้านนะคะ แต่ว่าครูไม่มีเวลาตรวจเลยลองเอามาลงให้อ่านกันเล่นๆ ลองดูนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า ครูให้ลองแต่งเรื่องกระต่ายกับเต่าในแบบของเราเอง มนต้นไม้ก็คิดออกแต่แบบนี้ล่ะค่ะ อ่านแล้วก็อืม....บอกไม่ถูก อิๆ





พญาศศะกับพญาจิตรจุล
(กระต่ายกับเต่า)




กาลครั้งหนึ่งนานนับโกฏิปีล่วงมาแล้ว พญาจิตรจุลสถลบถอายุร่วมร้อยปีผู้มากด้วยปัญญาแลความสุขุมประดุจปราชญ์ในห้วงมหานทีอันมีบริวารเป็นปูปลาแลสัตว์น้ำน้อยใหญ่กำลังออกว่าราชกิจใต้ท้องน้ำใหญ่ ทันใดนั้นเองห้วงน้ำเบื้องบนบังเกิดความสั่นสะเทือนมาจนถึงท้องพระโรงเบื้องล่าง ดินทรายแลตะไคร้น้ำต่างกระเซ็นหลุดร่วงร่อนลงมาเป็นแผ่นๆคละคลุ้งฟุ้งกำจายไปทั่ว ทำเอาประดาบริวารต่างตระหนกตกตะลึงไปตามกัน แต่ทว่าหาทำให้พญาเต่าผู้เป็นใหญ่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใดไม่


“บังเกิดอะไรขึ้นมาฤาท่านงูเขียวเขี้ยวขอ”

“แล้วข้าจักไปรู้ได้เยี่ยงใดกันเล่าท่านปลาไหล ดูท่านซิ ทำหน้าสลดราวกับว่ากำลังจะถูกรูดด้วยใบข่อย”


เสียงสนทนาโต้ตอบของอำมาตย์ซ้ายขวาดังขึ้นเบาๆเบื้องล่าง ทำให้ผู้ที่นั่งเอามืออวบๆท้าวคางอยู่อย่างสบายใจอดที่จักเอ่ยถามขึ้นไม่ได้


“มีสิ่งใดฤา ท่านงูเขียว ท่านปลาไหล ทำทีท่าราวกับจะถูกมนุสสาลากไปต้มยำทำแกงก็ไม่ปาน”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์เพียงแต่สงสัยเท่านั้นเอง”


อำมาตย์ปลาไหลกราบทูลพลางหันหน้ามาพยักเพยิดกับสหายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน


“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”


อำมาตย์ซ้ายงูเขี้ยวหันมากราบทูลสำทับทันทีที่หันไปสบดวงหน้าเรียวแหลมของสหายที่ละม้ายคล้ายพวกตนเป็นที่สุด ถ้อยคำกราบทูลยังผลให้ผู้สดับถึงกับกังขา แต่มิทันจักออกโอษฐ์ถามออกไป พลันทหารประจำทวารหลวงดินแดนแห่งห้วงมหรรณพปลาเสือพ่นน้ำก็คลานครีบเข้ามาทูลถวายขึ้นเสียก่อน เท่ากับเป็นการยุติบทสนทนาลงโดยปริยาย


“กราบทูลพ่ะย่ะคะ เพลานี้มีสัตว์เดรัสฉานมิรู้จักนาม รูปร่างปราดเปรียวขนฟูดูท่าจะนุ่มละเอียดอยู่มิใช่น้อยเลย มาป่าวประกาศท้าทายพระราชอำนาจของพระองค์อยู่เหนือห้วงน้ำเบื้องบน พ่ะย่ะค่ะ”

“มันว่าเยี่ยงใดจงเร่งว่ามา”


เสียงกร้าวของอำมาตย์ขวาซักไซ้เจ้าปลาเสือตรงหน้า น้ำเสียงร้อนรนดูร้อนใจยิ่ง กิริยาออกร้อนแทนผู้เป็นนายตัวหาได้น้อยไปกว่าอำมาตย์ซ้ายปลาไหลผู้มากภักดีเลยจนนิดเดียว ถึงกับสะบัดครีบแบนๆของมันกระแทกลงตั่งที่นั่งเสียงดังกุกกักเป็นการใหญ่ สำแดงถึงความไม่พอใจเป็นที่สุด


“มันเป็นผู้ใด รู้ฤาไม่ ข้าจะออกไปเลื้อยรัดมันให้ขาดใจในบัดดล หากมันคิดผยองหาญมาท้าทายหมิ่นพระเกียรติพญาเต่าของเรา”

“ใจเย็นก่อนเถิดท่านอำมาตย์ปลาไหล อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย เอ้า...ส่วนเจ้านั่งอมพะนำอยู่ทำไม เร่งว่ามา มันมีนามเรียกขานว่ากระไร ได้บอกมาฤาไม่”


เสียงเข้มปรามขึ้นมิให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าผลีผลามจนเกินไป ทำให้ผู้ที่กำลังร้อนใจถึงกับเลือดขึ้นหน้า ทว่าครั้นเหลือบขึ้นมองหน้าของผู้เป็นนายใหญ่หาได้สำแดงกิริยาอันใดออกมาไม่ จึงได้แต่ข่มความดาลใจเอาไว้แต่เบื้องลึก ปล่อยให้ทหารหลวงตัวป้อม แบนข้าง ตากลมโตแถมมีลายทางคล้ายเสือทูลถวายรายงานต่อไป


“มันประกาศศักดานามเรียกขานว่าพญาศศะพนาดร พ่ะย่ะค่ะ ท่าทางหาญฮึกผยองยิ่ง หาได้เห็นหัวผู้ใดไม่ บัดนี้ได้มากระทืบบาทาอยู่เหนือห้วงน้ำเบื้องบน ร้องท้าทายพระองค์มิได้ขาดปาก จักให้ทำเยี่ยงใดสืบไปพ่ะย่ะค่ะ”


มิทันที่จักกราบทูลเสร็จสิ้น เสียงตบครีบลงข้างลำตัวของประดามัจฉาน้อยใหญ่ดังประสานเสียงก้องอย่างไม่พอใจ ดังกระหึ่มขึ้นในบัดดล

“นี่มันบังอาจถึงเพียงนี้กระนั้นฤา ไปข้าจักขอเป็นผู้กำหราบความโอหังของมันเอง”

“ข้าด้วยท่านงูเขียว”

“หยุดบัดเดี๋ยวนี้ ท่านทั้งสองอย่าได้คิดทำการผลีผลามเป็นอันขาด ข้าเองมิคิดว่ามันผู้นั้นจักเป็นแค่เดรัสฉานกระต่ายป่าธรรมดาสามัญ การที่มันอหังการเยี่ยงนี้คงต้องมีดีพอตัวหาใช่ชั่วไม่ เจ้าทั้งสองควรตริให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจักเสียการใหญ่เพลี่ยงพล้ำเอาได้”


สุรเสียงทุ้มนุ่มลึกปานห้วงมหาสมุทรใหญ่ตรัสขึ้นปรามความใจร้อนบุ่มบ่ามของอำมาตย์ผู้จงรักทั้งสองดังชัดกังวานได้ยินไปทั่ว ยังผลให้ร่างปราดเปรียวลื่นไหลไร้ครีบแขนของผู้ที่ถูกพาดพิงถึงกับชะงักหยุด หลุบตาก้มหัวลงต่ำน้อมรับบัญชาในทันที


“พ่ะย่ะค่ะ”


สิ้นเสียงขานรับ ร่างอ้วนท้วมเต็มไปด้วยกระดองแข็งแรงของพญาจิตรจุลสืบเท้าเอื่อยๆดำเนินออกจากท้องพระโรงหลวง ผ่านหน้าโขลนทหารยามฝ่ายหน้า พลางตีขาแหวกว่ายฝ่าเกลียวคลื่นพุ่งทะยานสู่ผิวน้ำเบื้องบนในทันที ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกอึ้งมี่ของผู้ท้าทายที่ยังคงสำแดงฤทธากระทุ่มบาทาลงบนกระแสธาราจนสะเทือนเคลื่อนลั่น บังเกิดเป็นเกลียวคลื่นพลิ้วไหวระลอกแล้วระลอกเล่าแล่นเข้าหาฝั่งชลมิขาดสาย ทันทีที่ร่างใหญ่หนาเต็มไปด้วยเกล็ดกระดองแกร่งแข็งแรงประดุจภูผาทะยานขึ้นเหนือผิวน้ำ ทำเอาร่างปราดเปรียวของพญาศศะพนาดรเจ้าแห่งความเร็วถึงกับผงะถอยหลังไปตั้งหลักในทันที


“ในที่สุดเจ้าก็ยอมโผล่หัวออกมาจากระดองแล้วฤา จิตรจุลสถลบท หลายสิบขวบปีที่ข้าเฝ้ารอคอยทิวานี้ หมายจักมาเอาชัยชำนะคืนจากเต่าเฒ่าเยี่ยงเจ้าแทนพระปิตุลาแลพระอัยกาที่ปราชัยเมื่อหลายขวบปีก่อน”


เสียงพญากระต่ายหนุ่มวัยฉกรรจ์เอ่ยท้าทายอ้างที่มาที่ไปให้ผู้ที่มากพรรษากว่าได้ล่วงรู้ถึงเหตุแห่งที่มา เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ที่อยู่รอบข้างได้ในทันที

“ที่แท้เป็นพระองค์เอง มิได้เจอกันหลายขวบปี ตัดขนโกนจุกตั้งแต่เพลาใดกันฤา”


สุรเสียงของพญาเต่าผู้ผ่านร้อนผ่อนหนาวมาอย่างโชกโชนเอ่ยดังฟังชัดมิน้อยกว่าผู้ที่แผดเสียงอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ถ้อยคำถากถางประหนึ่งปรามาสกันอยู่ในที ทำเอาพญากระต่ายหนุ่มถึงกับหน้าม้าน ตัวสั่นขนระดิกไปเลยทีเดียว กำอุ้งมือแน่นด้วยความแค้นเคืองใจ ไม่ว่าจะกี่ขวบปีนับแต่บรรพชนจวบจนรู้ความเติบใหญ่ มิมีสักทิวาที่จักได้สดับถึงชัยชนะที่มีต่อพญาเต่าเลยสักคราเดียว สร้างความคับแค้นข้องใจให้เรื่อยมา มาบัดนี้ตนได้เติบใหญ่แก่กล้าจึงคิดมาแก้หน้าเอาคืนแทนลุงแลปู่เพื่อกู้หน้าให้ราชวงศ์ศศะคืน แลมิคิดจักโอนอ่อนผ่อนตามให้แต่อย่างใด คิดพลางลั่นวาจาท้าทายออกไปในทันที


“เหวย เหวย พญาจิตรจุลผู้ต้วมเตี้ยมเชื่องช้า บัดนี้ถึงเพลาแห่งความปราชัยแล้ว จงเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับความพ่ายแพ้ แลร้องขอความเมตตาเห็นใจเสียเถิด หาไม่แล้วเห็นทีเกียรติยศแลชื่อเสียงคงจักย่อยยับลงในอุ้งมือข้าเป็นแน่แท้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ข้ามิอยากเสวนากับผู้ที่ปากยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนมอีกสืบไป หากทรงเข้าเส้นชัยก่อน ถือว่าข้าพญาจิตรจุลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แลจักยอมศิโรราบให้อย่างหมดใจ ทว่ามิเห็นกระรอกอย่าริโก่งหน้าไม้ หาได้เห็นน้ำควรตัดกระบอกไม่ อย่าได้ด่วนคาดการณ์ล่วงหน้า ทั้งที่ยังมิอาจล่วงรู้ได้ว่าจักมีสิ่งใดบังเกิดขึ้นมาบ้าง จะเหนื่อยกายเสียใจเสียเปล่าๆ”


เสียงของผู้ที่มากประสบการณ์มีชั้นเชิงเหนือกว่าเปรียบเปรยปรารมภ์อย่างมีความนัย ทำเอาประดาขุนพลอยพยักที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหัวร่อเป็นการใหญ่ สร้างความดาลใจให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเท่าทวี ถึงกับกระทืบบาทาลงพื้นปฐพีอย่างเดือดดาล


“พูดมากเปลืองน้ำลาย จุดหมายคืนท้องนภาเบื้องหน้า ลุป่าชัฏผ่านโตรกธาร ล่วงสู่อาศรมฤาษีกลางพนาจักเป็นที่หมายแห่งเรา... เริ่มได้”


สิ้นเสียงกร้าวของพญากระต่ายป่าผู้ผยอง ร่างปราดเปรียวโจนพรวดนำหน้าคู่แข่งที่เพิ่งจักรู้สึกตัว ภายหลังจากยืนงกเงิ่นอยู่ชั่วอึดใจใหญ่ กว่าเต่าเฒ่าจะตั้งหลักเดินสี่ขาคลานต้วมเตี้ยมออกไปได้ ผู้ที่นำหน้าอยู่หลายขุมก็ทิ้งแต่รอยเท้าเอาไว้ให้ หาได้เห็นแม้แต่ธุลีฝุ่นไม่ ทำเอาผู้ที่รายรอบแอบลุ้นระทึกแทบขาดใจ หายใจหายคอไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย ทว่าหนทางเบื้องหน้ายังอีกยาวไกลนัก หาได้เสร็จสิ้นลงโดยง่ายทันใจไม่ ในทางกลับกัน ช้าๆได้พร้าเล่มงาม สุภาษิตบุราณกาลตกทอดกันมาช้านาน แลพญาจิตรจุลผู้มีอายุร่วมร้อยปีล่วงรู้แก่ใจดี



ข้างฝ่ายศศะวัยฉกรรจ์ภายหลังพุ่งพรวดโจนผ่านป่าละเมาะข้างทางมาได้ชั่วก้านธูปมอดดับลง มิทันเหงื่อจักตกอุ้งเท้าก็จวนเจียนจักถึงชายป่าเบื้องประจิมทิศาอันเป็นมรรคาที่มุ่งสู่จุดหมาย อารามรีบร้อนแลเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป ฤาอาจจักเป็นด้วยความประมาทผยองจนเกินตัว มิอาจล่วงรู้ได้ มันจึงเผลอนอนหลับพับไป สายลมโชยอ่อนไล้ขนฟูเย็นสบาย ระคนเสียงแกว่งไกวเสียดสีของใบไม้น้อยใหญ่ประดุจคีตาเห่กล่อมพาให้เจ้าพญากระต่ายหลับลึกราวถูกกฤตยามนตราสะกดเอาไว้ กว่าจักรู้สึกตัวนอนเต็มตื่น สุริยาทิตย์ก็ลาลับเหลี่ยมไม้ใกล้อัศดงไปทุกขณะจิตเสียแล้ว พาให้เจ้ากระต่ายย่ามใจเผลอเรอลืมตาตื่นขึ้นมาพลางตระหนกตกใจเผ่นพรวดโกยอ้าวจนขนฟูแทบกระจุยกระจาย แต่อนิจจาหาล่วงรู้ไม่ว่า มันสายไปเสียแล้ว


“นี่ข้าหลับไปนานเท่าใดกันฤานี่ แย่แล้ว ป่านฉะนี้เจ้าเต่าเฒ่าจักไปถึงไหนแล้วก็หารู้ได้ไม่”


ในเพลาเดียวกันพญาเต่าเฒ่าผู้มากวิริยะแลความเพียร มาตรว่าจักมิได้แน่ใจว่าครานี้จักมีชัยชนะเหนือเจ้ากระต่ายหนุ่มเยี่ยงที่ผ่านมาฤาไม่ แต่หาได้นิ่งนอนใจใม่ นับแต่ออกเดินทางคลานต้วมเตี้ยมเรื่อยมา แม้จักเหนื่อยเมื่อยล้าปวดแข้งขาไปทั่วสรรพางค์กายก็หาได้ชงักหยุดเดินแต่อย่างใดไม่ แลในที่สุดความพยายามบากบั่นที่มีอยู่ในกมลสันดาน กอปรกับความมุ่งมั่นประสมกับประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานจึงทำให้พญาเต่าบรรลุผลสำเร็จแห่งการนั้นได้ในที่สุด ชั่วก้านธูปสามดอกมอดหมดลง ร่างต้วมเตี้ยมที่แบกกระดองไว้เป็นภาระตลอดมาจึงลุผ่านป่ารกชัฏ แลมาถึงอาศรมของท่านฤาษีชีไพรที่หมายในที่สุด


“พญาจิตรจุลมาถึงแล้ว เฮ เฮ”


เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญในความมานะของประดาสัตว์ป่า แลสัตว์น้ำน้อยใหญ่ที่โห่ร้องดังกระหึ่มอึ้งมี่สะท้านสะเทือนก้องไพร ทำเอาเจ้าขนฟูตัวเบาปราดเปรียวที่เร่งฝีเท้าเต็มเหยียดโจนพรวดๆฝ่ารกหนามพงไพรถึงกับสะดุดกึกชงักเท้าในบัดดล ยกอุ้งมือป้องกกหูฟังสรรพสำเสียงที่ลอยลมแว่วเข้ามากระทบโสต ครั้นสดับจับสาระได้ถนัดถึงกับหน้าซีดถอดสี หางลู่มือตกขนแฟบเหี่ยวหาได้ฟูฟ่องผยองเยี่ยงคราแรกที่ผ่านมาไม่ คล้ายหมดเรี่ยวแรงที่จักเดินเข้าเส้นชัยไปในบัดดล ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้แห่งตนอย่างมิอาจแก้ไขสิ่งใดได้อีกเลย


“นี่ข้าปราชัยให้เจ้าเต่าเฒ่ากระนั้นฤา โอ้...สวรรค์ไยดลบันดาลให้ข้าเป็นเยี่ยงบรรพชนได้”

“พญาศศะน้อย อย่าได้โทมนัสไปเลย กาลเบื้องหน้ายังมีอีกหลายขวบปี ขอเพียงพระองค์ค้นพบสัจจธรรมแห่งความเพียร แลไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท สิ่งใดที่ประสงค์เอาไว้จักลุล่วงสำเร็จเข้าสักทิวา”


สุรเสียงของผู้มีชัยพูดขึ้นเป็นเชิงปลอบใจ แลสั่งสอนไปในคราเดียวกัน ทำเอาผู้ที่ยืนฟังถึงกับอึ้งทึ่งไปนานทีเดียว ก่อนจักตรัสขอบใจออกมา


“ขอบพระทัย ที่หาได้ถือสาหาความไม่ แลยังมีน้ำใจสั่งสอนแนะนำ ในกาลเบื้องหน้าข้าหวังแต่เพียงว่าประดากระต่ายป่าจักมิคิดประมาทย่ามใจสืบไป”


พูดจบร่างของพญากระต่ายป่าจึงหันตัวกลับโจนพรวดหายลับไปท่ามกลางความมืดมิดในบัดดล นับแต่เพลานั้นมาความสุขสงบจึงบังเกิดขึ้นอีกหลายสิบขวบปี จวบจนผู้ท้าทายตัวใหม่ที่จักหาญกล้ามาประลองอีกครา ห้วงมหานทีใหญ่จึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุขดุจกาลก่อนสืบมา




**แหะๆ อ่านแล้วเป็นไงบ้างคะ หุๆ


.

แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 53 19:50:58

แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 53 19:35:38

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 19:17:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com