ความคิดเห็นที่ 1 |
ผู้ชายคนหนึ่งทำให้ฉันเสียนิสัย เมื่อเขาซื่งเป็นคนพิเศษ อยู่ท่ามกลางแสงไฟ กลับเลือกที่จะเดินเข้ามาพบฉันที่เก็บตัวอยู่ในเงามืด
และเมื่อวันที่เขาจากไป ก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความอ่อนไหวเริ่มโผล่หน้าเข้ามาทักทาย และบางครั้งฉันก็รู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียวขึ้นมาเฉย ๆ
กี่คราวแล้วนะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งมอง แล้วก็ต้องวางลงตามเดิมเพราะกลัวว่าตัวเองจะอ่อนแอเกินไปจนต้องโทร.ไปหาเขา
เป็นความรู้สึกที่น่ากลัวเกินไปจริง ๆ
มานั่งเหม่ออยู่นี่เอง...คิดถึงเขาคนนั้นหรือพี่คนไหนกันจ๊ะ เสียงใส ๆ ของเพื่อนฉันเอ่ยทักก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมด้วยจานราดหน้าหมี่กรอบที่ถูกวางลงบนโต๊ะ
หืม...วันนี้วันอะไรกันนะเราถึงเจอเธอได้ ฉันทำตาโตมองเพื่อนอย่างประหลาดใจ
เหอะ...วันที่คนไข้ดิสชาร์ตน่ะสิ เธอหมายถึงการที่คนไข้ถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้ว หายไปเกือบครึ่งวอร์ด ตอนนี้เลยหลั่นล้ากันได้...นาน ๆ ทีจะได้ว่างแบบนี้ไม่ค่อยชินเลย
คนไข้เยอะก็ว่าหนัก คนไข้น้อยก็ไม่ชิน จะเอายังไงกันแน่จ๊ะ
เอาแบบพอดี ๆ ไม่ต้องเยอะมากแต่มีมาตลอดจะขอบคุณมาก ว่างเกินไปแบบนี้กลัวจะพาลจิตตกเอาน่ะสิ
ฉันหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน นี่คงเป็นอีกหนึ่งอาการทางจิตของบรรดานักศึกษาแพทย์ที่เคยชินกับความยุ่งเหยิงเสียจนเห็นความว่างเป็นเรื่องประหลาดที่ชวนให้หวาดหวั่น
กลัวว่างก็ไปแย่งงานน้องปี 4 มาทำบ้างสิ ฉันบอกเพื่อน เพราะตอนนี้พวกเรากลายเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปี 5 แล้ว งานบางอย่างที่ก็ได้น้องปี 4 ช่วยแบ่งเบาไปไม่น้อยเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนและทำงานกันต่อไปอยู่ดีนั่นละ
ไม่ละ...เดี๋ยวน้องไม่ได้ฝึก นั่นคือข้ออ้างด้วยความหวังดีของบรรดารุ่นพี่ที่เดินผ่านช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนมาจนรู้ว่าประสบการณ์คือสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเป็นแพทย์ เพื่อนฉันถอนใจเบา ๆ ขณะเคี้ยวหมี่กรอบให้หมดคำ แล้วเอ่ยคำถามที่ทำให้ฉันต้องชะงักไป
ว่าแต่เธอเถอะ...ได้ยินว่าพี่เดนท์คนนั้นยังไม่ยอมหยุดไม่ใช่เหรอ
นั่นเป็นอีกหนึ่งเรื่องยุ่งยากใจของฉัน เพราะพี่เดนท์หรือแพทย์ประจำบ้านคนหนึ่งที่คอยดูแลฉันอย่างดีเสียจนเกิดข่าวลือไปทั่วคณะว่าเขากำลังตามจีบฉัน
ที่ร้ายคือความจริงที่ว่าหลายคนทราบดีว่าฉันมีคนรัก...เอาเถอะ ใช้คำนี้คงได้ ใช่...ฉันมีคนรักอยู่แล้ว แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ไกลคนละทวีปก็เถอะ และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีชื่อเสียงพอสมควรจนหลายคนมองว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา การมีข่าวกับรุ่นพี่แพทย์ประจำบ้านอย่างนี้จึงทำให้ฉันวางตัวลำบากพอสมควรทีเดียว แต่นั่นละ...ผู้หญิงอย่างฉัน ถ้าหัดแคร์อะไรให้มากกว่าตัวเองเสียหน่อยก็คงจะดีหรอก
ทันทีที่ตั้งสติได้ฉันก็แค่ไหวไหล่เบา ๆ กับคำของเพื่อน ก็...พูดกันไปนั่นละ
ก็รู้นี่...คณะเราไม่ค่อยสนเรื่องโลกภายนอกหรอก แต่ถ้าข่าวภายในละก็...เหอะ...ไวยิ่งกว่าจรวด คนเคยตกเป็นข่าวจะเข้าใจกันดี
ปากคนห้ามได้ที่ไหน...เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว
อืม...เห็นเธอไม่คิดมากก็ดีแล้ว แต่ไม่คิดจะแก้ข่าวบ้างเหรอ
ฉันหัวเราะแล้วส่ายหน้า รู้ทันหรอกน่าว่าเพื่อนรักคิดจะเป็นลำโพงช่วยกระจายเสียงให้ แต่ฉันยังไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับข่าวพวกนี้มากไปกว่าความรำคาญใจเล็ก ๆ น้อย ๆ
เดี๋ยวก็เงียบไปเอง
หลายเดือนแล้ว...มีแต่จะหนาหูขึ้นน่ะสิ ยิ่งพี่เขามาตามติดเธอบ่อย ๆ
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็จะจบแล้วละ ฉันยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อน อดจะรู้สึกขอบคุณกับความห่วงใยของเธอไม่ได้ มีไม่กี่คนหรอกที่จะกระตือรือร้นอยากทำเพื่อคนอื่นได้มากมายเท่าเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉัน
อย่างนั้นก็ตามใจ เธอไม่ได้เซ้าซี้ แค่เพียงยิ้มให้อย่างที่เคยยิ้มเป็นประจำ ฉันเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะมาพร้อม ๆ กับเธอ
เราแยกกันที่หน้าโรงอาหารเมื่อเธอจะกลับไปเอาของที่หอ ส่วนฉันต้องกลับไปดูคนไข้ที่วอร์ดศัลยกรรม
เพียงแค่เดินเข้าไปในวอร์ด เพื่อนร่วมวอร์ดของฉันคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทันที ไปไหนมา...คนไข้เธอต้องผ่าตัดด่วน
เตียงไหน เกิดอะไรขึ้น ฉันถามเสียงรัวด้วยความเร่งรีบ เพื่อนเองก็เหมือนจะรู้จึงเดินตามออกจากวอร์ดมายังทางเดินที่จะไปห้องผ่าตัด
เตียง 12 เห็นพี่ว่า AAA เพิ่งเอาเข้าโออาร์ไปก่อนเธอมาแปปเดียว
ฉันสะดุ้งโหยง รีบเร่งฝีเท้าไปที่ห้องผ่าตัดทันที เพราะ AAA ที่เธอว่าเมื่ออยู่ในวอร์ดศัลยกรรมแล้วทำให้นึกถึงได้เพียงอย่างเดียวคือคำเรียกสั้น ๆ ของหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องที่ปริแตกอย่างเฉียบพลัน
เพื่อนอีกคนที่คงเตรียมเข้าห้องผ่าตัดแทนฉันกำลังล้างมืออยู่ เขาหันมาเลิกคิ้วมองทันทีที่เห็นฉันเดินเข้าไป มาแล้วเหรอ
อืม...ขอบคุณที่แทน ฉันบอกเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปล้างมือตามขั้นตอนอย่างใจเย็น
ใช่...ใจเย็น เพราะการร้อนรนมีแต่จะทำให้ทุกอย่างผิดพลาด
ใช้เวลาอยู่พอสมควรตามมาตรฐานการป้องกันการติดเชื้อ แล้วฉันก็ได้มาอยู่ในห้องผ่าตัด รุ่นพี่แพทย์ประจำบ้านและอาจารย์เดินเพิ่งเดินเข้ามาภายหลัง จากที่เห็นฉันเดาว่าอาจารย์คงเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดสักห้องแล้วรีบล้างมือเข้ามาเหมือนกัน
ตอนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าฉันไม่ใช่แค่ร่างของคนคนหนึ่ง แต่คือชีวิตที่ยังมีอีกหลายชีวิตรออยู่ข้างหลัง
ฉันบอกตัวเองอย่างนี้เสมอทุกครั้งที่พบคนไข้ เพราะนั่นคือเหตุผลที่ดีที่สุดว่าทำไมฉันจึงต้องพยายามให้ดีที่สุด
เวลาในห้องผ่าตัดเดินไปเร็วกว่าปกติ เมื่อฉันมีเรื่องทำให้ทำและเรียนรู้มากมาย แต่ในที่สุดคนไข้ก็ถูกเข็นออกมาจากห้อง ไม่ต้องมีคำพูด เราแค่ยิ้มบาง ๆ ให้กันภายใต้หน้ากากผ้าที่ยังปิดอยู่เกือบค่อนหน้า แต่แววตาที่สบตาบอกชัดถึงความยินดีและภาคภูมิใจกับการมีส่วนร่วมในชีวิตที่ได้ปกป้องไว้
ฉันเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาจากห้องผ่าตัด กลับไปทำงานในส่วนที่เหลืออยู่ที่วอร์ด ก่อนจะเดินกลับหอพักตามวิถีชีวิตปกติของนักศึกษาแพทย์
โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกาวน์สั่นเบา ๆ ฉันจึงรีบดึงออกมามองดู ชื่อบนจอทำให้ฉันอดจะถอนใจเบา ๆ ไม่ได้
ค่ะ...
ลงจากวอร์ดแล้วใช่ไหม เขาเอ่ยคำถามที่ทำให้ฉันเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
ค่ะ...พี่ทราบได้ยังไงคะ
พี่ก็ต้องมีสายบ้างสิ เขาตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนจะบอกต่อ พี่ยังไม่ได้กินข้าว...ไปกินด้วยกันนะครับ
เสียงเขาบอกว่านั่นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำขอที่ฉันไม่ควรปฏิเสธ ใช่...ถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่ดีหน่อยก็คงไม่ปฏิเสธหรอก เพียงแต่ฉันเป็นผู้หญิงร้าย ๆ ที่ไม่ค่อยแคร์อะไรบนโลกน่ะสิ ฉันจึงเคยปฏิเสธคำขอแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
บางที...ฉันควรจะทำให้อะไร ๆ มันชัดเจนขึ้นมาเสียที
ค่ะ...หนูรอใต้หอนะคะ อีก 10 นาทีเจอกันค่ะ ฉันตอบเสียงรัว
ไม่ถึง 10 นาทีดี ฉันก็เดินลงมาจากหอ เขายืนอยู่ข้างโต๊ะซึ่งจัดไว้สำหรับให้นักศึกษาและคนทั่วไปได้มานั่งเล่น ร่างสูงหนาอยู่ในชุดเสื้อยืดแบบสบาย ๆ กับกางเกงขาสั้น เขากำลังคุยอยู่กับรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งที่นั่งทำงานอยู่ เมื่อพวกเธอหันมาเห็นฉันก็หรี่ตามองแล้วอมยิ้มบอกอะไรบางอย่างกับเขา ทำให้เขาหันมามอง แล้วรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ก็ระบายอยู่บนหน้าหล่อนั้น
เพิ่งหกโมงกว่า อยากออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันไหม
ฉันไม่ต้องใช้เวลาคิดนานก็ตอบตกลงได้ทันที เขายิ้มอย่างพอใจ เดินนำไปที่รถแล้วเปิดประตูให้ฉันเข้าไปนั่ง
พรุ่งนี้เข้าเวรหรือเปล่า
ไม่ค่ะ...แต่ก็ยังต้องราวน์เช้าอยู่ดี ฉันพูดพลางถอนใจกับการราว์นวอร์ดช่วงเข้าของวันหยุด การนอนดึกตื่นเช้าและการง่วงเหงาหาวนอนระหว่างวันดูจะเป็นเรื่องปกติเสียเหลือเกินสำหรับบรรดานักศึกษาแพทย์
ไม่เช็คชื่อนี่...หรือได้เคสที่อาจารย์หมายตา
เปล่าหรอกค่ะ...แต่ก็น่าเข้าไม่ใช่หรือคะ ยังไงอาทิตย์นี้หนูก็ไม่ได้กลับบ้านอยู่แล้ว ฉันเอ่ยปฏิเสธ เพราะความจริงการราว์นวอร์ดเช้าในช่วงวันหยุดไม่ได้เข้มงวดนัก ปกติหลายคนจึงสามารถโดดได้อย่างสบายใจ เว้นแต่นักศึกษาที่บังเอิญได้คนไข้ซึ่งเป็นโรคที่น่าสนใจนั่นละจึงจำเป็นต้องอยู่รายงานเคสกับอาจารย์
แปลว่าอาทิตย์ไหนกลับบ้านก็โดด
ฉันหัวเราะเบา ๆ ก็ประมาณนั้นละค่ะ...อย่างน้อยก็ต้องมีบ้าง พอเป็นสีสันในชีวิตไงคะ
รุ่นพี่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม มองจากด้านข้างแบบนี้ ฉันก็ยังต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากทีเดียว ไม่แปลกเลยที่สาว ๆ หลายคนจะหลงใหลได้ปลื้มและอดหมันไส้อยู่บ้างไม่ได้เมื่อเขามาสนิทสนมกับฉัน แม้ว่าเขาจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับสาว ๆ แทบทุกคนก็เถอะ
แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็แค่มองหาใครสักคนที่จะเข้าใจเขาได้ก็เท่านั้นเอง และด้วยเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้เขาคิดว่าฉันเป็นคนคนนั้น
ส่วนฉัน...ก็แค่ว่างเกินไปจนยอมปล่อยให้เขาเดินมาอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความเห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง
ฉันถอนใจเบา ๆ กับความคิดของตัวเอง ความรู้สึกผิดบางอย่างแล่นเข้ามาในใจ โดยเฉพาะเมื่อมองไปเห็นร่างเงาจาง ๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ลอยอยู่ข้าง ๆ รุ่นพี่
เธอคือน้องสาวของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ละที่ชักนำให้เขาเดินเข้ามาหาฉัน พูดคุยจนเขาคิดว่าฉันเข้าใจเขา ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพราะเธอคนนั้นต่างหากที่บอกเล่าทุกสิ่งให้ฉันได้รู้ เป็นเธอต่างหากที่เข้าใจเขาอย่างแท้จริง
เหมือนเป็นการหลอกลวงแปลก ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ แต่หลังจากคิดสะระตะแล้ว ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกผิดอย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถจะบอกความจริงต่อหน้าเขาได้ว่าฉันมองเห็นวิญญาณ
เพราะเรายังไม่รู้จักกันมาพอจนฉันเชื่อว่าเขาจะยอมรับได้ในทุกอย่างที่เป็นฉันจริง ๆ
ต่างกับใครคนนั้น คนที่ไม่ต้องการข้อพิสูจน์ใด ๆ แต่ฉันกลับกล้าที่จะเชื่อว่าเขาจะยอมรับฉันได้ทุกอย่าง
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 53 20:35:45
|
|
|
|