อยากทำบุญ
|
|
อยากทำบุญ (แต่ขี้เกียจ)
ตั้งแต่เข้ามาใน ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ จนถึงบัดนี้ ได้ตอบคำถามของผู้ที่อยากจะเป็นนักเขียน หลายครั้งหลายคราว ด้วยข้อความที่ว่า
อย่าเพียงแต่คิดต้องลงมือเขียนทันที ขั้นแรกก็ลองเขียนบันทึกประจำวัน ค่ำลงก็ลงมือเขียนว่า วันนี้ทำอะไร พบเห็นอะไร ติดต่อคุยกับใคร ตั้งแต่เช้าจนหมดวัน ต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ จึงจะมีเรื่องมาเขียน ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปวันหนึ่ง ๆ แล้วก็ลืมหมด ไม่มีอะไรจะเขียน ก็เลยไม่ได้เขียนสักที
ข้อความข้างบนนั้น ไม่ได้สักแต่บอกคนอื่น ตนเองก็ได้ทำมาแล้วตลอดชีวิต จึงได้มีเรื่องอะไรต่ออะไรมาเขียนอยู่ได้ตั้ง ๕๐-๖๐ ปี
เรื่องหนึ่งที่บันทึกไว้ก็คือ ธรรมะสำหรับตนเอง เขียนไว้เพื่อสอนใจตนเอง ให้ลดความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เบาบางลงถึงจะลดไม่ได้มาก แต่ก็พยายามทำบ่อย ๆ ให้เกิดความเคยชินเป็นนิสัย กว่าจะตายก็คงลดได้บ้างหรอกน่ะ
ในรอบปีหนึ่ง มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาอยู่เพียงสี่วันเท่านั้น คือ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ความสำคัญทั้งสี่วันนั้น ทุกคนย่อมรู้มานานแล้วตั้งแต่เป็นนักเรียน
ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ต่างก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมในวันสำคัญเหล่านี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามความเชื่อหรือความสามารถของแต่ละคน เริ่มตั้งแต่การสมาทานศีลห้า ศีลแปด หรือปฏิบัติ วิปัสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นต้น
ผมเองเมื่อยังรับราชการอยู่ ก็ตักบาตรทำบุญ รับศีลฟังธรรมไปตามโอกาส ส่วนชีวิตประจำวันก็ทำบาปไปตามปกติธรรมดา ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย โลภมากอยากได้แต่ไม่ถึงกับเป็นโจร จีบเด็กเสริฟบ้างตามโอกาส โกหกหรือพูดไม่จริงเยอะมากแต่ไม่เคยหลอกลวงใครให้เสียหาย ดื่มสุราเป็นอาจิณ
ครั้นพอเกษียณอายุราชการแล้ว ไม่ค่อยมีการเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมากนัก นอกจากการเขียนหนังสือขาย โอกาสที่จะทำบาปก็น้อยลง พอเกษียณมาได้สิบปี ก็รู้ตัวว่าเวลาในการทำชั่วน้อยลง และเรี่ยวแรงที่จะไปทำความชั่ว ก็น้อยลงเช่นกัน จึงคิดว่าอย่ากระนั้นเลย ลองพยายามละเลิกความชั่ว ที่ท่านระบุไว้ในศีลห้าข้อดูบ้างซิ ว่าชีวิตจะขาดรสชาติไปสักแค่ไหน
แต่ความที่เคยชินมาเป็นเวลานานมาก จึงต้องค่อย ๆ ลดลงทีละน้อยก่อน คือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาก่อน ปีหนึ่งก็มีเพียงสี่ครั้งเท่านั้น ต่อมาก็เพิ่มเป็นวันอาทิตย์ ถ้าทำได้ตลอดปลอดโปร่ง ปีหนึ่งก็จะได้ทำบุญทำกุศลให้แก่ตนเอง ถึงห้าสิบกว่าครั้ง
คิดได้แล้วก็ลงมือทำ แต่ก็ไม่ค่อยครบ เพราะมีมารมาคอยขัดขวางอยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบัตรเชิญงานต่าง ๆ ที่มักจะจัดกันในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานอุปสมบท งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฉลองในโอกาสต่าง ๆ หรืองานฌาปนกิจศพ
ถ้าขืนอ้างว่าฉันจะปฏิบัติธรรม เจ้าภาพก็คงจะกล่าวหาว่าบ้า จึงต้องยอมผ่อนผันไปบ้าง แต่ทุกสิ่งที่มีกติกา ถ้าสามารถละเมิดได้สักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะอ้างเหตุความจำเป็นสักเพียงใด โอกาสที่ละเมิดในคราวต่อ ๆ ไปก็จะมีมากขึ้น ดังนั้น ในปีที่ผ่านมาแล้ว จึงปฏิบัติธรรมไม่ถึงสามสิบครั้งสักปีเดียว
การปฏิบัติธรรมที่คนส่วนมากเข้าใจนั้นก็คือ การนุ่งขาวห่มขาว ไปอยู่ที่วัดคืนหนึ่งหรือสองคืน ได้สวดมนต์ภาวนา รักษาศีลอุโบสถ ฟังธรรม เป็นต้น แต่ท่านอาจารย์บางท่านบอกว่า ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้นหรอก ปฏิบัติธรรมที่บ้านก็ได้ ขอให้มีสติระลึกอยู่ทุกขณะ อย่าผิดศีลก็ใช้ได้แล้ว
ผมก็พยายามทำตามนั้นเพราะง่ายดีกว่าไปทำที่วัด แต่จะได้บุญเท่ากับท่านที่ไปทำที่วัดหรือไม่นั้น
ชาตินี้คงยังไม่ทราบหรอกครับ.
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
4 มิ.ย. 53 06:48:20
|
|
|
|