ความคิดเห็นที่ 2 |
ข้าไม่รู้เลย...
รูอาร์คยังคงครุ่นคิดไปตลอดทางในตลาดยามสาย เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองยังมีเรื่องที่ไม่รู้มากมายนัก
ใช่...เขารู้ว่าลีชาเคยถูกทำร้ายมาก่อน เขาคิดว่าตนเข้าใจว่าเธอผ่านอะไรมา แต่วันนี้ก็เพิ่งรู้เรื่องที่ตนไม่เคยได้รู้ เรื่องนั้นทำให้เขาตกใจเป็นที่สุด และแช่งชักเทพเจ้าหรือชะตากรรม โจรพวกนั้น รวมทั้งตัวเขาเองยิ่งกว่าเดิมในตอนนี้
ทีแรก เด็กหนุ่มคิดแค่จะเข้าไปช่วยเป็นลูกมือทำอาหารให้เธอจริงๆ แต่ก็ถูกลีชาปฏิเสธเสียงแข็ง ถึงอย่างนั้น เขายังป้วนเปี้ยนชวนเธอคุย
“เจ้าคิดว่าพ่อข้าเป็นอย่างไร”
เด็กสาวไม่ตอบ
“คิดว่าเขาน่ากลัวหรือ” รูอาร์คเดา “เขาก็...ดูเข้มงวดไปอย่างนั้นเอง จริงๆ เป็นคนใจอ่อนจะตายไป ถึงบางเรื่องจะขี้บ่นไปหน่อยก็เถอะ...แต่คงเฉพาะกับลูกนอกคอกอย่างข้าคนเดียวกระมัง”
ลีชาก้มหน้าก้มตาตั้งเตาต้มกาน้ำ แล้วก็หั่นเนื้อรมควัน เขาอาสาจะช่วยอีกครั้ง เธอไม่ตอบรับแต่ตั้งคำถามแทน
“ทำไมท่านถึงบอกเขาอย่างนั้น”
“บอกเขาอย่างไหน” เด็กหนุ่มย้อนทั้งๆ ที่รู้ดี
“บอกว่าเราแต่งงานกันแล้ว”
“ก็แสดงละครนี่ แต่ข้าก็อยากให้มันเป็นความจริงนะ” รูอาร์คตอบ
“มันเป็นไปไม่ได้” เด็กสาวตอบเสียงแข็ง แต่ก็ไม่หันหน้ามามองเขา “ท่านเป็นถึงลูกชายเจ้ามณฑล ส่วนข้า...เป็นอะไรท่านก็รู้ เลิกยุ่งกับข้าเสียทีได้ไหม”
“ถ้าจะให้ข้าเลิกยุ่ง เจ้าก็เลิกทำตาโตๆ อย่างนั้นสิ” เด็กหนุ่มยิ่งนึกสนุกเมื่ออีกฝ่ายหันมามองเขาด้วยสายตาตกใจแบบที่ว่า “นั่นล่ะ ข้าแพ้ ‘ตากระต่าย’ แบบนั้นของเจ้า เลิกทำให้ได้เสียก่อน แล้วข้าจะเลิกยุ่งด้วย”
ลีชาพยายามหรี่ตาลงอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ก็กลับน่าขำ และน่าเอ็นดูจนเขาเผลอยิ้มออกมาน้อยๆ
“อ้า...อย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ ข้าชักเปลี่ยนใจแล้วสิ”
เด็กสาวหันขวับกลับไปทันที
“ท่านรูอาร์ค ข้าขอร้องจริงๆ นะคะ” เธอเปลี่ยนมาพูดจาสุภาพ ถึงเขาจะเคยบอกว่าไม่ต้องพูดกับเขาอย่างนี้ “ข้าไม่รู้ว่าท่านจริงจังอย่างที่พูดหรือเปล่า แต่เราไม่มีทางแต่งงานกันได้หรอก ไม่มีใครยอมรับแน่ๆ แล้วข้า...ข้าก็ไม่ได้รักท่านด้วย”
“อ้าว ถ้าไม่ลอง เจ้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีใครยอมรับ” เด็กหนุ่มแย้ง “แล้วเรื่องไม่ได้รักข้านี่แน่ใจหรือ ในเมื่อเจ้ายังไม่ยอมให้เวลาข้าพิสูจน์ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ ก็บอกแล้วนี่ว่าข้ารอได้ ขอแค่อย่าให้ถึงร้อยปี”
“ข้าไม่มีวันรักท่านได้หรอก” ลีชาพูดอย่างรวดเร็ว แต่คำพูดนั้นฟังดูไร้ความหนักแน่นอย่างสิ้นเชิง...อย่างน้อยก็สำหรับผู้ฟังคนเดียวในห้องนั้น
“ทำไมจะไม่ได้เล่า” รูอาร์คพยายามโน้มน้าว “ลีชา ข้ารู้เรื่องของเจ้า ข้าเข้าใจดี ข้าจะไม่บังคับให้เจ้ารับรักของข้าภายในเวลาเท่านี้ๆ แต่ข้าหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าจะอยากเดินต่อไปข้างหน้าบ้าง เจ้าไม่อยากมีครอบครัวอีกหรือ รอให้ได้ก็อธฟรีด์กลับมาอยู่ด้วย แล้วก็อาจจะมีลูกคนอื่นๆ...”
“ข้ามีลูกไม่ได้อีกแล้ว”
เสียงของเด็กสาวทำให้รูอาร์คเย็นสันหลังวาบ
...เสียงนั้นจริงจังและเย็นชาเกินไป...
“...หมายความว่าอย่างไร”
“หมายความอย่างที่พูด ข้ามีลูกไม่ได้อีกแล้ว” น้ำเสียงของลีชายังคงไม่แปรเปลี่ยน
เด็กหนุ่มเงียบไปนาน ขณะที่หลายคำถามผุดขึ้นในสมอง เพราะสิ่งที่โจรพวกนั้นทำกับเธอน่ะหรือ...เขาไม่กล้าถาม เพราะอย่างนี้ใช่ไหมเธอถึงเสียใจมากที่ถูกพรากก็อธฟรีด์ไป...เรื่องนั้นเขาก็ไม่กล้าถาม
แต่หากมันเป็นความจริง แล้วทำไม...
“แล้วทำไม...เจ้าถึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ล่ะ” สุดท้ายรูอาร์คก็หลุดคำถามที่เขามาคิดได้ทีหลังว่าโง่ที่สุดในชีวิตออกไป
“แล้วข้าต้องบอกใครๆ เขาไปทั่วหรือว่าข้ามีลูกไม่ได้!” เด็กสาวหันขวับมาขึ้นเสียง “ข้าต้องรายงานทุกคนที่รู้จักด้วยเหรอว่าข้ามีลูกไม่ได้เพราะ...เพราะอะไรท่านก็รู้! แค่ข้าต้องมาบอกท่าน...เพราะท่านไม่ยอมเข้าใจเสียทีว่าเราไม่มีวันแต่งงานกันได้ ข้าก็...ข้าก็...”
ลีชาไม่ได้พูดต่อ แต่ยกสองมือขึ้นปิดหน้า ครั้นแล้วก็กรีดร้อง...ก่อนจะกลายเป็นร้องไห้หนักจนเขาทำอะไรไม่ถูก
ใช่...เป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เวลาอยู่ต่อหน้าเธอ
รูอาร์คยอมรับว่าเขาตกใจมาก มาตอนนี้เขานึกคำพูดได้มากมาย...หลายเหตุผลที่ตามมาหลังคำว่า ‘ไม่เป็นไร’
ไม่เป็นไร ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังรักเจ้า ไม่เป็นไร เจ้ายังมีก็อธฟรีด์อยู่ ไม่เป็นไร ข้าจะพาเขามาคืนเจ้าเอง ไม่เป็นไร เรารับเด็กมาเลี้ยงก็ได้ ยังมีเด็กกำพร้าอีกมากมายที่ต้องการบ้าน ต้องการพ่อแม่ ข้ารู้ เพราะข้าเองเคยเป็นหนึ่งในนั้น...
เขานึกได้มากมายกว่านั้น แต่ที่สุดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ควรพูด ไม่รู้จะบอกอะไรให้ชะตากรรมของเธอฟังดูเป็นที่ยอมรับได้มากขึ้น คงเป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่าบาดแผลของลีชาสาหัสกว่าที่คิด
...สาหัสกว่าที่เขาเคยผ่านมา...
...สาหัสจนเขาไม่รู้จะบรรเทาพวกมันได้อย่างไร...อย่าว่าแต่จะเยียวยารักษาให้หายดี...
“อ้าว ทำไมเดินหน้าบูดมายังงี้ล่ะ” เสียงทักเรียกรูอาร์คออกจากความคิด พบว่าเขาเดินมาถึงร้านขนมปังที่ตนเองเคยอุดหนุนอยู่บ่อยๆ สมัยแอบมาพักอยู่ในเมืองนี้ตัวคนเดียว คนถามก็ไม่ใช่ใครนอกจากสาวใหญ่เจ้าของร้าน “วันนี้พ่อมาไม่ใช่หรือ ข้าเห็นกลับบ้านไปกับเมียเจ้า”
“ฮื่อ” เด็กหนุ่มรับ “ขอขนมปังม้วนสัก...เจ็ดอันสิ”
“หือม์” คนฟังกลับขมวดคิ้ว “แล้วข้าวเช้าที่บ้านล่ะ เห็นเมียจะทำฉลองที่พ่อมาเยี่ยมนี่”
“อ้อ” เขาทำเป็นรู้เรื่อง “ก็...คงทำไม่ได้แล้วนั่นล่ะ นางไม่สบาย”
“อะไรกัน เมื่อเช้ายังเห็นดีๆ อยู่เลยนี่นา” เจ้าหล่อนเปรยแล้วก็ทำสีหน้าแฝงนัย “หรือว่า...จะมีข่าวดีหรือเปล่าน้า”
“ข่าวดีอะไร”
“ก็...โธ่ ไม่เห็นต้องถามเลย ถึงเพิ่งแต่งงานกันก็น่าจะรู้นี่”
รูอาร์คฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดไปถึงข่าวดีแบบไหน หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะพูดเล่นรับว่า ‘ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ’
ใช่...ดีมากๆ เลยด้วย...
แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่มีอารมณ์จะทำเช่นนั้น เขากลับคิดว่าการพูดเล่นปิดบังความเศร้าที่ตนเองเคยใช้มาตลอดเป็นวิธีที่ไม่ได้เรื่องสิ้นดี คำตอบจึงกลายเป็นคำพูดห้วนๆ สั้นๆ ที่เขาไม่อยากยอมรับ
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
สาวใหญ่ชะงักไป สีหน้าเธอดูกังวลขึ้นมา
“นาง...ไม่สบายหนักหรือเปล่า ดูเจ้า...ไม่เหมือนทุกทีเลย”
เป็นสิ เป็นมากด้วย รูอาร์คคิดในใจ แต่ก็ตัดสินใจพูดปดออกไปเพื่อตัดปัญหา
“ก็...ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ข้าคงต้องรีบกลับบ้านหน่อย”
เจ้าหล่อนรับง่ายๆ เหมือนเข้าใจดี ไม่นานเด็กหนุ่มก็ได้ขนมปังตามต้องการ และรีบมุ่งหน้ากลับไป
* * * * *
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 19:33:31
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
11 มิ.ย. 53 23:02:01
|
|
|
|