Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักวุ่นวายของยัยพริกขี้หนู! <ตอนที่ 2 แรกพบ>  

รักวุ่นวายของยัยพริกขี้หนู! :: พวงพริก

ตอนที่ 2 แรกพบ



ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะอาหารในตอนเช้าตรู่ ในระยะนี้จำเป็นจริงๆ ที่เขาต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวัน เพื่อเร่งงานที่คั่งค้างอยู่ให้บรรลุเป้าหมายไปได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะการขยายกิจการโรงแรมมณีดินอีกสาขาในย่านธุรกิจใจกลางกรุงที่เขาต้องรับผิดชอบอย่างเต็มตัว

มือหนาหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าขึ้นอ่านเป็นกิจวัตรประจำวัน แลเห็นร่างบางของใครบางคนในชุดอยู่บ้านสบายๆ จากหางตาจึงคิดว่าเป็นเด็กในบ้านจึงเอ่ยขึ้นโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ “ขอน้ำเปล่าแก้วสิ”

พัทธ์รวีกะพริบตามองผู้ชายแปลกหน้าที่ทำตัวคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีด้วยความสนใจใคร่รู้ แอบเดาว่าเขาคงเป็นเพื่อนพี่ชายแน่นอนจึงจดๆ จ้องๆ รอการทักทายจากอีกฝ่ายอย่างลังเล หากเขาไม่เพียงไม่ใส่ใจจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ยัง ‘สั่ง’ เธอราวกับเป็นคนใช้ของเขาเสียอีก

มากไปหน่อยมั้ง!

เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาเสียแล้ว ดังนั้นแทนที่จะทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เธอจึงแสร้งร้องถามด้วยท่าทีงงๆ “คะ?”

“ฉันบอกว่าขอน้ำให้ฉันแก้วนึงไง หูไม่ดีเหรอ เด็กใหม่เหรอเราน่ะ” ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ในมือลง คิ้วเข้มขมวดุม่น ตาคมกวาดมอง ‘เด็กใหม่’ อย่างพิจารณา

เจ้าของร่างเพรียวบางมีดวงหน้าแฉล้มเป็นรูปไข่ ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสภายใต้ขนตาหนาเป็นแพ คิ้วเรียวโค้งตัวสวยอย่างเป็นธรรมชาติไร้ร่องรอยของการตกแต่ง จมูกเล็กโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ รวมๆ แล้วจัดว่า ‘น่ามอง’ ไม่น้อยเลย หากว่าเธอจะจัดการกับผมมวยที่รวบไว้อย่างไม่ใส่ใจให้เป็นระเบียบกว่านี้หน่อย แล้วแต่งตัวเสียใหม่แทนที่จะเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเก่าๆ แบบนี้

“เด็กใหม่?” ‘เด็กใหม่’ ใช้นิ้วชี้จิ้มที่อกตัวเองพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเป็นปมยุ่งเหยิงพอกันกับแววสับสนที่ฉายจากดวงตากลมใส  

“เพิ่งมาอยู่ที่นี่ละสิ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย แล้วรู้ไหมว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แอบเสียดายเล็กน้อยที่คิดว่าเธอคงเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาขายแรงงานในเมืองหลวง ปราศจากโอกาสดีๆ ที่ควรได้รับ อย่างน้อยที่สุดก็ด้านการศึกษา เขาประเมินจากสายตาแล้วคิดว่าอายุของเธอไม่น่าจะเกินสิบแปดปี เธอควรได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษามากกว่าจะมาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านเขา

“รู้” อีกฝ่ายตอบสั้น ห้วน และกวนตามระดับอารมณ์ขุ่นมัว เพราะถูกเขาลดระดับจาก ‘น้องสาวเพื่อน’ ไปเป็น ‘เด็กใหม่’ ไปแล้ว

นี่เธอดูเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงหรือว่าเขาตาถั่วกันแน่นะ!

“อ้าว...งั้นก็ไปสิ ขอน้ำเปล่าแก้วนึง” คราวนี้เขาบอกอย่างนึกรำคาญ ความเห็นใจที่มีให้เมื่อครู่ปลิวว่อนและหายวับไปกับสีหน้าท่าทางรั้นๆ ของเธอเรียบร้อย

“ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉันแต่ฉันก็รู้ว่าครัวอยู่ที่ไหน แล้วคุณล่ะคะ รู้รึเปล่า” เธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง แถมยังย้อนถามเขาอีกต่างหาก

“ก็นี่มันบ้านฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าครัวอยู่ที่ไหน” เขาบอกอย่างหงุดหงิด เด็กใหม่ของมารดาท่าจะยังไม่ได้รับการอบรมมารยาทอย่างเพียงพอนะ

“งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่คะ คุณก็รู้แล้วว่าครัวอยู่ที่ไหน งั้นก็เชิญคุณเดินไปที่ครัวแล้วก็ช่วยเหลือตัวเองนะคะ” เธอบอกหน้าตาเฉย

“เฮ้ย...นี่เธอมาจากไหนเนี่ย เด็กอะไรยอกย้อนแบบนี้ ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงฮะ” เขาชักจะทนไม่ไหวเสียแล้ว ตาคมจ้องอีกฝ่ายอย่างตำหนิ เธอควรรู้ว่าเขาเป็นใคร และตัวเองเป็นใคร

ดูๆ ยังจ้องตอบตาขวางอีกแน่ะ!

“มีค่ะ คุณปู่สอนเสมอว่าเราต้องรู้จักพึ่งตนเองและไม่เบียดเบียนคนอื่น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนน่ะค่ะ แล้วคุณล่ะ รู้จักรึเปล่า” ย้อนถามด้วยหน้าตาใสซื่อราวกับเด็กไร้เดียงสา แต่มุมปากมีรอยยิ้มเยาะที่ซ่อนยังไงก็ไม่มิด

“นี่เธอ…” เขาลากเสียงอย่างหงุดหงิด ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้อย่างมีโมโห ลำคอระหงขาวผ่องของเธอคือสิ่งที่เขาจับจ้อง นึกอย่างเอื้อมไปบีบให้หักคามือค่าที่ช่างย้อนนัก

“เอะอะโวยวายอะไรกันแต่เช้าจ๊ะตาดล” เสียงของคุณมนรดีฟังคล้ายเสียงระฆังกังวานใส และช่วยฉุดรั้งสติของบุตรชายกลับมาก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรลงไปอย่างใจคิด

“คุณแม่รับเด็กใหม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ประวัติเป็นไงมาไงครับ ไม่มีใครบอกเหรอว่าผมเป็นใคร” ชายหนุ่มหันไปถามมารดาด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กช่างฟ้อง

“เด็กใหม่ที่ไหนกันจ๊ะ แม่ไม่ได้รับใครใหม่เลยนะ” คุณมนรดีทำหน้างง

“ก็ยัยเด็กนี่ไงครับ พูดจายอกย้อน กวนโมโหผมแต่เช้าเลย” เขาบอกเสียงห้วน อารมณ์ขุ่นมัวพอๆ กับนัยน์ตาคมที่จับจ้องเด็กใหม่

ดูเถอะ อีกฝ่ายจะมีท่าทีหวาดกลัวก็หาไม่ ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด...

“ไหน อ้าวหนูพริก...” คุณมนรดีมองตามสายตาของบุตรชายก็เห็นใบหน้าแฉล้มของพัทธ์รวีที่ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน เธอจึงส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนใจ ก่อนจะหันมาทางบุตรชายแล้วแนะนำให้คนทั้งคู่รู้จักกัน “นี่หนูพริกหวานน้องสาวตาพีไงจ๊ะ ยังไม่เจอน้องเหรอ”

“อะ...อะไรนะครับ ยัยเด็กเนี่ยน่ะเหรอ น้องสาวนายพี?” เขาครางเสียงตะกุกตะกัก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ยัยเด็กช่างย้อนเนี่ยนะ น้องสาวนายพี ให้มันได้อย่างนี้สิ!

“นี่พี่ดลไงจ๊ะหนูพริก รู้จักกันไว้สิ” คุณมนรดีหันไปบอกกับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

“สวัสดี...ค่ะ” เธอยกมือไหว้ตามมารยาท ทักทายด้วยความไม่เต็มใจเห็นได้ชัด ใบหน้าใสๆ ตึงขึ้นด้วยไม่ต้องการปิดบังอารมณ์ต่อหน้าใครทั้งสิ้น

หมอนี่น่ะเหรอเพื่อนพี่ไทย ชิ...เป็นผู้ชายที่งี่เง่าอะไรอย่างนี้นะ!

“...” อีกฝ่ายนิ่งอึ้ง ปวดตุ้บๆ ที่ขมับราวกับนี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าจากวันนี้ไปชีวิตของเขาคงหาความสงบได้ยากยิ่ง

ลางร้ายชัดๆ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“วันนี้พริกจะไปไหนรึเปล่าจ๊ะ มีธุระอะไรต้องไปทำก็บอกได้นะ แม่จะได้ให้นายโอบขับรถไปส่ง” คุณมนรดีเอ่ยขึ้นในขณะที่รับอาหารเช้าร่วมกัน แน่นอนว่านั่นเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้เมธาดลใบ้กินผ่านพ้นไปแล้ว

พัทธ์รวียิ้มกว้างแล้วเจื้อยแจ้วราวกับคุ้นเคยกันมานานโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย “วันนี้พริกต้องไปรายงานตัวที่บริษัทที่จะฝึกงานค่ะ อยู่แถวๆ ถนนวิทยุ”

อีกฝ่ายยิ้มด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ “อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมของเรานี่จ๊ะตาดล แม่ฝากน้องติดรถไปด้วยคนสิลูก”

เมธาดลเหลือบมองใบหน้าแฉล้มที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่เขากับมารดากำลังพูดคุยกัน แต่สายตาวิบๆ วับๆ ของเจ้าหล่อนบอกให้เขารู้ว่าเธอกำลังเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะรับปากผู้เป็นมารดาเนื่องจากรู้สึกได้ชัดเจนว่าทั้งเขาและน้องสาวเพื่อนศรศิลป์ไม่กินกันเสียแล้ว

“นะตาดล น้องเพิ่งเข้ากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกยังไม่คุ้นเคยกับถนนหนทาง แม่ฝากเราพาน้องไปรายงานตัวหน่อยสิ ให้โอบขับรถไปให้ก็คงช่วยได้แค่ขับรถไปส่งเท่านั้น เผื่อน้องจะต้องการความช่วยเหลืออะไรไง นะลูก แล้วถ้าจะให้ดีก็ฝากรับน้องกลับบ้านด้วยเลย” คุณมนรดีเร่งเร้าพร้อมให้เหตุผลที่ยากแก่การปฏิเสธ

พัทร์รวีกลั้นยิ้มเต็มกำลังเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา ความจริงเธอไม่อยากรบกวนคนที่นี่นักโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ ‘ไม่ชอบขี้หน้า’ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็ยิ่งไม่อยากยุ่งด้วย แต่นิสัยเดิมๆ ที่รักษาได้เป็นพักๆ แต่ไม่เคยหายสักทีอย่างที่ใครเขาเรียกกันว่า ‘เอาคืน’ มันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีให้เธอรีบรับข้อเสนอของมนรดีอย่างเต็มอกเต็มใจ

“ขอบคุณนะคะคุณแม่” เอ่ยขึ้นอย่างเอาใจพร้อมรอยยิ้มสดใส ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตกปากรับคำด้วยซ้ำ

คุณมนรดียิ้มรับ ขณะที่เมธาดลหน้าตึง ลอบมองท่าทีของอีกฝ่ายตาขุ่นแถมแอบตั้งฉายาของเธอไว้ในใจอย่างเดือดดาล

ยัยเด็กช่างย้อน!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“บริษัทอยู่ตึกไหนล่ะ” คนขับรถถามเสียงเรียบ ตั้งแต่พาหนะคันหรูเพิ่งจะโผล่หน้าออกมาจากประตูรั้วเท่านั้น

พัทร์รวีบอกชื่อตึกไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ใบหน้าอมยิ้มอยู่เป็นนิจ

เมธาดลเห็นแล้วก็รู้สึกขัดตาขัดใจเป็นอย่างมาก กว่าจะได้ออกจากบ้านยัยเด็กแสบนี่ก็ทำเขาแทบตบะแตก ในขณะที่เขาแต่งตัวเรียบร้อยอยู่ในชุดพร้อมทำงานและพร้อมจะออกเดินทางแล้ว แต่เธอต้องขึ้นไปทำธุระส่วนตัวเพื่อให้พร้อมสำหรับการไปรายงานตัว ไม่แน่ใจว่าเธอจงใจแต่งตัวช้าหรือเขาคิดมากไปเอง แต่เธอปล่อยให้เขารอเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

“พริกต้องไปรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลวันนี้ แต่เริ่มฝึกงานจริงๆ วันพรุ่งนี้ค่ะ พี่ดลรอหน่อยได้มั้ยคะ คิดว่าคงไม่นานหรอก” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม แทนตัวเองว่า ‘พริก’ และเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่า ‘พี่ดล’ อย่างจงใจ เพื่อตอกย้ำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านแต่เป็นน้องสาวของเพื่อนรักเขา และแน่นอนเขามีหน้าที่ ‘ต้อง’ ดูแลเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ อย่างไม่มีทางปฏิเสธได้  

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ไม่พอใจก็ใช่อยู่ แต่จะพูดอย่างไรในเมื่อ ‘เด็กในบ้าน’ ในความคิดของเขากลับเป็นน้องสาวของเพื่อนรักที่เขาดันรับปากเป็นดิบดีว่าจะช่วยดูแลให้ ได้แต่สรุปอย่างไม่พอใจว่านอกจากจะเข้าไปเคลียร์งานได้ช้ากว่าทุกวันแล้ว วันนี้เขายังต้อง ‘หนีบ’ ยัยเด็กนี่ติดสอยห้อยตามไปที่โรงแรมอีกด้วย

เฮ้อ...เวรกรรม!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จากคุณ : nawapat
เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 00:01:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com