ความคิดเห็นที่ 1 |
***มาอ่านต่อกันค่ะ
ทว่าเสียงตอบกลับมาอย่างตะกุกตะกักสะกิดให้พนักงานสาวที่กำลังยื่นเงินส่งให้เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยไว้วางใจเท่าใดนัก ก่อนจะพยักหน้าให้แบบเสียไม่ได้ ซึ่งโรดเองก็ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ ตกลงยอมให้แลก หรือไม่ยอมก็ไม่แน่ใจ แต่ก่อนที่จะทันอธิบายอะไรออกไป เสียงทุ้มของใครบางคนกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน และดูเหมือนว่าดูจะเคยคุ้นกับพนักงานที่นี่เป็นอย่างดีเสียด้วย แต่มันกลับสร้างความขุ่นใจให้คนที่ได้ยินในทันที หน้าหวานหันขวับไปมองที่มาของเสียงในทันที จึงเห็นสายตายียวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองโคตรเท่ที่กลับมองมา
“ไม่พกบัตรประชาชนผิดกฏหมายนะคุณ คุณอิงอรใจดีจังนะครับ เป็นผมคงไม่ยอม”
“ไม่เป็นไรมังคะผู้พัน คุณคนนี้เธอบอกเองว่าอยู่แถวๆนี่เอง คุณชื่อ...เอ่อ ทำงานอยู่แถวนี้หรือคะ”
“โรดค่ะ...ไม่ใช่ค่ะ ฉันพักอยู่ที่แมนชั่นตรงนั้นนะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“เอ๊ะ...ผมก็อยู่ที่นั่น แต่ไม่เคยเห็นคุณเลย คงย้ายมาใหม่ล่ะซิ”
โรดฉีกยิ้มให้พนักงานสาวตรงหน้าสุดชีวิต ก่อนจะหันมาตวัดสายตาขุ่นเขียวให้อีกคน คิดในใจว่า
“ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านดีนัก เดี๋ยวแม่ก็กัดให้สูญพันธุ์ เอ้ย...กัดให้หัวหลุด เลยซะดีมั้ย แฮ่ๆ ดูทำท่าเข้าซิคิดว่าเท่ตายล่ะ”
เสียงของชายหนุ่มในชุดครึ่งท่อนสีกากีแต่งกายคล้ายตำรวจตั้งข้อสังเกตคล้ายสงสัยบางอย่าง พูดทักขึ้นสร้างความไม่พอใจให้คนที่ได้ยินจนอดที่จะตวัดหางตาขุ่นจัดจิกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดสวนออกมา ยอมที่จะอดกั้นเก็บความไม่พอใจเอาไว้และเลือกที่จะไม่ปะทะคารมด้วยแทน ทั้งที่ในใจคิดไปต่างๆนานา แต่มาคิดๆดูแล้วถึงจะพูดไป คนสมองเท่าเม็ดถั่วเขียว ว่าไปนั่นด้วยความหมั่นไส้ มีหรือจะเข้าใจ สู้นิ่งไว้ดีกว่า สมดังคำโบราณที่ว่าพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง
“นี่เป็นไง สำนวนกินใจโคตรๆ ภูมิใจสุดๆล่ะนังโรดเอ๋ย”
และที่สำคัญดูเหมือนว่าคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจะไม่สำนึกตัวเสียด้วยซ้ำไป จึงได้แต่ยืนเม้มปากแน่นหันมายิ้มฝืดๆให้คนตรงหน้า พลางรวบเงินทั้งหมดใส่กระเป๋ากางเกง
“นี่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“ค่ะ”
พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ไลลา และส่งใบเสร็จให้ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณตามมรรยาทอีกครั้ง ในขณะที่แววตาของชายหนุ่มที่มองตามมาคล้ายจะหาเรื่องเต็มไปด้วยคำถามและความรู้สึกแปลกๆขณะลอบมองใบหน้าขาวใสไร้เครื่องสำอางที่สะบัดพรืดให้อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ก่อนจะจ้ำๆพรวดออกจากธนาคารไป แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะหึ หึ ในลำคอจากชายหนุ่มได้ทันที
“หึ หึ โรด...ชื่อแปลกแหะ...แต่ว่าโดนชะมัด”
คนยืนเท้าเอวมองตามสาวหน้าหมวยไปจนลับตาก่อนจะพูดกับตัวเอง
“อีตาบ้า ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
เสียงหวานบ่นอุบเมื่อหลุดจาดสายตาคมวาวของใครบางคนมาได้ ร่างปราดเปรียวก้าวฉับๆกลับมายังแมนชั่นในทันที แต่ไม่ลืมที่จะแวะร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยเสียก่อน ก่อนจะหอบหิ้วข้าวสารอาหารแห้งและของกินเล่นรวมถึงน้ำอัดลมมาถึงสามถุงใหญ่มาด้วย แต่เพราะความโลภทำให้เจ้าตัวลืมนึกไปว่าน้ำหนักของที่ซื้อมาเวลามันอยู่รวมกันแล้วหนักขนาดไหน
ดูจากท่อนแขนขาวสองข้างเกร็งจนเส้นเอ็นปูดโปนให้เห็นก็รู้ กว่าจะเดินมาถึงลิฟต์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดก็เล่นเอาหอบแฮกๆ ทั้งหนักทั้งเหนื่อยแถมร้อนอีกต่างหาก ก่อนที่ความอดทนทั้งหลายจะหมดลงและวางถุงในมือลงพื้นในที่สุด ก้มหน้าก้มตาลากมันเข้าไปในลิฟต์แทน
“ชั้น 20 ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เสียงหวานพูดขึ้นเบาๆ ขณะลากถุงในมือเข้าไปจนชิดขอบด้านใน ยืดตัวขึ้นยืนพิงลิฟต์โดยสารหอบแฮกเหงื่อตกอยู่ชั่วอึดใจ จึงค่อยสังเกตเห็นผู้ร่วมโดยสารอีกคนที่หน้าตายียวนคล้ายใครบางคนที่เคยผ่านตา ตากลมโตขุ่นเขียวขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะของที่ยืนมองอยู่ เสียงเข้มขึ้นจมูกแหวใส่ในทันที
“ยิ้มอะไร ไม่เคยเห็นคนถือของหรือไง”
“เคย...แต่ไม่เห็นใครเค้าขนซื้อมากเท่าคุณมาก่อน”
“เรื่องของฉัน”
“แน่ใจหรือว่าจะไปชั้น 20”
“ถามทำไมไม่ทราบ”
“เปล่าผมแค่แปลกใจ ที่คุณ...พักอยู่ชั้นนั้น”
“เพิ่งรู้ว่าผู้พิทักสันติราษฏ์สมัยนี้เค้าจะชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”
เสียงแหลมปรี๊ดพูดประชดใส่หน้าชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าพิงข้างฝาอย่างเหลืออด ทำเอานายตำรวจหนุ่มหุบยิ้มในทันที
“นี่คุณระวังจะโดนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานนะจะบอกให้”
“กลัวตายล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“แล้วผมไปทำอะไรให้ คุณถึงได้มาว่าผมอย่างนี้”
“เปล่า...ไม่ได้ทำอะไร แต่คุณตั้งใจกวนประสาทฉัน อย่างนี้เค้าเรียกว่าคุกคามทางเพศ รู้ไว้ซะด้วย”
“หัวหมอไม่ใช่เล่นนะเรา"
“ขอบคุณที่ชมแต่เปลี่ยนเป็นช่วยถือไอ้นี่ไปส่งให้จะดีกว่าค่ะ คุณตำรวจ”
“แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องช่วยคุณด้วย นั่น...ถึงชั้นผมแล้ว”
“แหวะ...ไหนใครบอกว่าตำรวจบริการประชาชนไงล่ะ ไม่เห็นจริงเลย”
ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ขยับจะก้าวออกไป แต่พอได้ยินคำสบประมาทจึงหยุดกึกหันกลับมามองคนข้างในทันที สายตาที่จ้องกลับมาขึงขังเอาเรื่องทำเอาทำเอาคนถูกจ้องเกือบใจเสีย ดีที่ว่ามือไวเท่าความคิดนิ้วเรียวรีบจิ้มปุ่มลิฟต์ปิดในทันที แต่ก็ยังช้ากว่ามือหนาสองข้างของคนที่เอื้อมมาดันประตูเอาไว้ ก่อนจะแทรกตัวตามมา ทำเอาคนที่เอื้อมมือมากดปุ่มถึงกับสะดุ้งอุทานออกมา
“อุ๊ย...แม่หกตกหล่น อะไรอีกล่ะทีนี้”
“เดี๋ยวจะหาว่าตำรวจไม่มีน้ำใจ”
เสียงเข้มพูดขึ้นลอยๆเมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทลง สร้างความงุนงงให้คนที่ยืนมองตามมาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะไว้ใจเท่าใดนัก ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหนอีก ในขณะที่อีกคนเองยังนึกแปลกใจในการกระทำห่ามๆของตนเอง ชั่วอึดใจประตูลิฟต์จึงเปิดออกอีกครั้ง มือใหญ่หนายกถุงสามถุงที่หนักอึ้งปลิวราวกับถือหมอน เดินนำลิ่วมาหยุดรอที่หน้าประตูห้องชั้นที่ 20 ตาคมวาวหันมาจิกคนที่เดินตามมาราวกับจะตั้งคำถามว่าแน่ใจนะว่าห้องนี้
แต่ไม่ทันมือเรียวที่ชูกุญแจห้องหราให้ดูก่อนไขประตูให้เปิดออก และรีบคว้าถุงจากมือของชายหนุ่มลากเข้าไปข้างในราวกับไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะข้าวของจะแตกหักป่นปี้อย่างไร พร้อมกับปิดประตูลงในทันที ทำเอาคนที่อุตส่าห์มีน้ำใจถือของมาให้ถึงกับแยกเขี้ยวใส่สบถออกมาเช่นกัน
“อะไรวะเนี่ย...ขอบคุณสักคำก็ไม่มี...ฝากไว้ก่อนยัยหมวย”
ขณะที่ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเดินไปที่ลิฟต์ เสียงแหลมใสของใครบางคนที่เปิดประตูออกมาอีกครั้ง ตะโกนไล่ตามหลังมาได้ยินแว่วๆ พอจับใจความได้ว่าขอบใจ ทำให้ใบหน้าเข้มคร้ามแดดสมชายชาตรีที่บึ้งตึงเมื่อชั่วครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาได้ในทันที
“ขอบใจนะ”
“แค่นั้นแหละ...ยัยหมวย”
ร่างสูงกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเจ้าตัวดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเดินอาดๆออกจากลิฟต์ที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนสุด มาหยุดที่ชั้น 15 ทางปีกซ้ายของแมนชั่นซึ่งห้องพักของตนเองก่อนจะไขประตูเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่ที่มุมปากเมื่อนึกถึงหน้าหมวยๆตาโตๆสวยถูกใจของใครบางคน
.
แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 53 11:42:45
| จากคุณ |
:
มนต้นไม้ (Setakan)
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 53 09:09:50
|
|
|
|