 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
ฝนกำลังตก ผมนั่งมองสายฝนจากในห้องทำงานชั้น 23 ของโรงแรมหรูที่ผมเฝ้าประคบประหงมดูแลจนกลายเป็นโรงแรมชั้นนำติดอันดับต้น ๆ ของประเทศนี้
มีคนบอกว่านักธุรกิจที่ทุ่มเทกับอะไรสักอย่าง ก็เหมือนพ่อที่หวงลูกสาวนั่นละ ฝันจะเห็นลูกสาวเติบใหญ่อย่างงดงาม และคอยเฝ้าดูไม่ให้เหลือบรินริ้นไรเข้ามายุ่ง แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ลูกสาวเติบโตพอจะเดินไปด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่ว่าจะรักสักแค่ไหน พ่อก็ทำได้แค่ถอยออกมายืนมองห่าง ๆ
ผมเคยหัวเราะกับความคิดนั้น แล้วพยักหน้าเห็นด้วยเพียงแค่ช่วงสุดท้ายเท่านั้น
ใช่...สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะรัก จะหวงสักเท่าไร คนเป็นพ่อก็ทำได้แค่ถอยไปยืนห่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อจะมองมาอย่างห่วง ๆ หรอกนะ แต่เพื่อที่จะทุ่มเทให้กับธุรกิจอื่นต่อไปต่างหาก เพราะนักธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง
3 ปีแล้วนะที่ผมเฝ้าดูแลลูกสาวแสนสวยอยู่ที่นี่ และเวลานี้ผมก็ควรวางมือให้ผู้จัดการทั่วไปที่จะถูกส่งมาใหม่เป็นผู้ดูแลต่อเสียที
ได้เวลาแล้วที่ผมจะไปทำอย่างอื่นต่อเสียที
ผมยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์เคลื่อนที่มากดเรียกหมายเลขที่ต้องการติดต่ออย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นาน เสียงหวานแปลมของคุณแม่ที่เคารพยิ่งก็ดังขึ้น
ว่าอย่างไร ลูกรัก...
จีเอ็มคนใหม่ของแม่จะมาเมื่อไรครับ
อีกสามอาทิตย์จ้ะ คุณแม่ทำเสียงเหนื่อยใจ ลูกถามแม่เป็นครั้งที่สิบแล้ว มีโครงการใหม่รออยู่ที่ไหนหรือไง ถึงได้รีบขนาดนี้
ผมหัวเราะในคอกึ่งจะยอมรับ คงดูอีกทีนั่นละครับ ถ้าไม่มีอะไรจริง ๆ ผมอาจจะกลับเมืองไทย
คุณแม่หัวเราะเสียงใสอย่างรู้ทันอีกจนได้ มิน่าล่ะ...เร่งให้แม่ส่งจีเอ็มไปเหลือเกิน อยากกลับจะแย่แล้วสิเราน่ะ
โธ่...แม่ครับ...ผมแค่ตรวจสอบให้แน่ใจ จะได้เตรียมส่งงานได้ไงละครับ
เถียงข้าง ๆ คู ๆ คุณแม่แกล้งทำเสียงดุเหมือนสาวน้อยที่พยายามขู่ใส่ผู้ชายที่เธอรักนั่นละ แต่ผมชินเสียแล้ว เมื่อไรที่คุณแม่อารมณ์ดี เธอจะเป็นอย่างนี้เสมอละ
อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าลูกซ่อนใครไว้ที่เมืองไทย
ไม่ซ่อนหรอกครับแม่...กับเธอ ผมอยากจะประกาศให้โลกรู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของผม ผมบอกหน้าตาเฉย
คุณแม่นิ่งไปครู่หนึ่ง คงจะแปลกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไป
แม่ดีใจที่ลูกคิดอย่างนั้น...แปลว่าลูกแม่รู้จักที่จะรักแล้ว
รักเหรอครับ...ขอให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เถอะ
เอาเถอะ...แม่จะรอดู ตอนนี้ลูกก็นั่งมองรูปเธอไปก่อนแล้วกัน อีกสามอาทิตย์แม่จะส่งจีเอ็มคนใหม่ไปให้ แล้วลูกจะเลือกกลับเมืองไทยหรือไปทำอะไรต่อก็ตามใจลูก
ขอบคุณครับแม่... ผมเอ่ยเบา ๆ แล้วดึงโทรศัพท์ออกเตรียมกดตัดสัญญาณ แต่เสียงใส ๆ ที่ดังลอดออกมาอีกครั้งทำให้ผมต้องฟังต่อ
เดี๋ยวก่อน...แม่ลืมไป เสร็จงานแล้วแวะมาหาคุณตาก่อนนะ
ผมตอบรับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงครุ่นคิดถึงความต้องการต่อไปของตัวเอง
ความจริงผมน่าจะนั่งมองรูปเธอไปก่อนอย่างที่คุณแม่บอก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีภาพของเธอ เพราะเธอเกลียดการอยู่หน้าเลนส์ เธอบอกว่าอะไรนะ อ้อ...ใช่ ฉันชอบอยู่หลังเลนส์มากกว่า มันทำให้ฉันรู้ว่า ความทรงจำที่อยู่หน้าเลนส์คือสิ่งที่กล้องไม่สามารถบันทึกได้
เพราะอย่างนั้นเธอจึงเลือกจะเป็นความทรงจำที่ไม่ต้องรอให้กล้องบันทึก แต่ค่อย ๆ ประทับภาพเข้ามาในใจผมช้า ๆ
ผมถอนใจเบา ๆ ปล่อยให้ภาพของเธอที่อยู่ในใจถูกแทนที่ด้วยลิสท์รายชื่อโครงการธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือ ผมค่อย ๆ ไล่ดูที่ละรายการด้วยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในสมองทุกครั้งที่เข้าประชุมคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารจากบริษัทใหญ่
แต่ผมก็ยังหาไม่เจอจริง ๆ โครงการที่ผมอยากทำมากกว่าการกลับเมืองไทย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่เลขาฯหน้าห้องจะนำเอกสารกองโตเข้ามาให้ผมเซ็น เธอวางเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วถามตามหน้าที่เลขาฯที่ดี บอสจะรับอาหารกลางวันที่นี่เลยไหมคะ
ผมขมวดคิ้วมองนาฬิกาบนโต๊ะ เพิ่งรู้ว่านี่เลยเที่ยงไปมากแล้ว คงเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ จนลืมเวลาอาหาร ผมพยักหน้ารับเบา ๆ อืม...ให้จัดมาเลยแล้วกัน
เธอเอ่ยรับคำเบา ๆ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง
ผมหลับตาลงอีกครั้ง น่าแปลกที่งานบนเรียกความสนใจจากผมไม่ได้เหมือนที่เคยเป็น และผมก็เชื่อว่าต่อให้ตอนนี้กระดานหุ้นที่มีตัวแดงเต็มหน้ามาอยู่ตรงหน้าผม มันก็คงไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาเลย เป็นความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนไม่อยากทำอะไร มันเบื่อและเคว้งเสียจนไม่รู้จะหันไปทางไหน
ทั้งที่เวลานี้ผมควรจะดีใจ งานกำลังจะเสร็จ และผมจะได้กลับไปพบเธออีกครั้ง
รอยยิ้มยังปรากฏขึ้นบนหน้าผมทุกครั้งที่นึกถึงเธอ...ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บอบบางคล้ายจะปลิวไปตามลม แต่หัวใจเธอมั่นคงจนผมกลัว เพราะเธอไม่ได้มั่นคงกับผม แต่เธอมั่นคงกับอิสระที่เธอรักนักนั่นละ
...Girl
we dont have to be near, But its clear in our heart, As were just apart, But the last you will be mine
เสียงเพลงเบา ๆ จากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ผมเปิดทิ้งไว้ดังออกมาเข้าหู เนื้อเพลงที่ทำให้ผมอดจะยิ้มออกมาไม่ได้
Girl
We dont have to know each whole, We own our heart, we have our right, But dont be so surprised, When you see my lifes along with yours
coz you are my love, coz you are my life, When you got me pass the night, I became alive for you
เสียงดนตรีที่ทอดอ่อนลงพร้อมกับเสียงร้องที่วิงวอนนั้นเป็นฝีมือกับฝีปากของผมเอง กระทั่งเนื้อร้องนั่นก็กลั่นมาจากความรู้สึกของผมล้วน ๆ
ผมถ่วงเวลาไว้นานทีเดียวกว่าจะทำซิงเกิ้ลนี้เสร็จ รอวันที่จะกลับไปพบเธออีกครั้งก่อนจะปล่อยเพลงนี้ออกมา ในหัวมีแต่ความคิดมากมายที่จะทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว จนผมรู้สึกคล้ายไม่เป็นตัวเอง
เหมือนผู้ชายช่างฝัน...ดูแปลก ๆ พิกล
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ผนังกระจกด้านขวามือของโต๊ะทำงาน เบื้องล่างเมื่อมองออกไปคือสระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์มขนาดใหญ่ ห่างไปไม่ไกลคือหาดทรายขาวทอดแนวยาว คลื่นยังซัดฝั่งเหมือนที่เคยเป็น เรียกนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้หลั่งไหลมา สร้างรายได้มหาศาลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวได้พอ ๆ กับมนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรม
ครั้งหนึ่ง ผมพาเธอไปที่ร้านกาแฟริมทะเล นั่งอู้อยู่ที่นั่นเกือบครึ่งวัน แล้วทำเป็นลืมว่าจะต้องเข้าประชุมตอนบ่าย จนเลขาฯคนดีโทร.มาเตือนนั่นละเธอจึงรู้ว่าผมอู้
แล้วผู้หญิงใจร้ายคนนั้นก็คลี่ยิ้มหวาน มองหน้าผมแล้วบอกว่า ฉันรู้ว่าคุณรู้หน้าที่ของตัวเองดี
วันนั้นผมได้แต่ถอนใจยาวแล้วรีบกลับไปให้ทันประชุม กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อวันที่เพื่อนผมบอกนั่นละว่าเธอมีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้ว
บนโลกนี้มีผู้หญิงเพียงสองคนที่ทำให้ผมยอมทำตามได้ หนึ่งคือคุณแม่ และสองคือเธอคนนั้น โชคดีที่เธอไม่ค่อยใช้ความสามารถนี้มากนัก ตรงกันข้ามกลับพยายามบอกซ้ำ ๆ ว่าเราไม่ได้ผูกมัดกัน และเราไม่จำเป็นต้องทำตามความต้องการของอีกฝ่ายเสมอไป อาจเพราะเธอเป็นย่างนี้เอง ผมจึงไม่สามารถถอนใจจากเธอได้ เหมือนฟองคลื่นที่ซัดเข้าหาหาดทรายครั้งแล้วครั้งเล่า
บางที...นี่คงจะเป็นความรัก ที่ทำให้ผมหาเหตุผลในการจะก้าวไปที่อื่นไม่พบ และจบลงด้วยความมั่นใจที่จะคว้าเธอมายืนข้าง ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับแม่บ้านประจำชั้นที่เข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง ก่อนจะนำไปจัดวางไว้ที่โต๊ะด้านข้าง
ฝนหยุดแล้วสินะ... ผมเปรยขึ้นเบา ๆ
ค่ะบอส...
เธอตอบก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ผมได้แต่ถอนใจเบา ๆ ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยจะเป็นอย่างไร เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบฝนเสียด้วย เธอบอกว่ามันเฉาะแฉะ และน่ารำคาญ
แต่บางครั้ง...การเจอฝนบ้าง ก็ทำให้เรารู้นะว่าวันที่มีแดดน่ะดีแค่ไหน น่าแปลกที่คำพูดนี้มากจากผู้หญิงคนเดียวกัน เธอมีความขัดแย้งในตัวเองอย่างประหลาด และนั่นทำให้เธอมักจะมองสิ่งต่าง ๆ จากหลาย ๆ ด้านอยู่เสมอ
ฝนหยุดแล้ว อีกไม่นานตะวันก็จะฉาย เมฆจะเคลื่อนออกห่างเปิดทางให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามา แล้วโลกก็จะสดใสเหมือนเดิม
ฟ้าหลังฝนจะงดงามเสมอใช่ไหม... ผมกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง
แล้วเมื่อฝนหยุด คุณจะเห็นค่าของดวงตะวันบ้างหรือเปล่า...
คำถามมากมายรออยู่ในใจผม มีแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่จะตอบได้ และอีกไม่นาน เมื่อตะวันฉาย ผมจะไปเอาคำตอบจากเธอ
------------------ เนื่องจากบทนี้ค่อนข้างสั้น ไอซ์จึงสมนาคุณพิเศษ บทต่อไปค่ะ
ความรักที่เลือนหาย(Unforgetable Love) ก่อนอ่าน ต้องขออภัยสำหรับท่านที่เคยอ่าน "ก่อนวันสิ้นปีกับความรักที่ไม่เคยจางหาย" มาแล้ว สารภาพว่าเป็นเรื่องเดียวกันค่ะ
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
18 มิ.ย. 53 17:06:11
|
|
|
|
 |