Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 5 - ผู้ช่วยเหลือ  

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

ยังเปิดโหวตตัวละครที่ชอบอยู่ และเจ้ากระรอกแดงแนะนำน้องๆ อาเมียร์ทั้งสา่มคนครับ :)

* * * * *

ขอบคุณคุณ Mnemosyne กับน้องแตม สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ต้องรอดูต่อไปครับ :)

น้องแตม - คงเป็นทั้งสองอย่างละครับ ทั้งหาเรื่องและเรื่องวิ่งเข้ามาหาเอง

เขาว่าในเรื่องของตัวเอง คนเราจะฉลาดน้อยกว่าเรื่องของคนอื่น (เพราะอารมณ์มันบังตา) ของเจ้ากระรอกก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ^^a

* * * * *

บทที่ ๕
ผู้ช่วยเหลือ


ท่ามกลางความอลหม่านและเสียงอึกทึกรอบด้าน แขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งของหมู่บ้านแค่นยิ้ม ขณะฉุดข้อมือ ‘สินค้า’ ชิ้นหนึ่งที่ตนคว้ามาได้ มุ่งไปยังเกวียนที่พรรคพวกจอดรออยู่

ทีแรก ‘สินค้า’ ดื้อด้านชิ้นนั้นกรีดร้อง และพยายามสะบัดมือหนี แต่พอเขาหันไปเอาดาบจ่อคอ แถมตวาดซ้ำอีกครั้ง ก็ก้าวซวนเซตามมาโดยดี

ว่าไป เขาก็อยากเร่งให้ถึงเช้าโดยเร็ว กลับไปถึงรังแล้วจะได้ดูหน้าตาเจ้าหล่อนชัดๆ ว่าน่ามองขนาดไหน แล้วจะได้พักผ่อนให้สำราญเหมือนทุกครั้ง เพื่อคุ้มค่าเหนื่อยแรงในคืนนี้เสียหน่อย

เขามองแต่ความสุขที่รอคอยไว้ แต่แล้วกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่เคยคาดคิด บนแผ่นหลัง

สิ่งสุดท้ายที่โจรนั้นรับรู้นอกจากความเจ็บปวด คือเสียงกรีดร้องของ ‘สินค้า’ ซึ่งเพิ่งหลุดจากมือ เขาล้มฟุบลงโดยไม่ทันได้เห็นอาวุธ หรือคนที่ถือมันในมือ และเพิ่งปราดเข้ามาฟันตนเมื่อครู่ก่อนหน้าเลยด้วยซ้ำ

“เฮ้ย!”

“ใครวะ!”


อาเมียร์ไม่ตอบเสียงตะโกนเหล่านั้น แต่ผละจากทั้งร่างไร้วิญญาณของโจรและเด็กสาวที่เพิ่งวิ่งหนีเซอะเซิงไป เพื่อหันมารับมือกับโจรอีกสองคนซึ่งเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่

เด็กหนุ่มแทงมันคนหนึ่งเข้าจุดตายที่อกได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหมุนตัวพร้อมกับชักมีดสั้นออกมาปาดคออีกคน ดีที่ความมืดพรางไม่ให้เขาเห็นภาพเลือด และผ้าที่มัดคาดปิดใบหน้าตั้งแต่จมูกลงมาก็ช่วยกันกลิ่นเลือดได้มาก

วิ่งต่อไปอีกสักระยะ เขาก็เห็นเป้าหมายของตน ที่ท้ายหมู่บ้านมีเกวียนอยู่สองเล่ม บนเกวียนแต่ละเล่มมีเด็กและผู้หญิงเบียดเสียดกันอยู่กว่าสิบคน โจรสี่คนที่เฝ้าข้างหลังเกวียนเห็นเขาแล้วและวิ่งเข้ามา...

แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศ

โจรคนหนึ่งผงะหงาย เหตุคือลูกธนูที่ปักคาอกอย่างเหมาะเหม็ง

อาเมียร์เหลียวกลับไป เห็นร่างหนึ่งถือคันธนูอยู่ในเงาตะคุ่ม พร้อมกับเงาร่างที่สูงกว่าอีกหนึ่ง ร่างหลังนี้เองพุ่งปราดไปข้างหน้าพร้อมกับดาบในมือ ทำให้เด็กหนุ่มไม่มีเวลาพูดอะไร และต้องรีบวิ่งไปยังเกวียนเช่นกันขณะที่ชายผู้ถือธนูเล็งยิงโจรร่วงไปเป็นคนที่สอง

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ถ้ามาช่วยพวกเราก็ยินดีมาก!” ชายถือดาบพูดขึ้น

“สถานการณ์แบบนี้...ข้าคงบอกไม่ได้ว่ายินดี แต่ข้าเป็นมิตรของพวกท่านแน่!” เด็กหนุ่มตอบหลังจากฟันโจรอีกคนล้มลงไป ขณะที่นักดาบซึ่งเขายังไม่รู้จักชื่อปัดดาบของโจรที่เหลือเป็นคนสุดท้ายแล้วแทงสวน เมื่อเขาถอนดาบ ร่างของมันก็ทรุดลง

ไม่เหลือโจรที่มุ่งหน้าเข้าหาพวกเขาอีกแล้ว ทว่าเกวียนทั้งสองเล่มเริ่มเคลื่อนออกไป...พร้อมกับเสียงร้องไห้ระงมของเชลยบนนั้น

เด็กหนุ่มลอบสบถอยู่ในใจขณะวิ่งกวด นึกเสียดายที่เขาไม่ได้ขี่ม้าเข้ามาถึงในหมู่บ้าน แต่อาเมียร์ก็ตระหนักได้ว่าม้าตัวนั้นเป็นม้าสำหรับขนของ ไม่ใช่วิ่งเร็วหรือสู้รบ ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งเขากับมันก็ยังไม่คุ้นเคยกัน หากต้องสู้บนหลังม้าทั้งไร้อาน ย่อมทำได้ไม่สะดวก

อย่างไรก็ดี ขณะที่เขาไม่รู้เลยว่าจะหยุดเกวียนของพวกโจรได้อย่างไร ใครคนหนึ่ง...หรือที่ถูกควรจะเป็นอะไรตัวหนึ่ง...ก็ช่วยทำเช่นนั้นแทน

นัยน์ตาเรืองแสงเหลือบเขียวปรากฏขึ้นบนทางเบื้องหน้าพร้อมเสียงคำรามลั่น ที่ตามมาคือเสียงร้องตื่นๆ ของม้าและสบถขรมของผู้ขับเกวียน

“ดีมาก ควิน!”

นักดาบผู้พูดวิ่งผ่านหน้าเขา ฟันที่ล้อไม้ของเกวียนเล่มหนึ่งให้หัก อาเมียร์จึงวิ่งไปทำเช่นเดียวกันกับเกวียนอีกเล่ม แล้วจึงหันไปรับดาบของโจรขับเกวียนที่กระโดดลงจากที่นั่ง และปราดเข้าหาตน อาเมียร์ถีบมันจนเซ ก่อนจะลงดาบปลิดชีวิต และหันไปทางเหล่าเชลยบนเกวียนซึ่งพากันร่ำร้อง

“ช่วยด้วย!”

“ช่วยพวกเราด้วย!”


ต่อให้เกวียนหยุดนิ่งแล้ว ทุกคนก็ไม่อาจหนีเพราะข้อมือข้างหนึ่งถูกล่ามด้วยโซ่ ซึ่งเชื่อมติดกับขอบลูกกรงไม้กั้นรอบเกวียนสูงราวเอว อันเป็นลักษณะเฉพาะของเกวียนขนทาส

ไม่มีลูกกุญแจ จะไปค้นจากศพของโจรขับเกวียนก็คงไม่ทันการ เพราะเขาเห็นว่ากำลังเสริมของพวกมันเป็นสิบคนกำลังใกล้เข้ามา เด็กหนุ่มได้แต่ผละจากเกวียนตรงไปรับมือศัตรู ทิ้งเพียงคำบอกสั้นๆ

“รอเดี๋ยว!”

ดาบกับมีดสั้นที่เขาถือไว้อย่างละข้างขยับฟาดฟันรวดเร็วใส่โจรสองสามคนแรกที่บุกเข้ามา และไม่นาน นักดาบอีกคนก็ตามมาสมทบ อาเมียร์เพิ่งได้เห็นใกล้ๆ ว่าฝีมือของเขาไม่เลวทีเดียว แม้ทางดาบจะต่างจาก ‘พ่อ’ ที่เด็กหนุ่มคุ้นเคยไม่น้อย ต่างคนคอยระวังหลังให้กัน แม้จะไม่มีช่องว่างสื่อสารด้วยคำพูด

ทว่าพวกโจรก็พยายามบีบล้อมเข้ามาด้วยจำนวนที่มากกว่า อาเมียร์สังเกตเห็นโจรคนหนึ่งจ้องเล่นงานนักดาบ แต่ทั้งเขาและตัวเป้าหมายเองกำลังสาละวนกับการรับหน้าศัตรูคนอื่นอยู่ เด็กหนุ่มทำได้เพียงตะโกน

“ระวังทางซ้าย!”

ชั่วครู่นั้น โจรทางซ้ายกลับร้องออกมาก่อนจะทรุดลงไปเสียเฉยๆ

เหตุคือมีดสั้นที่แทงเข้าข้างหลังจนมิดด้ามทะลุอก อาเมียร์แทบไม่ทันเห็นเมื่อร่างเพรียวบางเจ้าของมีดปราดไปหาโจรอีกคนอย่างรวดเร็ว แต่เขาเองก็ไม่มีเวลามองให้ถนัด เนื่องจากต้องหันกลับไปสนใจโจรที่จ้องเล่นงานตน เขาได้ยินแต่เสียงนักดาบพูดอยู่แว่วๆ เป็นเครื่องยืนยันว่ารู้จักผู้ใช้มีดสั้นคนนั้น

“ขอบใจมากเกล!”

ไม่มีเสียงตอบจากชายที่ถูกเรียกว่า ‘เกล’ แม้ทั้งสามจะกำจัดโจรที่เหลืออยู่จนหมดได้ในครู่ต่อมา เมื่อนั้นเอง เด็กหนุ่มจึงสังเกตว่าผู้ใช้มีดสั้นกับนักธนูในตอนต้นน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะชายคนนั้นยังมีคันธนูคล้องไหล่และกระบอกลูกศรสะพายหลัง

นักดาบหันมาถามอาเมียร์ หลังจากโจรคนสุดท้ายล้มลงด้วยดาบของเขา

“หมดแล้วใช่ไหม”

เด็กหนุ่มกวาดมองโดยรอบ ฟ้ายังมืด ทำให้ยากจะมองหาโจรคนอื่นๆ แต่เท่าที่เขารู้สึกในตอนนี้...

“คงใช่”

แต่แล้ว นักธนูก็วิ่งลิ่วไปอีกทางหนึ่งด้วยความเร็วราวกับตัวลอย พร้อมกับโบกมือบอกให้ทั้งสองตามไปโดยไม่พูดอะไร

ที่อีกฟากหนึ่งของหมู่บ้านยังมีเกวียนอยู่อีกสองเล่ม และเกวียนทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนออกไปแล้ว อาเมียร์สบถในใจอีกครั้ง เกวียนทั้งสองอยู่ห่างเกินกว่าจะวิ่งไปถึงได้ทัน และนักธนูก็คงไม่กล้าเสี่ยงยิง

บ้าเอ๊ย! ถ้าแค่ทำอะไรกับล้อเกวียนได้ละก็...

มีเสียงดังกร็อบจากเกวียนเล่มหนึ่ง อาเมียร์กะพริบตาปริบๆ อย่างประหลาดใจเมื่อเห็นล้อข้างหนึ่งของเกวียนหนึ่งในสองเล่มทรุดหักเหมือนกระแทกของแข็ง แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น เพราะชายอีกสองคนวิ่งนำหน้าไปยังคนขับเกวียนเรียบร้อยแล้ว

เด็กหนุ่มวิ่งตาม พร้อมกันนั้นก็ภาวนาให้ล้อเกวียนอีกเล่มหักลงเช่นกัน ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นผล เกวียนอีกเล่มยังคงแล่นโกกเกกไปตามทาง ในขณะที่ทั้งสามรับมือกับโจรผู้คนขับเกวียน และโจรอีกห้าคนที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางหมู่เชลยบนเกวียนซึ่งกระโจนลงมากลุ้มรุม แต่ที่สุดก็มีอันต้องจบชีวิตด้วยดาบและมีดสั้นอย่างละสองเล่มของชายสามคนในอีกไม่ช้า

“คราวนี้หมดจริงๆ แล้วใช่ไหม” นักดาบถามเมื่อหมดศัตรูที่ต้องจัดการ

“ถ้าไม่นับเกวียนที่ไปแล้วคงใช่” เด็กหนุ่มรีบพูดขณะตัดเชือกผูกม้าเทียมเกวียนที่เหลือ “พวกท่านพอช่วยพวกชาวบ้านที่นี่ได้ใช่ไหม ข้าจะรีบตามพวกมันไป”

“ตัวคนเดียวน่ะหรือ” นักดาบตั้งคำถาม

“ถ้าจำเป็น ต้องช่วยพวกเชลยให้เร็วที่สุด!” อาเมียร์พูดเสียงกร้าวขณะดึงบังเหียนให้ม้าเดินออกมา มันยังตื่นและดื้ออยู่บ้าง

ใช่...เขาจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกว่านี้อีกไม่ได้ มิเช่นนั้นคงมีเหยื่ออย่างลีชา หรือเลวร้ายกว่านั้น...

“เกล” นักดาบเรียก ชายผู้ใช้ธนูและมีดสั้นพยักหน้ารับ “ตามควิน แล้วก็เอาม้าสองตัวของพวกมันมานี่ ข้าจะรีบไปบอกซานาแล้วรีบกลับมา”

เกลพยักหน้าอีกครั้ง แล้วก็วิ่งลิ่วไปด้วยฝีเท้าซึ่งยิ่งยืนยันต่ออาเมียร์ว่าชายคนนั้นว่องไวเกินคนธรรมดาอย่างเหลือเชื่อ เขามองเกลวิ่งจากไปตะลึงอยู่ จนนักดาบหันกลับมาพูดด้วย

“เดี๋ยวเราสามคนไปด้วยกัน ข้าขอเวลาไปบอกเพื่อนร่วมทางครู่หนึ่ง คงไม่เสียเวลามากใช่ไหม”

นั่นทำให้เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่าตนก็มี ‘เพื่อนร่วมทาง’ เช่นกัน ขืนอาเมียร์ดึงดันตามพวกโจรไปโดยทิ้งแอชไว้ในเกวียนกลางป่าคนเดียวโดยไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อใด เธอก็คงเป็นห่วงและไม่สบายใจมาก

แล้วอีกอย่าง...ถึงพวกมันมีเกวียน ก็ยังบรรทุกคนเต็มเพียบเป็นสิบๆ ขึ้นไป เทียบกับชายสามคนบนหลังม้าคนละตัว ฝ่ายหลังย่อมไล่ตามทันได้ในเวลาไม่นาน

“ข้าก็มีเพื่อนร่วมทางเหมือนกัน” อาเมียร์ตัดสินใจพูด “อยู่ในเกวียนนอกหมู่บ้าน เดี๋ยวข้าจะไปพาพวกเขามาที่นี่ แล้วค่อยตามพวกโจรไป ขอให้พวกท่านรอด้วย”

ครั้นได้เสียงตอบรับ เด็กหนุ่มก็เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้าที่เพิ่งปลดมา แล้วควบไปทันที

* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 53 22:07:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com