ความคิดเห็นที่ 1 |
ภาพที่ผ่านสายตาของอาเมียร์กลับเป็นถนนลูกรังแคบๆ ขนาบข้างด้วยบ้านเก่าซอมซ่อซึ่งเคลื่อนผ่านไปโดยเร็ว
ก้มลงก็เห็นเท้าเปลือยเปล่าของเด็กไม่เกินสิบขวบวิ่งไปอย่างไม่เหนื่อยอ่อน ส่วนมือกำถุงเงินแน่น ความรู้สึกนึกคิดผุดขึ้นในใจราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของเท้านั้น เปี่ยมล้นด้วยความดีใจว่าตนทำสำเร็จ ถึงจะเป็นเงินที่ได้จากการลักขโมย เขาก็ยังหามาได้ด้วยมือของตนเอง หากได้เห็นเงินถุงนี้แม่คงจะดีใจ แม่จะได้ไม่ต้องออกไปทำงานอีก
เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน...เพียงเพื่อพบกับภาพที่ทำให้ดวงตาเบิกโพลง ถุงเงินร่วงลงพื้น เหรียญน้อยใหญ่กลิ้งกระจัดกระจาย
เก้าอี้ไม้เก่าๆ ล้มตะแคงอยู่ข้างโต๊ะ เท้าเปลือยเปล่าโผล่พ้นชายกระโปรง ห้อยต่องแต่งลงมา
บางสิ่งห้ามเขาไม่ให้เงยมองสูงกว่านั้น...แต่เขาก็ทำลงไปจนได้
พอ...พอกันที! อาเมียร์รู้สึกเหมือนตนหลับตาลง ทว่าไม่อาจห้ามภาพนั้นให้ปรากฏในการรับรู้ เช่นเดียวกับภาพในเวลาต่อมา...เมื่อเด็กชายวิ่งเข้าไปในบ้านพลางตะโกนชื่อน้องสาวทั้งสอง แล้วก็พบพวกแกนอนหลับสนิทบนเตียงราวกับนางฟ้าน้อยๆ
...ซึ่งคงกลายเป็นนางฟ้าไปจริงๆ แล้ว เพราะร่างของทั้งสองเย็นเฉียบซีดขาว รอยช้ำเขียวเหมือนนิ้วมือยาวและผอมเกร็งประทับบนลำคอ...
ภาพเบื้องหน้าสายตาเปลี่ยนไป...อาเมียร์เห็นเท้าในรองเท้าไม้เหวี่ยงเข้ามาเต็มแรง จากนั้นคือความมืด ความเจ็บของการกระแทก และอาการจุกที่ท้อง...
เหมือนสายตาพร่ามัวลืมขึ้น...เห็นเส้นแบ่งระหว่างพื้นกับผนังแทบเป็นแนวดิ่ง เก้าอี้ไม้เก่าๆ ล้มตะแคงแทบเป็นมุมเดิมกับภาพที่เคยเห็น แต่ที่เบียดชิดผนังคือหญิงคนหนึ่งในชุดชาวบ้านซอมซ่อ ยังอยู่ในวัยสาว แต่ดูซูบโทรมไม่มีน้ำมีนวล แก้มข้างหนึ่งบวมช้ำ เด็กผู้หญิงเล็กๆ สองคนเกาะกระโปรงของนาง สีหน้าของนางหวาดหวั่น ขณะที่เด็กทั้งสองร้องไห้ คนหนึ่งมีน้ำตานองหน้า ทว่าอีกคนไม่มีกระทั่งดวงตาจะให้หลั่งน้ำตา หรือแม้แต่มองดู
...แม่...กับน้องๆ...
แล้วก็ร่างหนึ่งที่ยืนค้ำร่างขดคุดคู้ของเขา ร่างที่สูงใหญ่ และปรากฏเป็นเงาทะมึนในคืนไร้ตะเกียง
"สวะเอ๊ย!" ร่างนั้นกระแทกเท้าลงมาอีกครั้ง บนสองแขนที่เขาพยายามยกขึ้นป้องกันใบหน้าอย่างป้อแป้ "เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกชัดๆ!"
...พ่อ...เป็นอย่างนี้เสมอ...ตั้งแต่เขาจำความได้...พ่อเรียกลูกๆ ทุกคนว่า 'สวะ' 'มารหัวขน' หรือ 'ลูกไม่มีพ่อ'...พ่อไม่เคยยอมรับทุกคนเป็นลูก...ไม่เคยยอมรับแม่เป็นเมีย...
...เพราะทั้งสองผูกพัน...หรือที่ถูกคือควรเรียกว่าถูกมัดติดกันด้วยเงื่อนตายที่ไม่อาจคลาย...ซึ่งเรียกว่า 'งาน'...
งาน...ที่เขาในฐานะลูกชายคนโตต้องปฏิบัติเมื่อพ่อไม่ว่าง เขามีหน้าที่พาแม่ออกไปข้างนอกแทนพ่อ เจรจากับลูกค้าและเก็บเงินให้ได้ครบตามจำนวน งานที่ในทีแรกเขาปฏิเสธเสียงแข็ง ก็ทุกครั้งแม่กลับมาด้วยสีหน้าระทมทุกข์ ก็หลายครั้งแม่มีรอยแผลรอยฟกช้ำตามใบหน้าและเนื้อตัว ก็บางครั้งแม่อาเจียนและมีอาการที่ทำให้พ่อยิ่งโมโห ทุกครั้งจบลงด้วยการที่พ่อซื้อสมุนไพรบางอย่างมาให้แม่ต้มยากิน แล้วจากนั้นแม่ก็จะนอนซมจนไม่ต้องออกไปทำงานราวครึ่งเดือน...ในบ้านที่อวลด้วยกลิ่นคาวเลือด ก่อนทุกอย่างจะคืนสู่สภาวะปกติ
มีไม่ปกติบ้างครั้งสองครั้ง...คือครั้งที่แม่ของเขาให้กำเนิดน้องสาวทั้งสอง น้องสาวคนแรกรอดทั้งจากยาและมือเท้าของพ่อในตอนก่อนคลอดได้อย่างน่าอัศจรรย์ แกเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก แต่ก็ผ่ายผอมเพราะไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆ และหวาดกลัวพ่อเป็นพิเศษ แต่น้องสาวคนที่สองนั้นไม่มีดวงตาตั้งแต่เกิด มีเพียงเปลือกตาที่ปิดสนิท ราวกับปฏิเสธที่จะรับรู้ภาพอันไม่น่ามองใดๆ ก็ตามในบ้านหลังนี้ และมีแต่เสียงอืออาอ้อแอ้ที่ไม่มีวันเปล่งเป็นถ้อยคำ แกมักจะร้องไห้ตกใจเพราะเสียงดัง แต่ไม่เคยเข้าใจคำพูดที่พ่อเรียกแกว่า 'ลูกปีศาจ'
อาเมียร์ยังคงรับรู้ต่อไป...ราวกับทุกซอกมุมของชีวิตอีกฝ่ายถูกถ่ายทอดต่อเขาในทันที...อย่างไม่ปะติดปะต่อ กระนั้นเขาก็พอจับได้คร่าวๆ ว่าเด็กชายหนีจากบ้านและทิ้งพ่อของตนไว้เบื้องหลัง...ผ่านการฉกชิงวิ่งราวและขอทาน ผ่านการถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ซ้อม หรือโบยตีก่อนจะปล่อยตัวในไม่กี่วันต่อมา...โดยไม่มีที่ไปเช่นเดิม เพียงเพื่อถูกชักจูงเข้ากองโจรหนึ่งเมื่อกลายเป็นเด็กหนุ่ม
ทีแรกเขาติงตนเองว่าการปล้นฆ่าเป็นบาป แต่แล้วก็นึกโมโหผู้ที่เคยสอนเขาเช่นนั้น...ซึ่งกลับปลิดชีวิตของนางเองกับลูกๆ อีกสองคนได้ลงคอ ทิ้งเขาเอาไว้เพียงลำพัง เด็กหนุ่มรู้แต่ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความฟอนเฟะ เขากอบโกยความสุขเข้าตนเอง สวาปามสุราอาหารดีๆ อย่างตะกละตะกลามโดยไม่กลัวเกรงว่าจะสำลักหรือท้องแตกตาย สิ่งใดที่อยากได้...เขาก็ปล้นเอามา หรือใช้เงินที่ได้ปันส่วนจากการปล้นมาซื้อหาบำเรอตน ไม่เว้นแม้แต่ความสุขที่ตนเคยสะอิดสะเอียนในวัยเด็ก
ใบหน้าเจ็บปวดของเด็กสาว...หญิงสาว...รวมทั้งเด็กที่ยังไม่เข้ารุ่นสาวผุดขึ้นในคลองจักษุของอาเมียร์หลายต่อหลายคน ท่ามกลางเสียงพูดคุยและหัวเราะอย่างคะนองของเหล่าเพื่อนโจร บนใบหน้าเหล่านั้นมีน้ำตา...ความขยะแขยงหวาดกลัว...นัยน์ตาเบิกโพลงหวาดหวั่น เลื่อนลอย หรือปิดแน่น...ริมฝีปากที่อ้ากว้างกรีดร้องหรือปิดสนิทอย่างคนข่มใจ...หรือแม้กระทั่งความนิ่งเฉยไร้อารมณ์ใดๆ ที่พึงมีอย่างมนุษย์...คล้ายคลึงกับลีชา
มีบางครั้งที่เด็กชายซึ่งโตเป็นหนุ่มสะท้อนใจถึงแม่ของตน และน้องสาวที่แม่อาจพาไปด้วยเพื่อไม่ให้ประสบชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่านี้ แต่ครู่ต่อมาเขาจะกลบฝังมันไว้ บอกตนเองว่าโลกก็เป็นเช่นนี้ หากต้องการความสุขก็ต้องไขว่คว้ามาทุกวิถีทาง และทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่มีหรอกนรกสวรรค์ ไม่มีใครที่จะลงโทษพวกเขา...หากไม่ถูกทางการอันแสนหละหลวมจับตัวได้
นังผู้หญิงพวกนั้นมันดื้อด้านเอง หากยอมพวกเขาแต่ต้น หรือยอมรับแขกที่หอโคมแดงซึ่งพวกเขาเอาตัวไปส่ง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังบังคับกันให้เสียแรง แล้วพวกมันก็ซวยเอง ซวยที่เกิดมาหน้าตาดี ซวยที่มาอยู่ในหมู่บ้านที่พวกเขาตัดสินใจปล้น ซวยที่ถูกพวกเขาจับตัวไว้ได้ ซวยที่เกิดมาเป็นผู้หญิง
...ก็เท่านั้น...
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 53 21:45:15
|
|
|
|