Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 6 - อำนาจที่ตื่นขึ้น - "ข้าเป็นคนทรง"  

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

เจ้ากระรอกแดงกำลังจะแนะนำเจ้าหญิง โพสท์เนื้อหาตอนนี้เสร็จแล้วจะรีบจัดการลงครับ :)

* * * * *

ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - เกลเป็นใบ้จริงๆ ครับ ในเรื่องจะบอกไว้ว่าได้รับบาดเจ็บจนเส้นเสียงขาด ^^a

น้องแตม - อืม เกลเป็นนักธนูคนแรกของภาคนี้จริงๆ ด้วยสิ :D ส่วนซานาก็หมอหญิงที่มีชื่อคนแรกของภาค แต่เป็นญาติกับตัวละครหมอในอีกภาคที่ยังไม่ได้รีไรท์ลงที่นี่น่ะครับ (คงมีคนถามแน่ ว่าสรุปแล้วเรื่องนี้มีกี่ภาค ^^a)

* * * * *

บทที่ ๖
อำนาจที่ตื่นขึ้น


“ท่านดูลัสอุตส่าห์มาหาข้า เพื่อถามเรื่องนี้โดยเฉพาะเชียวหรือ” มาดายพูดราวกับขันน้อยๆ

ดูลัสตัดสินใจยกข้อสงสัยของเคียรามาเป็นคำถามแรกในการเข้าพบนักบวชชรา ซึ่งย้ายมาพักในเรือนรับรองของอารามประจำเมืองหลวงแทนที่คฤหาสน์ของตระกูลเขา หลังจากองครักษ์หนุ่มเองเสร็จสิ้นการตรวจหลักฐานและหาข้อมูลเท่าที่ทำได้ในเมืองหลวง

“ที่จริงมีเรื่องอื่นๆ อีก แต่ข้าคิดว่าเริ่มถามเรื่องนี้ก่อนให้แน่ใจก็ดี” ชายหนุ่มแก้คำพูด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดี...เมื่อนึกไปว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ที่ผู้มีการศึกษาเช่นเขาทำราวกับเชื่อเรื่องเวทมนตร์งมงายเช่นนี้

“อือม์...” มาดายเอนหลังพิงเบาะกำมะหยี่ สีหน้าครุ่นคิด “ข้าคิดว่านั่นเป็นคำถามที่...น่าสนใจมาก”

“น่าสนใจ...ในแง่ใด”

“ก็...ในแง่จุดประสงค์ที่แท้จริงของชายชื่ออาเมียร์น่ะสิ” นักบวชชราเอ่ยช้าๆ “หากคุมเจ้าหญิงของพวกท่านได้...ก็เท่ากับคุมธีร์ดีเร จริงหรือไม่”

“ท่านมาดายหมายความว่า...มันอาจใช้มนต์เสน่ห์หรือมนต์สะกดให้เจ้าหญิงแอชลีนน์ยินยอมอภิเษกกับชาลัวห์หรือ”

“อะไรกัน ท่านเชื่อหรือว่าเขาร่วมมือกับชายคนนั้น” มาดายกลับถามอย่างประหลาดใจ

องครักษ์หนุ่มหรี่ตาลงขณะอธิบาย

“ที่จริง ก่อนหน้านี้ข้าคิดไว้บ้าง ว่ามันอาจมีจุดประสงค์ของตัวเอง แต่ในเมื่อมันพาชาลัวห์ไปด้วย ทั้งที่ชาลัวห์เป็นคนฆ่าเจ้านายเก่าที่มันเหมือนจะภักดี ก็น่าจะหมายความว่าทั้งสองคนร่วมมือกันตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ที่แสดงตัวเป็นไม่ถูกกันอาจเป็นแผนการให้คนอื่นตายใจก็ได้”

ใช่ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งประจวบเหมาะกันเกินไป ครอบครัวของเด็กหนุ่มอยู่กลาสเดลได้ไม่นานก็มีโจรบุกปล้นให้มันกับพ่อได้แสดงฝีมือ แต่แทนที่เจ้ามณฑลชอร์ซาจะดึงทั้งสองมาเป็นพวกแทนโจรกระจอกให้สมความสามารถ...ก็กลับขับไล่ไสส่ง โดยมีพิรุธข้อใหญ่คือนายอำเภอชาลัวห์เป็นผู้ทำหน้าที่นั้นเอง

และถึงจะแสดงตัวว่าไม่ถูกหน้ากัน แต่ตอนอยู่ในคุกกรงน้ำก็ยังมีข่าวว่าอาเมียร์ใช้เวทมนตร์ฆ่าหัวหน้าราชมัลเพราะอีกฝ่ายคิดจะนำตัวชาลัวห์ออกมาทรมานต่อ ทั้งๆ ที่ตนเองรอดพ้นแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องคนที่อาจฆ่านายของตน และทำให้ตนถูกใส่ร้ายเลยแม้แต่น้อย

ทว่า...เขากลับคิดแย้งขึ้นมาได้ตอนนี้ หากร่วมมือกับชาลัวห์จริง ทำไมอาเมียร์จึงไม่ปล่อยให้เขากับเฟลิมถูก 'นาย' ของมันตีแตกไปในรอบที่สองเลย หากเป็นเช่นนั้น เส้นทางสู่การเป็นพระคู่หมั้นของลูกชายเจ้ามณฑลชอร์ซาจะยิ่งปลอดโปร่ง ทำไมถึงต้องทำให้เฟลิมชนะแล้วค่อยฆ่าทีหลัง และทำไมจึงไม่ใช้เวทมนตร์ปกป้องชาลัวห์จากการถูกทรมานในตอนนั้น ในเมื่อสามารถป้องกันตนเองได้อย่างเหนียวแน่นแท้ๆ

...แสดงว่ามีอะไรมากกว่านั้น...

หากเขาเป็นคนอย่างอาเมียร์ คงมีแต่แสร้งสวามิภักดิ์ต่อนายที่บกพร่องทั้งสติปัญญา ความเป็นผู้นำ และคุณธรรมอย่างชาลัวห์เพื่อเป้าหมายอย่างอื่นมากกว่า

“หรือว่า...” ดูลัสแย้งคำพูดของตนเมื่อครู่ “มันไม่ได้ร่วมมือกับชาลัวห์ แต่หลอกใช้?”

มาดายพยักหน้า

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ชายชราเอ่ยขึ้นบ้าง “ท่านดูลัสจำได้ไหม ตอนถูกทรมาน ชาลัวห์ซัดทอดว่าอาเมียร์คือชายสวมผ้าคลุมที่เสนอให้เขาใช้เวทมนตร์โกงการทดสอบและฆ่าเฟลิม ซ้ำยังยืนยันตัวได้เพราะแผลเป็นที่ชาลัวห์ไม่ควรเห็น คนเราคลุมผ้าทั้งตัวเพราะอยากปิดบังตัวตน ทำไมจะสะเพร่าให้เห็นแผลเป็นที่ข้อมือซ้าย...ทั้งๆ ที่เจ้าตัวน่าจะรู้อยู่แล้ว...ว่าที่ใดมีตำหนิ ก็ควรปกปิดอย่างแข็งขันกว่าเดิม”

องครักษ์หนุ่มพยักหน้าช้าๆ ขณะคิดต่อไปเช่นกัน

"ข้าจำได้ว่าคนทรายนั่นถนัดขวา หากจะจับมือหรือหยิบส่งของก็ควรเป็นมือข้างนี้ ยิ่งรู้ว่ามีแผลเป็นที่ข้อมือซ้ายยิ่งต้องปิดบังไม่ให้ใครเห็น" ดูลัสออกความเห็น “เท่ากับมองได้สองแง่ หนึ่ง อาเมียร์ไม่ใช่คนที่ชาลัวห์เห็น แต่ถูกใครที่รู้ตำหนิของเขาดีใส่ร้าย ...หรือสอง เขาจงใจสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนตนเองถูกปรักปรำ เพราะหากหลักฐานมัดตัวชัดเจนเกินไปโดยไม่ควร ก็ขัดกับนิสัยรอบคอบของเขา”

“ท่านดูลัสคิดซับซ้อนจริง” มาดายเปรย

"เป็นธรรมดาในการเมืองการปกครองขอรับ ที่ต้องคิดเช่นนั้น" องครักษ์หนุ่มออกตัว "ตำราพิชัยสงครามว่าไว้ หากศัตรูจะขอสงบศึก...มันจะทำกระด้างกระเดื่องเข้ามาอวดตัวว่าเหนือกว่า หากพวกมันจะรบต่อ...จะทำทีเป็นอ่อนน้อมยอมศิโรราบ ไม่ว่ามันจะทำอะไร ย่อมต้องลวงไปในทางตรงกันข้ามเสมอ"

ชายชราพยักหน้าน้อยๆ ก่อนตั้งคำถามที่ทำให้ดูลัสนิ่งอึ้งไปนาน

"แล้วท่านมองว่า...การที่อาเมียร์พาชาลัวห์ไปกับเจ้าหญิงด้วยมีความหมายแฝงอย่างไร"

หนึ่งวันผ่านไปหลังเกิดเหตุ เขากลับไม่เคยคิดเรื่องนั้น...นอกเสียจากเชื่อตามคนอื่นและสภาพการณ์ที่เห็นอยู่ชัดเจน ว่าอาเมียร์กับชาลัวห์สมรู้ร่วมคิดกันจริง และเจ้าหญิงที่ทรงตั้งพระทัยพาเด็กหนุ่มทะเลทรายหนีไปคนเดียวในทีแรกถูกเกลี้ยกล่อมหรือบังคับให้ไปด้วย เพราะต่อให้เจ้าหญิงแอชลีนน์ต้องการให้เด็กหนุ่มหนีไป ก็ต้องมีสำนึกในฐานะประมุขแห่งธีร์ดีเร ว่าจะละพระเกียรติติดตามไปด้วยไม่ได้เป็นอันขาด

...หากว่าสำนึกนั้นจะไม่หายไป...และหากว่าอาเมียร์ดูเหมือนเป็นพวกเดียวกับชาลัวห์จริงๆ...

ดูลัสรู้ว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์เป็นคนหัวแข็ง ลองปักใจเชื่ออะไรเสียแล้ว คนอื่นๆ จะคัดง้างตรงๆ อย่างไรไม่ได้ เปรียบก็เหมือนคิดจะหักท่อนเหล็กหนาตัน

แต่หากค่อยๆ กล่อมด้วยเหตุผลและความรู้ที่มากกว่า ก็ไม่ต่างจากหลอมท่อนโลหะให้ละลายเป็นเหล็กเหลว จากนั้นย่อมตีหรือใส่พิมพ์เปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย

ทั่วบริเวณไม่มีร่องรอยการต่อสู้ไม่ใช่หรือ เพื่อช่วยให้อาเมียร์และชาลัวห์หนีไป เจ้าหญิงทำทุกสิ่งโดยสมัครใจ คนทรายย่อมไม่เผยธาตุแท้ว่าตนทำงานให้ลูกเจ้ามณฑลชอร์ซาในตอนนี้ ต้องหุบปีกหางให้สนิทไร้พิรุธ หมายความว่าหากจะพาชาลัวห์ไป ก็ต้องใช้เหตุผลที่ดูเหมือนว่าทั้งสองไม่ได้ร่วมมือกัน

และบางที ทั้งสองก็อาจไม่ได้ร่วมมือกันตั้งแต่ต้นแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้ชาลัวห์เข้ารอบต่างๆ มาได้โดยมีพิรุธมากมายว่าโกงเช่นนี้ ซ้ำเด็กหนุ่มยังดูจะเป็นคนที่ทระนงในความคิดหรืออุดมการณ์อะไรก็ตามของตน มากกว่าสนใจทรัพย์สินลาภยศที่ตระกูลชอร์ซาอาจเสนอให้

ถ้ามองในแง่หลักฐาน ทหารลาดตระเวนทางน้ำบอกเขาว่ากระแสน้ำน่าจะพัดเรือเปล่าที่ทั้งสามใช้หนีมาจากแถบท่าเรือของเมืองชั้นนอก เท่ากับว่าพวกเขาต้องเดินทางผ่านด่านตรวจคนออกจากเมืองอย่างแน่นอน แทนที่จะขึ้นฝั่งนอกเมอร์คาห์ แล้วปล่อยให้เรือลอยไปจนเกยฝั่งที่หาดอีกแห่งหนึ่ง

นั่นหมายความว่า...

"มันพาชาลัวห์ไปด้วยเพื่อให้เราไขว้เขว!" องครักษ์หนุ่มพูดโดยเร็ว

หากอาเมียร์หายตัวไปเพียงลำพัง หรือแม้แต่มีเจ้าหญิงไปด้วย แต่ทิ้งนักโทษอีกคนไว้ในห้องขัง เขาอาจพ้นมลทินที่ร่วมมือกับอีกฝ่ายจริงๆ แต่จะถูกตามจับง่ายขึ้น เพราะทางการย่อมพุ่งเป้าว่าเด็กหนุ่มน่าจะกลับไปหาครอบครัว ซึ่งมีข่าวว่าหายสาบสูญไปหลังจากเขาถูกจับกุมไม่นาน และขณะนี้มณฑลยาร์ลาธกำลังควานหาตัวอยู่

หากชาลัวห์มีค่าแค่นั้น ก็คงถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว นี่อาจเป็นเหตุให้ทหารที่เมืองหลวงตรวจไม่พบชายผมทองบาดเจ็บที่มือขวา ซึ่งเป็นลักษณะติดตัวอันโดดเด่นเกินปิดบัง...นอกเหนือจากเหตุอื่น เช่นทหารเริ่มกวดขันตรวจค้นช้าเกินไป หรือพวกนั้นใช้อุบายอื่นๆ ออกจากเมืองไปได้

"พวกมันต้องมุ่งหน้าไปที่ยาร์ลาธมากกว่า ชาลัวห์อาจมีค่าแค่ตัวประกันหรือเบี้ยใช้แล้วทิ้ง แทนที่จะเป็นนายของมันอย่างที่คนอื่นๆ คิด" ดูลัสสรุป แล้วก็แทบดีดตัวจากเก้าอี้ "ข้าต้องรีบไปรายงานท่านคอนรอย!"

"อะไรกัน รวดเร็วปานนั้นเชียว" มาดายมีสีหน้าประหลาดใจ "ท่านไม่รอฟังเรื่องเวทมนตร์ที่ตั้งใจมาถามข้าก่อนหรือ"

ชายหนุ่มชะงักไปเหมือนนึกได้ แต่ก็ตัดสินใจว่าการเปลี่ยนแผนรับสถานการณ์อย่างเร่งด่วนสำคัญกว่า

"ขออภัยที่รบกวนท่าน แต่ข้าต้องรีบไปแจ้งข่าวในวังก่อนขอรับ แล้วข้าจะมาหาอีกครั้ง ขอความกรุณาชี้แนะข้าเรื่องเวทมนตร์โดยละเอียดในตอนนั้นด้วย"

ว่าแล้ว ดูลัสก็ค้อมศีรษะก่อนจะออกไปจากห้อง ทิ้งชายผู้มากวัยกว่าให้มองตามพร้อมกับโคลงศีรษะ

* * * * *

ปกติก็ดูฉลาดหลักแหลมดี แต่พอเป็นเรื่องของเจ้าหญิงแอชลีนน์...กลับร้อนใจอย่างกับถูกไฟลน  นักบวชชรานึกถึงชายที่เพิ่งออกไปจากห้อง เขารู้ถ้วนถี่ดีทีเดียว ว่าชายหนุ่มมีความรู้สึกเช่นไรกับนายหญิงสูงสุดของตน

และเป็นจริงแท้...ผู้ฉลาดกลับโง่เขลาได้เพราะรัก

บิดาของชายหนุ่มก็โง่เขลาเช่นกัน ที่สั่งการลับหลังนักบวชชรา ให้พวกราชมัลทรมานนักโทษทั้งสองให้ยอมรับสารภาพ มิเช่นนั้นก็ตายคาเครื่องทรมาน เพื่อจะได้ปิดคดีลอบสังหารพระคู่หมั้นลงโดยเร็ว และลูกชายของเขาได้เข้าประลองกับผู้ผ่านการทดสอบอีกคนเดียวที่เหลืออยู่ ขึ้นสู่ตำแหน่งอันทรงอำนาจสูงสุดในอาณาจักร

แต่มาดายไม่ใคร่แน่ใจ ว่าแรงจูงใจของเจ้ามณฑลชรานั้นเรียกได้ว่าความรักลูกเพียงอย่างเดียว เขาสัมผัสได้ว่าใจของอีกฝ่ายคุกรุ่นด้วยความรู้สึกมากมาย รัก...แค้น...ทะยานอยาก ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่นักบวชชราสนใจนัก เมื่อเทียบกับจุดมุ่งหมายของตน...ซึ่งยังต้องอาศัยสองพ่อลูกให้ช่วยนำมาแก่ตน

ดูลัสจะกลับมาหาเขาอีกในไม่ช้า เมื่อนั้น เขาย่อมไม่พลาดที่จะบอกอีกฝ่ายถึงตัวตนและจุดประสงค์ของ 'อาเมียร์' ผู้ขวางทางความรักขององครักษ์หนุ่ม

...ส่วนตัวเขาเอง ก็จะได้ 'อาเมียร์' ที่ตระหนักถึงความจริงแท้ของโลก และอำนาจมหาศาลในร่างของตนกลับคืนมาในที่สุด...

* * * * *

แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:44:13

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:43:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com