เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน ท่านมาชะโงกที่หน้าต่าง
|
|
เรื่องที่ 62 ท่านมาชะโงกที่หน้าต่าง
เรืองเล่าในครั้งนี้ฟังมาจากน้องในกลุ่มชื่อปู แต่สถานที่เกิดเหตุการณ์กลับเป็นบ้านของพี่เอง อ่านแล้วคงสงสัยและอยากรู้กันแล้วสินะคะว่าเกิดอะไรขึ้นและปูได้พบกับสิ่งใด
ขยับเข้ามาอีกนิด สูดลมหายใจลึก อย่าอยู่ใกล้หน้าต่างนัก เดี๋ยวจะมีคนเพิ่มมาโดยไม่รู้ตัว
พี่มีน้องซึ่งเป็นแฟนคลับนิยายที่ค่อนข้างสนิทกันหลายคน อย่างเช่นน้องนกที่มักจะนำประสบการณ์น่ากลัวมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีน้องเนยซึ่งเคยพบกับวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ โดยพวกเขาติดมากับรถยนต์ของพี่ชายที่เดินทางไปช่วยที่เขาหลัก ถ้าสนใจคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะ รับรองว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว
อ้าว พูดไปพูดมาลืมน้องปูไปได้ยังไง
ปูเป็นอีกหนึ่งที่สนิทกับพี่จนถึงขั้นไปเที่ยวบ้านได้ บางครั้งหากคุยกันเพลินจนลืมเวลาคุณแม่ก็จะอนุญาตให้นอนค้างได้ ซึ่งทั้งน้องนกกับน้องปูต่างก็เคยมากินอยู่หลับนอนที่บ้านพี่มาแล้วทั้งสองคนและทั้งคู่ก็ได้พบกับใครบางคนที่ลงมาเยี่ยมตอนกลางคืน
ขออธิบายก่อนว่า โซฟารับแขกตัวหนึ่งของพี่ปรับเป็นเตียงได้ ที่มีไว้ก็เผื่อกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นมีญาติมาค้างคืนหรือแม้แต่ตัวพี่เองลากไปนอนรับลมเล่นที่หน้าบ้าน
กลับมาที่เรื่องเล่าอีกครั้ง เริ่มจากน้องนก คืนแรกที่มานอนนกเล่าให้ฟังว่าพอพวกพี่ปิดไฟและชึ้นชั้นบนกันหมดแล้ว รู้สึกเหมือนมัใครมานั่งห้อยขาอยู่ที่ราวบันไดแล้วมองนกอยู่นาน แถมเหรียญแข่งกีฬาที่พี่แขวนไว้ตรงผนังก็แกว่งไปมาดัง แก๊ก แก๊ก อยู่สองสามครั้งจนน้องนกต้องเอ่ยปากบอกว่าตัวเองเป็นใครและแม่ก็อนุญาตให้นอนค้างได้ ทุกอย่างจึงสงบลง
พอเช้าเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าคงเป็นเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองบ้านลงมาดู ท่านคงสงสัยว่าน้องนกเป็นใคร และนึกเอ็นดูเพราะนกเป็นเด็กช่างพูด มีอัธยาศัยดี เลยลงมาทักทายเท่านั้นเอง
นกบอกว่าขอบคุณท่านมากค่ะแต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้ เกรงใจ
มาถึงเรื่องของน้องปู รายนี้ไม่ได้นอนค้างแต่นั่งคุยกับพี่และคุณแม่จนถึงประมาณสองทุ่มกว่า ส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็มักจะเป็นหนัง นิยายเพราะน้องเขาก็เป็นนักเขียนเหมือนกัน คุยไปคุยมากลับวกไปที่เรื่องดูหมอปูเลยบอกว่าหนูเคยเรียนมาเหมือนกัน คุณแม่พี่เลยแบมือพร้อมกับบอกว่างั้นช่วยดูให้แม่หน่อย ปูขยับเข้าไปใกล้แต่พอจะแตะมือกลับชะงักเล็กน้อยก่อนจะเริ่มต้นดูลายมือให้คุณแม่ ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรจนกระทั่งเมื่อวานน้องปูลงมาซ่อมโน๊ตบุคที่กรุงเทพและนัดไปทานข้าวกันที่ห้าง อยู่ๆปูก็ถามถึงเรืองเจ้าที่ พอพี่บอกว่ามีเขาก็เลยเล่าให้ฟัง
ปูบอกว่าตอนที่กำลังจะจับมือแม่เห็นคนแก่คนหนึ่งยื่นหน้ามามอง คือหน้าต่างด้านนั้นข้างหลังจะเป็นพุ่มเข็มที่พี่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละค่ะ แล้วถัดไปจะเป็นศาลเจ้าที่ พี่ถามว่าเขายื่นหน้ายังไง ปูบอกว่าเหมือนแกหลบอยู่ตรงผนังแล้วเอนตัวยื่นหน้ามามอง แต่ก็เห็นแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น
แต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ปูบอกว่าความจริงแล้วเคยเห็นเงาคนที่บ้านพี่หลายครั้งแต่ไม่แน่ใจเลยไม่เล่าให้ฟัง เขาบอกว่าบางที่ตอนพี่นั่งทำงานหน้าคอมจะเห็นเหมือนเงาคนยืนอยู่ข้างหลังหรือเดินผ่านไปผ่านมา มองจากนอกบ้านก็จะเห็นคนยืนมองตอบกลับมาบ่อยๆ พี่เลยบอกว่าคงเป็นคุณตาเจ้าที่ เพราะบางครั้งเวลาที่นั่งทำงานตอนดึกๆจะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองเสมอ คิดว่าท่านคงมาดูว่าพี่ทำอะไร ดึกดื่นป่านนี้ไม่รู้จักไปหลบไปนอน
ส่วนน้องเนยเองก็เคยเห็นเหมือนเงาเดินลงมาจากชั้นบน แต่รายนี้ไม่ค่อยเก็บอาการคือพี่เห็นเลยว่าเขาสะดุ้งหน้าซีด
เลยบอกว่าไม่มีอะไร ท่านลงมาดูลูกหลานเล่นสนุกกันเท่านั้นเอง
*/*/*/*/*/*/*
ระยะนี้เรื่องเล่าห่างหายไปสักหน่อยนะคะ เพราะประสบการณ์ในส่วนของมูนนี่เกือบจะหมดแล้ว ตอนนี้พยายามขุดความทรงจำอยู่ค่ะว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง เรื่องเล่าตอนหลังจึงมักมาจากประสบการณ์ของผู้อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่
มีข่าวจะแจ้งให้ทราบก็คือตอนนี้มูนนี่ได้ส่งต้นแบบเรื่องเล่าสยองไปที่สนพ.ตะวันส่องแล้ว ซึ่งคงต้องรอผลแต่อาจจะไม่ผ่านเพราะช่วงนี้ตลาดนิยายเอนเอียงไปในทางเดียวกัน ซึ่งตัวมูนนี่เองได้ทำใจไว้แล้วสำหรับเรื่องนี้
มาคุยกันดีกว่าค่า
สำหรับผมแล้ว น่าประทับใจมากกว่าน่ากลัวครับ คิดแปลกคนอื่นไหมนี่ -_-".... จากคุณ : Psycho man - นั่นสิคะ แต่ถ้าเจอเองกับตัวคงอดสยองไม่ได้
จริดงด้วยอ่ะ ไม่น่ากลัว มาลากันเฉย ๆ ^^ จากคุณ : โก้ (เซโก้4) - แหะๆ พอตั้งสติได้ก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันแหละค่ะ แต่ตอนแรกขอเผ่นก่อน
พอลเป็นคนที่มีความรู้สึกรับผิดชอบสูงจริงๆ นะคะ แม้ตายไปแล้วก็ยังเป็นห่วงงาน เป็นพนักงานที่ดีจริงๆ แบบนี้ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - คนแบบนี้ยังมีอีกมากด้วยล่ะค่ะ ได้ยินมาเยอะแยะเลย
โห โบกมือให้ด้วย .. จากคุณ : scottie - = = คเป็นสำนึกสุดท้ายมั้งคะ
เรื่องนี้ไม่น่ากลัวค่ะ แต่ประทับใจพอลสุดๆ เลย ช่วงสองเดือนนี้อินอาจไม่ได้เข้ามาทักทายเท่าไหร่นะคะ พี่มูนนี่อย่าน้อยใจน้า ตอนนี้อินกำลังทำภารกิจอันยิ่งใหญ่อยู่ค่ะ งานใหม่ ท้าทายสุดๆ เป็นระดับ advance ของการเขียนนิยายเลยค่ะ ^^ จากคุณ : หนูอิน (อินทรายุธ) - ไม่ว่าจะเป็นภารกิจอะไร ขอให้หนูอินประสบความสำเร็จขั้นสุดสุดนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่า ^^V
น่ารักมากครับตาพอล ไปดีนะพอลนะ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - นึกถึงเพลงเก่าๆ "ไปดีเถอะนะพี่ขออวยพร..."
เรื่องที่เคยได้ยินได้ฟังคือ นักศึกษาห่วงการสอบ มีทั้งนักศึกษาหญิงกับนักศึกษาชาย ส่วนมากมักจะประสพอุบัติเหตุ จากรถจักรยานยนต์ชนกันคนนั่งซ้อนท้ายหัวฟาดพื้นตาย หรือถูกรถยนต์ชนตายคาที่ ช่วงวันสอบประจำภาคของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ มักจะมาปรากฎกายในห้องสอบเดิมเสมอ อาจารย์ที่ขวัญอ่อนจะเจอเสมอ เช่น ยังเห็นว่านั่งสอบอยู่จนเป็นคนสุดท้าย แม้ว่าเก็บกระดาษคำตอบครบแล้วก็ตาม หรือมีคนนั่งสอบแล้วอยู่ ๆ ร่างกายก็เลือนหายไป หรือมีนักศึกษาเดินเข้ามาสอบแล้วเดินหายไปทางกำแพง ช่วงกลางวันแสก ๆ หรือช่วงประมาณห้าหกโมงเย็น จึงมักจะมีธรรมเนียมภายในแห่งนี้ว่า ต้องมีการแจกกระดาษสอบเกินหนึ่งชุดเสมอ เผื่อให้นักศึกษาประเภทดังกล่าวได้มาสอบ และมีทั้งการทำใบ รบ. หรือ Transcript ฉบับไม่สมบูรณ์ คือ ไม่มีรายการจริง และไม่ได้ผ่านการอนุม้ติจากสภามหาวิทยาลัย แสดงว่านักศึกษารายที่ตายก่อนจบ ได่จบสมบูรณ์จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว ตามรายวิชาที่ต้องเรียนและได้เกรดดีมาก พร้อมกับนิมนต์พระภิกษุสวดส่งวิญญาณ หรือบางคราก็เป็นโต๊ะอิหม่ามมาสวดส่งวิญญาณให้ แล้วเผากระดาษ Transcript ส่งให้ บางรายก็มอบ Transcript ฉบับทำใหม่ ให้พ่อแม่ของคนตายไปได้รับทราบ เพื่อช่วยบอกหรือทำบุญแจ้งให้ลูกทราบ แต่ก็ยังมาปรากฎกายประปรายเสมอ จากคุณ : ravio - เรื่องนักศึกษานี่มีเหมือนกันแทบทุกประเทศนะคะ แสดงว่าคนที่รักเรียน เขามีจิตใจคิดถึงแต่เรื่องนี้จริงๆ มามองบางกลุ่มในตอนนี้แล้วได้แต่ถอนใจ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างมากเลยค่ะที่ติดตามผลงานของมูนนี่ ขอสัญญาในวันเกิดตัวเองว่าจะทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่อผู้อ่านทุกท่าน แม้ว่านิยายส่วนใหญ่ของมูนนี่จะมีกลุ่มติดตามเพียงน้อยนิดก็ตาม
แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 53 09:36:46
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันสุนทรภู่ 53 09:08:31
|
|
|
|