ความคิดเห็นที่ 1 |
กรุ่นกลิ่นชอคโกแลต
------------------------------------
เสื้อผ้าหนึ่งกระเป๋า... ของใช้ส่วนตัวอีกสองกล่อง... ส่วนหนังสือและอัลบั้มภาพที่มีจำนวนมากที่สุดนั้นถูกทยอยส่งไปถึงที่อยู่ใหม่เรียบร้อยครบถ้วนตั้งแต่เมื่อวาน แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างทางทิศใต้ สะท้อนฝุ่นที่ฟุ้งในอากาศให้เป็นเกล็ดประกายระริก ดูราวกับเป็นเกล็ดหิมะปลอมที่อยู่ในสโนว์โดม ห้องที่เคยคับแคบดูโล่งไปถนัดตา...
ผมตรวจสอบสิ่งของครั้งสุดท้าย ความรู้สึกอาวรณ์ในอกแผ่ขยายเหมือนหยดน้ำซึมลงกระดาษ... อย่างน้อย ห้องนี้ก็เคยเป็นที่กินอยู่หลับนอนมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ผูกพันยิ่งกว่าบ้านเกิดเสียอีก ที่จริงสมบัติประดามีนั้นถูกตรวจตราไปแล้วถึงสองครั้ง ตั้งแต่วานซืนที่เริ่มเก็บข้าวของ เมงุมิทำงานอย่างเป็นระบบ จัดแยกประเภทหนังสือ ทำใบตรวจเช็คปะหน้าทุกกล่อง ซ้ำยังกำชับให้ผมตรวจของที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องซ้ำแล้วซ้ำอีก “คุณโยอิจิน่ะไม่รอบคอบ ถ้าลืมของสำคัญทิ้งไว้จะมานั่งเสียดายทีหลังไม่ได้นะคะ…”
ผมรื้อนิตยสารเก่าๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะทิ้งมาวางตั้งไว้ กองรวมกันแล้วสูงพอดู เมื่อมองหาเชือกมามัดรวมกลุ่มให้เรียบร้อยร สายตาก็สะดุดเข้ากับริบบิ้นผ้า มันโผล่สีซีดเซียวออกมาทักทายจากส่วนหนึ่งของหนังสือที่ซ้อนๆ กัน พอดึงออกมากล่องใบหนึ่งก็ร่วงหล่น “แย่ล่ะ!” กล่องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนั้นทำจากกระดาษแข็งชั้นดี แม้สีจะด่างซีดแต่ก็ยังพอมองเห็นลายเส้นสีทองซึ่งปั๊มลงบนพื้นผิวที่อดีตคง เคยเป็นสีน้ำตาล เมื่อเปิดออก ข้างในสภาพยังสมบูรณ์ดี เพราะกระดาษที่บุไว้ค่อนข้างแน่นหนา วัตถุทรงกลมสีน้ำตาลเรียงตัวอยู่ในกล่องเรียบร้อยสงบเสงี่ยม ชอคโกแลต? “...ไม่ใช่สักหน่อย นี่มัน...เทียนไข” เทียนไขรูปทรงชอคโกแลตในกล่องของขวัญ...
ภาพอดีตค่อยๆ รินไหล แทรกซึมเข้ามา เลือนราง... ทีละเล็กละน้อย... หากแต่เมื่อปลายนิ้วสัมผัสผิวเรียบลื่นของเทียนชอคโกแลตที่อยู่ในกล่อง ความสมบูรณ์ของอารมณ์ก็เริ่มแจ่มชัด ผมนั่งอยู่ตรงนี้เอง ในห้องเดิม ตอนนั้นยังมีข้าวของไม่กี่ชิ้น... แค่เตียง กับโต๊ะเตี้ยๆ ใช้ทำทุกอย่างตั้งแต่นั่งอ่านหนังสือ ทำงาน กินข้าว แม้แต่เป็นโต๊ะ’รับแขก’ เบาะรองนั่งสองใบต่างสีต่างทรงวางเคียงกัน ผมนั่งหลังพิงเตียง มีใครอีกคนนั่งเคียงกัน คอยยั่วเย้ากระเซ้าแหย่
--
“ทำเองหรือเปล่า?” ผมซักไซ้ หากแต่คำตอบหลังเสียงหัวเราะร่วนกลับเป็น… “เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาทำเองกันแล้ว” เธอหัวเราะเสียงใส... ชื่อ...อะไรนะ? โยโกะ... คิมิโกะ...? อ้อ... ใช่แล้ว... คานาโกะ ผมกำลังจะเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนร่วมห้อง เราเรียนกวดวิชาที่เดียวกัน เคยไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนหลังเลิกเรียนด้วยกัน รู้ตัวอีกทีเธอก็มาที่ห้องผมบ่อยๆ เราติวหนังสือกันบ้าง หยุดพักคุยไร้สาระกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะนั่งเงียบๆ อ่านหนังสือของตัวเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น “งั้นนี่ก็... ชอคโกแลตตามมารยาท?” “แต่ก็ตั้งใจเลือกมาให้โยอิจิเป็นพิเศษเลยนะ” “เป็นชอคโกแลต ที่ตั้งใจเลือกมาตามมารยาทสินะ” นิ้วมือหยิบช็อคโกแลตชิ้นจิ๋ว กลิ่นหอมหวานขมเข้มฟุ้งติดมือขึ้นมา แต่สัมผัสนั้นให้ความรู้สึกแตกต่าง “เอ๊ะ....!?” คานาโกะหัวเราะคิก “ไม่ใช่ชอคโกแลตนี่...” นิ้วเรียวเล็กหยิบเจ้าก้อนสีน้ำตาลชิ้นเล็กจากมือผมไปพิจารณา แววตาวาววามยังมีประกายระยับของเสียงหัวเราะ “ทำออกมาสวยขนาดนี้... ถ้าต้องถูกกินหมดก็น่าเสียดายแย่”
“โธ่...” ผมผิดหวังจนเผลอถอนหายใจเฮือก เอนตัวพิงเตียง ทิ้งศีรษะแหงนเงยขึ้นเบื้องบน ฝ้าเพดานสีขาวโพลนทำให้รู้สึกว่างเปล่า “แม้แต่ชอคโกแลตตามมารยาทก็จะไม่ได้รับเลยเหรอนี่...” คานาโกะยืดตัวถอยห่าง สีหน้าหลากใจ “ไม่ได้รับเลยงั้นเหรอ...?” “ไม่มีสักอัน” “โกหกน่า...” เธอกัดริมฝีปาก ฟันกระต่ายสีขาวมุกตัดกับริมฝีปากสีชมพูที่ชวนให้นึกถึงผลไม้สุกเต็มที่ “ต้องได้สิ จากมานามิ จากชิโอริ...” “ไม่ได้รับมาสักคน” “จากอากิก็ไม่ได้รับ?” มือนุ่มนิ่มจับแขนผมเขย่าจนหัวโยกหัวคลอน “ยายนั่นเคยให้ชอคโกแลตใครที่ไหน” ผมตะกายหนีขึ้นไปนอนบนเตียง ซุกหน้าลงกับหมอน บ่นเสียงงึมงำ “อย่ามาถามน่า คนกำลังเศร้าเสียใจ”
“เสียใจที่ไม่ได้รับมาสินะ?” คานาโกะปีนขึ้นมานั่งขอบเตียง ตามราวีเซ้าซี้ไม่เลิก ผมพลิกหน้าตวัดสายตาประสานกับคนที่ยิ้มรออยู่ ปลายนิ้วเรียวตัดเจียรเล็บให้โค้งมนสวยจิ้มผลุบเข้าที่แก้มของผม หนึ่งครั้ง... สองครั้ง... ผมรวบมือที่เข้ามาก่อกวนให้รำคาญ ดวงตาซึ่งประสานสบมานั้นมีร่องรอยไม่แน่ใจ แม้ปากจะยังยิ้ม “…เสียใจที่ไม่ได้รับจากคานาโกะ” “ฉันให้แล้วไง” เธอหยิบกล่องชอคโกแลตเทียนไขขึ้นมาวางบนเตียง “ตั้งใจเลือกเพื่อโยอิจิ” ผมยันตัวขึ้น มือข้างขวาของเธอยังอยู่ในมือข้างซ้ายของผม สายตาของผมยังจ้องตรงอยู่ที่ดวงตาของเธอ ดึงดูด เร่งเร้า “ชอคโกแลตตามมารยาทน่ะเหรอ?” “ชอคโกแลตบอกรักต่างหาก” เธอดึงมือออก หลบสายตาลงแสร้งพินิจเจ้าก้อนดำน่าเกลียดที่สงบนิ่งในกล่อง แก้มซับสีระเรื่อ “ชิ้นนี้ของปีนี้... ชิ้นนี้ของปีหน้า... ชิ้นนี้ของอีกสองปี...” “ในกล่องมีตั้ง 9 ชิ้น” ผมนับ “ผมต้องรอไปอีก 9 ปี ถึงจะได้ชอคโกแลตจากคานาโกะอีก?” คานาโกะยิ้ม...“แล้วพอปีที่ 10...” “ปีที่ 10 แล้วทำไม?” ผม โน้มหน้าเข้าไป... ละไอกลิ่นหวานจากเรือนกายของเธอแตะแต้มโสตนาสิก พวงแก้มซับสีเลือดจนเกือบจะเป็นสีเดียวกับริมฝีปาก อันเป็นจุดหมายของสายตา ลมหายใจที่สัมผัสได้แผ่วผิวนั้นอุ่นซ่าน
เมื่อปากของผมทาบทับลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ ลมหายใจอุ่นก็ขาดห้วง...
--
หลังจากนั้นไม่นาน เธอสอบติดมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดซึ่งมีคณะที่เธอสนใจ เดือนแรกเราโทรหากันทุกวัน พบกันทุกสุดสัปดาห์ เดือนที่สองเราคุยกันวันเว้นวัน เดือนที่สามเรามีเวลาว่างตรงกันสองครั้ง พอถึงเดือนที่หก เธอเป็นคนส่งข้อความบอกเลิกทางโทรศัพท์
ไม่ทันตั้งตัว เวลาก็หมุนเวียนมาบรรจบครบ 10 ปี ผมหยิบชอคโกแลตเทียนไขชิ้นหนึ่งใส่กระเป๋าเสื้อ ส่วนที่เหลือรวมทั้งกล่องเก่าซีด จัดการแยกชิ้นส่วนใส่รวมในถุงขยะ ส่วนนิตยสารเก่าก็รอให้รถมารับไป กระเป๋าเสื้อผ้ากับกล่องเครื่องใช้ขนกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัว หอบหิ้วไปแค่รอบเดียวได้สบายๆ กลับมาถึงบ้านก็เย็นย่ำแล้ว แสงแดดราลง ทอดทับฉาดฉายให้ก้อนเมฆกลายเป็นสีส้มอมทอง บนโต๊ะอาหารจัดวางไว้เรียบร้อยดีแล้ว แต่เมงุมิยังง่วนอยู่ในครัว ได้กลิ่นของทอดลอยเจือมาจางๆ เมื่อเดินเข้าไป “เก็บของเรียบร้อยนะคะ?” เธอหยุดมือจากหั่นผักสลัดหันมาถาม “คิดว่าเรียบร้อยดีแล้ว” ผมเปิดตู้เก็บของ ค้นหาที่เชิงเทียนตั้งโต๊ะ จำได้ว่าเคยนึกครึ้มซื้อมาตอนแต่งงานใหม่ๆ หากจำนวนครั้งที่หยิบมาใช้นั้นนับนิ้วได้
ค้นเจอจนได้ในที่สุด... เชิงเทียนอันใหญ่กับเทียนไขชอคโกแลตอันจิ๋วเพียงอันเดียวดูตลกงกเงิ่น เมงุมิยกชามสลัดมาวาง เมื่อเห็นเจ้าเทียนไขอันน้อยก็หัวเราะคิก “อะไรคะนั่น?” “เทียนอโรมา ผมค้นเจอตอนเก็บของเลยเอากลับมาด้วย” เรานั่งลง พร้อมกินอาหารเย็น ผมล้วงเอาไฟแช็คที่พกติดตัวเสมอมาจุดเข้ากับเทียนก้อนจิ๋ว “เทียนอโรมา? กลิ่นอะไรคะ?” “กลิ่นชอคโกแลต” เปลวเทียนเต้นระริก ปล่อยควันเป็นเส้นสายจางๆ ลอยอ้อยอิ่ง สายตาวาววามของเมงุมิอยู่เบี้องหลัง จ้องจับตามการส่ายไหวของดวงไฟสีส้มที่ปลายเทียน เธอทำจมูกฟุดฟิด “ฉันไม่ยักได้กลิ่น...” “นั่นสิ...” ผมยอมรับ “ผมเองก็ไม่ได้กลิ่นเหมือนกัน”
-- END --
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 53 14:49:36
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 53 14:47:48
จากคุณ |
:
cray69
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มิ.ย. 53 14:47:18
|
|
|
|