ความคิดเห็นที่ 2 |
สัมผัสเกาะฮ่องกงตอนที่ 3
การเดินทางบนเกาะฮ่องกงของฉันผ่านไปแล้วสองวัน เป็นสองวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมของการช็อปปิ้งตลอดเช้ายันเย็น สำหรับฉันก็ได้เสื้อผ้ามาบ้างพอสมควร และเชื่อไหมว่า แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว จนถึงวันนี้ บางตัวฉันมีโอกาสได้ใส่แค่ครั้งสองครั้งเอง และมีอยู่ตัวหนึ่งที่ยังไม่มีโอกาสได้ใส่ออกไปไหนเลย แม้แต่ครั้งเดียว สองวันที่ฉันสนุกอยู่กับการช็อปปิ้งตามศูนย์การค้าทั้งบนเกาะฮ่องกงและฝั่งเกาลูน ทำให้ฉันเข้าใจความหมายของคำว่า สวรรค์ของนักช็อปปิ้ง ได้ดีขึ้นมากทีเดียว
ฉันยังจำได้ในค่ำวันที่สอง ฉันกับเพื่อนเดินซื้อของกันซะเหนื่อย จนโน้น ร้านค้าต่างๆภายในศูนย์การค้าเริ่มทยอยปิด และเมื่อฉันกับเพื่อนพากันมาถึงหน้าร้านขายรองเท้าร้านหนึ่ง ด้วยความที่เราสองคนเหนื่อยมาก ก็พากันเลยเดินเข้าไปในร้าน แล้วนั่งลงบนเบาะนวมสำหรับลูกค้าไว้นั่งลองใส่รองเท้า พนักงานหญิงในร้านเดินมาถามพวกฉันว่าจะซื้อรองเท้าเหรอ เพื่อนฉันก็เลยบอกว่าใช่ ทั้งที่จริงหาที่นั่งพักมากกว่า (กะไว้ว่าจะลองเลือกๆมาสวมดู แต่แนวโน้มจะซื้อคงน้อย) แต่พนักงานหญิงคนนั้นกลับบอกว่า ร้านจะปิดแล้ว ไม่ขายแล้วนะคะ ฉันกับเพื่อนเลยยิ้มจืดๆ พร้อมกับบอกความจริงว่า เราสองคนเหนื่อยมากอะ ทางร้านค้าโซนนี้ไม่มีที่นั่งพักระหว่างทางเลย พนักงานหญิงมองเราสองคนอย่างเข้าใจ เลยตอบกลับเราสองคนว่า งั้นก็นั่งพักตรงนี้ได้ค่ะ แต่ไม่ขายสินค้าแล้วนะ เพราะกำลังทำบัญชีปิดยอดขายกันอยู่ พูดเสร็จเธอก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ นั่งทำบัญชีกับพนักงานในร้านอีกสามคนต่อไป ฉันกับเพื่อนก็เลยได้นั่งต่อ และก็มีมองๆส่งยิ้มไปทางพวกเธอบ้าง ด้วยซึ้งกับน้ำใจเล็กๆของพวกเธอที่ให้มา
สองวันแรกของการท่องเที่ยวในฮ่องกงของฉันกับเพื่อน จบลงด้วยความเหนื่อยและความสุข ฉันจำได้ว่าสองวันแรกนั้น เราหมดเงินไปกับอาหารการกินไม่มากนัก เพราะเราเน้นเข้าร้านอาหารข้างทางธรรมดา และฝากท้องไว้กับร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น ฉันกับเพื่อนได้ข้อมูลจากคนที่เป็นนักท่องเที่ยวตัวยงทางอินเตอร์เน็ตว่า เวลาเดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยว และหากต้องพักอยู่หลายคืนหรือเป็นสัปดาห์ การหาโรงแรมหรือที่พักที่มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ จะทำให้สะดวกหลายอย่าง และประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารและเครื่องดื่มได้ด้วย ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น และฉันก็นำเคล็ดลับน้อยๆนี้มาใช้ทุกครั้ง เวลาจองที่พักก่อนเดินทางไปท่องเที่ยว
โฮสเทลบนตึกสูงที่เราพักอยู่ในย่านคอสเวย์เบย์ นอกจากข้างล่างเป็นร้านสตาร์บัค ถัดไปไม่เกินยี่สิบก้าวเป็นร้านเซเว่นอีเลเว่น ที่ทุกเช้าๆและก่อนเข้านอนทุกคืนบนเกาะฮ่องกง ฉันกับเพื่อนจะต้องแวะเข้าไปใช้บริการทั้งเรื่องอาหารการกินและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มนี่ เพื่อนของฉันหอบออกมาจากร้านสะดวกซื้อทุกคืน เพราะบังเอิญว่าเพื่อนของฉัน นอกจากเป็นเซียนน้ำหอมแล้ว ยังเป็นนักดื่มตัวพ่ออีกด้วย
ฉันจำได้ว่าคืนที่สอง กว่าฉันกับเพื่อนจะเข้านอนกันได้ก็ตีหนึ่งกว่า ทั้งๆที่โปรแกรมของวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปไหว้พระใหญ่ที่วัดโป่วหลิน ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางกันนานพอควร พวกเราตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สามตอนราวๆหกโมงกว่าๆ ซึ่งถือว่ายังเช้ามากอยู่ ทั้งๆที่ยังคงรู้สึกเพลียๆไม่น้อย แต่ก็พยายามบังคับตัวเองพากันตื่นให้ได้
เช้าวันที่สามของฉันบนเกาะฮ่องกง ยังเป็นเช้าที่หนาวเย็นและภายนอกตัวอาคารที่พัก ก็ยังมีละอองฝนตลอดเวลา ระหว่างที่รออาบน้ำต่อจากเพื่อน ฉันมานั่งฆ่าเวลาที่ริมหน้าต่าง มองลงไปยังถนนเบื้องล่าง และร้านรวงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ได้มีโอกาสเห็นวิถีชีวิตผู้คนยามเช้าบนเกาะแห่งนี้ และก็เป็นวิถีชีวิตที่คงเหมือนกันกับผู้คนทุกหนทุกแห่งทั่วโลก คือการดิ้นรนต่อสู้ หาเลี้ยงชีพ ตามวิถีชีวิตของแต่ละคนที่ต่างก็เป็นผู้กำหนด และเลือกเอง
เมื่อเพื่อนของฉันอาบน้ำ และแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวฉันบ้าง ทุกเช้าและเย็นฉันจะให้เพื่อนเป็นคนอาบน้ำก่อนเสมอ และเช้านี้ก็อีกเช่นกันที่พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เพื่อนคนดีก็บอกฉันว่า จะลงไปรอข้างล่างในร้านสตาร์บัคนะ ถ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ตามลงไปแล้วกัน
เป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มเอะใจ ทำไมต้องสตาร์บัคอีกแล้ววะ ก็ใช่อยู่หรอกนะ เพื่อนของฉันเวลาอยู่กรุงเทพฯ ก็ชอบนั่งสตาร์บัคอยู่ แต่ทั้งที่เมื่อวานตอนเช้า และเมื่อวานตอนเย็นที่กลับมาอาบน้ำและเตรียมจะลงไปลุยช็อปปิ้งต่อ ก็บอกว่าจะไปรอที่สตาร์บัคอีกแล้ว นั่งกินกาแฟเช้าเย็นติดกันสามรอบนี่นะ ชักแปลกๆ
ฉันตัดสินใจว่าคราวนี้จะเข้าไปหาเพื่อนถึงในร้านเลยดีกว่า เพราะทั้งเช้าและเย็นเมื่อวาน ฉันแค่ยืนอยู่หน้าร้านกวักมือผ่านทางกระจกใสๆเรียกให้เพื่อนออกมา และสิ่งที่ฉันเอะใจก็มีเค้ารางอย่างนั้นจริงๆ
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ฉันออกจากห้องพักและลงไปยังชั้นล่างสุดซึ่งเป็นร้านสตาร์บัค ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในร้าน ก็เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของฉันจึงชอบดื่มกาแฟบนเกาะสวรรค์แห่งนี้เสียจริง ก็พนักงานหนุ่มตี๋ๆหลายคนในร้านกาแฟแห่งนี้ น่ารักซะขนาดนั้น
จังหวะที่ฉันเดินเข้าไป เห็นเพื่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมกระจก กำลังคุยกับน้องตี๋ๆพนักงานของร้าน หัวเราะยิ้มใสๆให้กันอย่างมีความสุข เมื่อฉันมาถึงที่โต๊ะ และเมื่อเพื่อนเป็นคนแนะนำให้ฉันรู้จักกับน้องตี๋ๆคนนั้นเป็นที่เรียบร้อย น้องตี๋ๆก็ขอตัวไปทำงานต่อ
ฉันกับเพื่อนออกจากร้านสตาร์บัคราวๆแปดโมงเช้า พอเดินออกพ้นประตูร้าน เราสองคนหันเหลียวหลัง ไม่วายนะไม่วาย น้องตี๋ๆสามคนตรงเคาน์เตอร์ก็โบกมือทักทายส่งยิ้มให้เต็มยิ้ม จนเพื่อนฉันหลุดคำพูดออกมา น้องมันเล่นด้วยอะ ฉันจึงแนะนำเพื่อนไปว่า งั้นเย็นนี้กลับมาก็ลองชวนไปเที่ยวสิ ซึ่งเพื่อนคนดีของฉันก็เห็นดีตามนั้น
ฉันกับเพื่อนกำลังจะเดินทางไปวัดโป่วหลิน ดินแดนที่มีแต่ขุนเขา ไกลจากห่างสังคมเมืองใหญ่ และมีแต่ความสงบเย็นแห่งธรรมมะ เรื่องราวการเดินทางของฉัน คงต้องจบลงอีกครั้ง ไว้ครั้งหน้าฉันจะกลับมาเล่าถึงองค์พระใหญ่ที่วัดโป่วหลิน และนัดเดทของเพื่อนคนดีของฉัน ว่าสำเร็จหรือไม่ให้ฟัง
ฉันขอจบท้ายเส้นทาง (นิยาย) รัก ครั้งนี้ด้วยข้อสงสัยของบางคนที่ส่งเมล์มาถาม ว่าเมื่อไหร่จะได้อ่านนิยายฉบับจริง ฉันขอยืนยันว่ายังไงปีนี้ เราจะได้อ่านนิยาย เมืองรักในบาดาล กันแน่นอน ไม้หอมแห่งทะเลจีนใต้....เล่าเรื่อง
การท่องเที่ยวฮ่องกง.......เจ้าของภาพ
-----------------------------------------------------------------------------
http://www.baantalaylormbooks.com
จากคุณ |
:
the last woman
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ค. 53 11:12:59
|
|
|
|