ความคิดเห็นที่ 1 |
11
กระทั่งตะหลิวเปิดภาคเรียนแล้วนั่นแล คล้อยจันทร์ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอ้างว้างเพียงใด บ้านหลังน้อยชั้นเดียวช่างกว้างใหญ่เมื่อไร้เงาสองบุรุษเข้ามาวุ่นวาย
เพิ่งบ่ายสองโมงเท่านั้น ทว่าแสงสีทองอ่อนและสายลมซึ่งพัดพามาเป็นระลอกบ่งบอกว่าฤดูหนาวกำลังมาเยือน หญิงสาวในเสื้อไหมพรมแขนยาวที่อาถักและนำมามอบให้ด้วยตนเองเมื่อวานก่อน ยืนทอดสายตาไปไกลผ่านกรอบหน้าต่าง ลังเลเหลือเกินที่จะก้าวออกไป
เปลญวนสานด้วยเชือกสีขาวแลดูน่านอนนัก คล้อยจันทร์ขอกับใจตัวเองว่าแค่นี้เท่านั้น จะไม่หันมองเจ้าทานตะวันซึ่งไหวเอนตามแรงลม ร่างระหงหันหลังให้ทิวทัศน์อันพิสุทธิ์งดงาม หย่อนกายลงกลางเปลที่ผูกไว้กับเสาหน้าบ้าน ก่อนเอนนอนพร้อมรอยยิ้มพึงใจ
นานเท่าไรไม่รู้ที่เธอหลับตา...สูดหายใจลึก... กระทั่งแว่วเสียงกระซิบริมหู
ซัน
เจ้าของชื่อผวาลุกนั่ง จำได้ดีว่าน้ำเสียงติดจะออดอ้อนนั้นเป็นของใคร
ซันจ๋า
หญิงสาวหันตามเสียงเรียก ตะวันยืนอยู่หน้าหมู่มวลดอกไม้ซึ่งสูงถึงไหล่
ต๊ะ อย่าไปตรงนั้น มานี่ มาอยู่กับซัน
ซันนั่นแหละมานี่ นี่ไงสถานที่ของเรา...ที่ต๊ะเคยบอก จำได้ไหม ชายหนุ่มยิ้มเย็นให้ใบหน้าเหยเก อย่ากลัวนะซัน เปิดใจให้กว้าง ดอกไม้ไม่ผิด มันไม่มีพิษมีภัย
ราวถูกสะกดด้วยถ้อยคำปลอบประโลมนั้น หากแต่ละย่างก้าวของคล้อยจันทร์ยังคงแฝงไว้ด้วยความลังเล มือบางยื่นวางกลางฝ่ามืออุ่นในที่สุด รอยยิ้มประดับดวงหน้าเมื่อความมั่นใจกลับคืนมา สุกใสกระจ่างตาดั่งตะวันอีกดวง
อยู่ที่นี่ซันจะมีแต่ความสุข พบเจอแต่ความสว่าง เชื่อต๊ะนะซัน
ซันเชื่อแล้ว
ปล่อยมือก่อน ต๊ะจะถ่ายรูปให้ ยิ้มกว้างๆ นะ
เพราะรู้ว่าเขาจะไม่จากไปไหน เธอจึงยอมปล่อยมืออุ่นตามคำบอก พลันความเย็นเยือกก็แล่นรี่เกาะกุมจิตใจ มือบางไขว่คว้ากลางอากาศ ทว่าคนที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไปยังคงแย้มยิ้ม สองมือประกอบกันเป็นช่องสี่เหลี่ยมต่างตัวกล้อง ร้องบอกให้เธอยิ้มตาม
ต๊ะ! อย่าไป มานี่! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!
ไม่ต้องกลัวนะซัน นี่คือที่ของเรา
ต๊ะ! ต๊ะ!
....................................................................................................................................................
เออหนอ ใครเลยจะคิดว่ากลางวันแสกอย่างนี้คนจำศีลจะยอมออกจากห้องที่เธอเอาแต่เก็บตัว พจน์ยืนมองร่างบางซึ่งกำลังหลับใหล ยึดครองเปลญวนที่เขาชอบนอนทอดอารมณ์ไว้เป็นของตัว
วงหน้าเรียวงามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องหน้าพอเหมาะพอเจาะ จมูกโด่งน้อยๆ รับกับปากอิ่มซึ่งเผยรอยยิ้ม เธอคงฝันดี... พจน์บอกตัวเองเช่นนั้นและไม่คิดจะรบกวนการนอนของเจ้าหล่อน เขาตั้งใจจะผละไปตระเตรียมเสื้อผ้าของตน หากไม่มีเสียงครางรั้งไว้เสียก่อน
ต๊ะ... ต๊ะ...
แม้ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่มือหนาก็รวบมือบางซึ่งยกไขว่คว้ามากุมไว้ตามสัญชาตญาณ
ซัน
ฮื่อ ต๊ะ... คนละเมอร้องคราง หางตาชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำใส
ในอกในใจชายหนุ่มตื้อขึ้นมาอย่างประหลาด เวทนา...สงสาร...และหวังให้เธอคลายทุกข์โศก เสมือนเธอเป็นญาติพี่น้องคนหนึ่งเลยทีเดียว
ตื่นเถอะ ซัน เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ลืมตาเสีย ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ต๊ะ
คราวนี้เขาได้ยินชัดเต็มสองหู เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่าเป็นชื่อใคร หากก็ไม่ยากเกินคาดเดา
นี่ผมเอง คุณเป็นอย่างไรบ้าง
คุณ...
คล้อยจันทร์ยันตัวลุกหนีร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งยองๆ ชิดเปล แต่ขาซึ่งไร้เรี่ยวแรงก็ทำให้ทรุดลงไปอีก ดีที่ได้วงแขนกว้างประคองไว้ทัน
ปล่อย
มือหนายอมปล่อยโดยดี เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวตะหลิวก็มา เมื่อเช้าคุณฝากเขาซื้อผลไม้ไม่ใช่หรือ
หญิงสาวยังคงหันรีหันขวาง ราวกับมองหาใครบางคน
ถ้าคุณมีปัญหาอะไร บอกผม เราอยู่กันอย่างเพื่อน...อย่างพี่น้องนะซัน
หากจะมีอะไรดึงความสนใจของเธอออกจากโลกแห่งความฝัน สายตาของคล้อยจันทร์ซึ่งละจากเหล่าทานตะวันแล้วแลเลยตามแผ่นหลังหนาของเจ้าของถ้อยความอันเปี่ยมด้วยมิตรจิตมิตรใจคงตอบได้ดี
| จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
| เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 53 10:40:07
|
|
|
|