ความคิดเห็นที่ 1 |
ผมวางแก้วกาแฟลงบนจานรองช้า ๆ แล้วเอนตัวลงบนโซฟาตัวยาว คว้าเอาหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างเบื่อหน่าย
วันหยุดว่าง ๆ แบบนี้ไม่ได้เวียนมาให้ผมเจอได้บ่อยนักหรอก แต่แทนที่ผมจะได้พาคู่หมั้นไปเที่ยว เธอกลับไปหมกตัวเข้าเวรอยู่ที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล แล้วกระโดดเข้าห้องผ่าตัดไปตั้งแต่เช้า
ตั้งแต่วันนั้น เธอก็คล้ายจะห่างผมไปเรื่อย ๆ
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำถาม และไม่มีคำตอบ คล้ายกับว่าเราต่างต้องการเวลาที่จะค้นหาตัวเอง
1 อาทิตย์เต็มแล้ว สำหรับผมนั้นมากเกินพอที่จะทบทวนตัวเอง ผมได้คำตอบตั้งแต่ 3 วันแรกแล้ว แต่เธอต่างหากที่ยังต้องการเวลา และสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็มีเพียงแค่การรอคอย
ผมถอนใจเบา ๆ แบบที่เริ่มจะทำถี่ขึ้นในช่วง 1 อาทิตย์มานี้ ในหัวมีแต่ความคิดวุ่นวายจนอ่านหนังสือแทบไม่รู้เรื่อง ผมวางหนังสือลงปิดหน้า หลับตาแล้วพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง แต่ความว่างที่ไม่คุ้นเคยก็ทำพิษจนผมเบื่อที่จะวุ่นวายกับเรื่องอื่น ๆ อีก สุดท้ายจึงค่อย ๆ ปล่อยให้ตัวเองหลับไปช้า ๆ
เผื่อว่าตื่นขึ้นมาแล้ว 1 อาทิตย์ที่ยาวนานของผมจะกลายเป็นแค่ความฝันไป
ผมหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างน่ารำคาญที่บนหน้าผาก ผมยกมือขึ้นปัดออกโดยสัญชาตญาณ แต่กลับถูกดึงไว้ด้วยมือนุ่มเย็นที่คว้าข้อมือผมไว้แน่น พร้อมกับเสียงดุ ๆ ที่ดังขึ้น นอนเงียบ ๆ อย่างอแง
ใครงอแง
คุณไง...เด็กโข่งจอมงอแง เธอทำเสียงขึ้นจมูก ไข้ขึ้นขนาดนี้แล้วยังคิดจะมาเถียงหมออีก เดี๋ยวจะจับฉีดยาเสียให้เข็ด
ผมอยากจะหัวเราะกับเสียงของเธอ แต่ก็ทำได้แค่บ่นงึมงำเบา ๆ คุณหมอใจร้าย
ใช่...ฉันเป็นหมอใจร้าย จำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ จะได้ดูแลตัวเองให้ดีแล้วไม่ต้องป่วยอีก
ไม่ได้หรอก ผมรีบบอกปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด ทำตัวเป็นเด็กงอแงกับคุณหมออย่างเธอก็คงไม่เลวเท่าไร
ผมดึงมือเธอที่วางอยู่บนผ้าที่หน้าผากผมลงมาแตะที่ริมฝีปาก ถ้าป่วยแล้วคุณจะมาดูแลแบบนี้...ผมยอม
น่าเสียดายที่มีผ้าน่ารำคาญนั่นวางอยู่บนหน้าผาก แถมเลยมาปิดตาผมเสียด้วย ผมจึงไม่ได้เห็นว่าเธอมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำพูดนี้ แต่ถ้าจะให้เดา ผมเชื่อว่าเธอคงไม่เขินอย่างผู้หญิงทั่วไปควรจะเป็นหรอก แต่เธอจะ...
แหวะ... เธอทำเสียงบอกความเอียนเต็มที่ เพิ่งรู้ว่าคุณหัดคิดอะไรงี่เง่าแบบนี้เป็นด้วย มุกสำออยให้ผู้หญิงมาดูแลน่ะหมดไปตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังหนุ่มแล้วนะ
ผมกระพริบตาปริบ ๆ อยู่ใต้ผ้าที่ปิดไว้ เธอวางมือลงบนผ้านั้นอีกครั้ง นอนเถอะ...คุณต้องพักบ้างแล้ว
ผมพักมานานแล้ว...ทำไมเราไม่ออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไปดูหนัง หรือ...ถ้าคุณไม่ชอบก็ไปร้านหนังสือก็ได้
เธอหัวเราะ คุณเพิ่งบอกว่าจะยอมเป็นคนป่วยให้ฉันดูแล แต่ตอนนี้คุณกำลังงอแง แล้วก็ทำตัวไม่เหมือนคนป่วย
เพราะผมรู้สึกว่าคุณอารมณ์ดี มันน่าเสียดายนะ ที่ผมจะปล่อยเวลาแบบนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
ฉันอนุญาตให้คุณอ้อนฉัน เธอยื่นข้อเสนอ ฟังดูใจดีกว่าปกติจริง ๆ ด้วย
ผมเผลอยิ้มออกมาที่มุมปาก แล้วพลิกตัวนอนตะแคง เธอรีบยกมือขึ้นดันหน้าผมให้นอนหงายตามเดิม แต่เมื่อผมไม่ยอม เธอก็ถอดใจดึงผ้าที่วางบนหน้าผากผมออก ปล่อยให้ผมลืมตาขึ้นแล้วพลิกตัวกลับมานอนหงายมองหน้าเธอ
ผมฝันว่าได้นอนตักคุณ...
เก็บความฝันนั้นไว้ดี ๆ นะ เพราะคุณไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนักหรอก
เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ แล้วโน้มตัวไปหยิบแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะด้านหน้ามา ถ้าคุณยังไม่อยากนอนก็กินยาสักหน่อยเถอะ
ผมรับยาที่เธอส่งให้มากิน แล้วค่อย ๆ จิบน้ำจากแก้วที่เธอยื่นมาป้อนถึงปาก เพิ่งรู้ว่าความสุขเวลามีคนดูแลอย่างใกล้ชิดนั้นดีอย่างนี้เอง
คุณยังอยากออกไปข้างนอกอยู่ไหม
อยู่กับคุณสองคนน่าจะดีกว่า ผมตอบแล้วยิ้มให้เธอ โดยเฉพาะเวลาที่คุณน่ารักอย่างนี้
ปกติฉันไม่น่ารักอย่างนั้นสิ...
เปล่า...แต่วันนี้คุณน่ารักเป็นพิเศษ
คุณไม่ชอบหรือ เธอเอียงคอถาม
ชอบสิ...ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้นละ
เธอยิ้ม ยื่นมือไปหยิบหนังสือที่ผมจำได้ว่าอ่านค้างไว้ก่อนจะหลับไป ฉันอ่านหนังสือให้ฟังดีไหม
คุณคิดจะอ่านพิชัยสงครามของซุนวูนี่เพื่อกล่อมผมจริง ๆ เหรอ
ก็ฉันร้องเพลงไม่เป็น...อย่างดีก็แค่อ่านหนังสือ เธอบอกแล้วเริ่มเปิดอ่าน
เสียงหวานใสเล่าถึงตำนานพิชัยสงครามอันเลื่องชื่อฟังละมุนจนไม่น่าเชื่อว่าเนื้อหาที่เธอเอ่ยถึงนั้นจะเป็นศาสตร์แห่งการสงคราม
ทั้งที่คิดว่าจะไม่หลับ แต่เมื่อผ้าขนหนูนุ่มเย็นถูกวางบนหน้าผากอีกครั้ง กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยเข้ามาแตะจมูก เพียงไม่นานผมก็หลับไปจริง ๆ
เสียงเปียโนแว่วหวานดังขึ้นเบา ๆ ท่วงทำนองอุ่นละมุนชวนฝันทำให้ผมไม่อยากจะลืมตาขึ้น เหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน แต่แสงไฟจากภายนอกก็บังคับให้ผมลืมตาขึ้น
ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะค่อย ๆ ยันตัวขึ้นยืน ในหัวมันมึน ๆ จนลุกแทบไม่ขึ้น คล้ายจะเป็นไข้อย่างที่เธอบอก
เสียงเปียโนหยุดลงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหาด้วยความเสียดาย แต่เมื่อเห็นร่างเล็กบางของผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้ามา ผมก็เผลอยิ้มกว้างแม้จะยังแปลกใจ
เพราะเธอในวันนี้ดูไม่เหมือนผู้หญิงเจ้าปรัชญาที่ไม่เคยสนใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นสาวน้อยที่น่ารักในเดรสผ้าชีฟองสีขาวลายดอกไม้สีส้มและชมพูอ่อนสวย ใบหน้าที่ไม่ค่อยได้สัมผัสสารเคมีที่แรงกว่าแป้งเด็ก เวลานี้กลับแต้มสีอ่อน ๆ ดูเป็นธรรมชาติ ดึงเอาความสวยงามของหญิงสาวแรกวัยแรกรุ่นออกมาอย่างเต็มที่ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองแก่เกินไปจริง ๆ
ฉันมีสองทางเลือกสำหรับวันนี้...คุณจะให้ฉันนั่งรอคุณขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วเราค่อยไปดินเนอร์ข้างนอกกัน หรือ... เธอนิ่งไปแล้วก้มหน้าคล้ายไม่แน่ใจ
หรือ... ผมเลิกคิ้วถาม
หรือจะให้ฉันทำอาหารระหว่างรอคุณ แล้วเราค่อยมาทานด้วยกันที่นี่ เธอบอกเสียงรัว แก้มเนียนขึ้นสีแดงอ่อน ๆ แล้วเธอก็เงยหน้าบอกด้วยท่าทางไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไร
แต่บอกไว้ก่อนนะ...ฉันไม่ถนัดเรื่องทำอาหาร
ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีกับสีหน้าท่าทางของผู้หญิงที่เคยมีแต่ความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ เธอกลับมาเป็นสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ที่โก๊ะและเปิ่นได้อย่างน่าเอ็นดู
เธอทำหน้างอ หรี่ตาลง เบะปากด้วยความงอน หัวเราะอะไร...ไปข้างนอกก็ได้
หัวเราะคุณ... ผมบอกหน้าตาเฉย ถ้าคุณอยากทานที่นี่...ผมทำให้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปเปลี่ยนชุดลงมาดินเนอร์กับคุณ
เธอทำตาโตมองหน้าผมอย่างไม่อยากเชื่อ คุณทำอาหารได้เหรอ
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจเมื่อเห็นแววตาทึ่งจัดของเธอ แม้ว่าความจริงผมจะพอทำได้แค่อาหารง่าย ๆ พอให้ประทังชีวิตไปวัน ๆ ในช่วงที่เรียนอยู่ต่างประเทศก็เถอะ แต่เธอกลับทำให้ความสามารถที่ใช้ยังชีพแบบนี้ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่น่าทึ่งได้อย่างน่าอัศจรรย์
เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก็ถอนใจยาวแล้วส่ายหน้าช้า ๆ ไม่เอา...ฉันจะทำเอง ส่วนคุณขึ้นไปเปลี่ยนชุดเถอะ แล้วก่อนกลับฉันจะจัดนอร์ฟอกไว้ให้ เธอวิ่งเข้ามาดันไหล่ผมให้เดินไปที่บันได ขณะที่ผมยังกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่มั่นใจนัก เพราะถ้าจำไม่ผิดเจ้านอร์ฟอกที่เธอว่าน่ะน่าจะเป็นนอร์ฟอกซาซีน ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียยอดฮิตไม่ใช่หรือ
คุณไม่ไว้ใจฉันเหรอ เธอจ้องตาผมอย่างออดอ้อน แต่นั่นยิ่งทำให้ผมไม่ไว้ใจมากขึ้นกับท่าทีที่ผิดปกตินั้น
ผมไว้ใจคุณ...แล้ววันนี้ก็ยังไว้ใจคุณได้อยู่ใช่ไหม
สาวน้อยของผมคลี่ยิ้มบาง ๆ อืม...ตราบที่คุณยังมั่นใจในตัวฉัน
ผมหัวเราะกับท่าทางจริงจังของเธอ แล้วฉวยโอกาสโน้มตัวลงปัดริมฝีปากลงแตะหน้าผากมนนุ่ม จูบที่ไรผมเธอเบาๆ ก่อนจะดึงตัวออกมองหน้าหวานที่แดงระเรื่อ
คนฉวยโอกาส
โอกาสดี ๆ มีไม่บ่อย ผมก็ต้องรีบฉวยไว้สิ ผมบอกกลั้วหัวเราะแล้วเดินขึ้นบันไดไปอย่างสบายใจเป็นที่สุด
จบลงแล้วใช่ไหม...ฝันร้าย 1 สัปดาห์ของผม
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 53 15:38:35
|
|
|
|